บันทึกจากป่าเขาใหญ่


เที่ยวป่า...ได้ความรู้แบบไม่รู้จบ

15 ธ.ค. 51 ที่ผาเดียวดายบนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ นั่งชมอาทิตย์ยามเช้า อากาศหนาว ลมเย็นมากๆๆๆ ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเมื่อลมพัดจะทำให้มีเสียงดังได้มากขนาดนี้ เรารู้ว่าลมไม่มีเสียง แต่ลมพัดทำให้ป่ามีเสียง “นี่คือเสียงของป่า”

เที่ยวเขาใหญ่ก็หลายครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มากินอาหารเช้าที่นี่ ที่ผาเดียวดาย ...อร่อยมาก มีทั้งขนมปังทูน่าสเปรด, มาม่าคัพ, ไข่ต้ม, กาแฟร้อน อร่อย...อิ่มจัง กินไปก็นึกขอบคุณ คุณหมอที่อนุญาตให้เรามาเนียนในค่าย ศึกษาธรรมชาติเพื่อเข้าใจคุณค่าของชีวิต กับน้องๆนักศึกษาแพทย์รามาปี 4 ในสองวันนี้ได้ เราได้สนุกสนานกับกิจกรรมที่พี่จืด และทีมงานจัดเตรียมให้ พาไปเดินป่าแบบขาลาก

เราได้มองธรรมชาติอย่างเพ่งพินิจนานๆ ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ ธรรมชาติทำให้เราเห็นความจริงซึ่งมีทั้งดี และร้าย สอนให้เราตระหนักว่าไม่ควรมองอะไรด้านเดียว ทุกอย่างมีดีและร้าย ดั่งเช่นต้นไทรกับฉายา “นักบุญแห่งป่า นักฆ่าแห่งพงไพร” ต้นไทรใหญ่ร่มเย็นเป็นที่พักพิงของนกกาและสัตว์มากมาย แต่ก็เป็นเพชรฆาตที่กลืนกินชีวิตของต้นไม้ใหญ่ๆได้มากมาย เช่นกัน

และบางทีธรรมชาติก็สามารถสร้างความเป็นไปได้บนความเป็นไปไม่ได้เช่นต้นเฟริ์นข้าหลวงที่มีลำต้นสูงยาวกว่า 2 เมตร คนที่ไม่เคยเห็นอาจคิดว่า เป็นสายพันธุ์ใหม่ แต่ที่จริงแล้ว ธรรมชาติกำลังช่วยกันสร้างสรรค์บรรเจิด เกิดนวัตกรรม เมื่อมดขนดินไปทำรังบนต้นไม้ เมื่อมีดินเพียงพอให้เมล็ดพืชงอกและเติบโต เมื่อต้นไม้เก่าตาย จึงเกิดต้นไม้ใหม่บนซากต้นไม่เก่า ทั้งนี้ทั้งนั้น ทำให้เราคิดได้ว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแบบบังเอิญ หรือแบบโชคดีอะไรเช่นนี้ ทุกอย่างมีเรื่องราวมีเหตุที่มา กลายเป็นผลที่เป็นอยู่ และธรรมชาติก็สร้างคำถามให้เราได้มากมาย

และเมื่อเราได้คลุกคลี ได้พูดคุยกับผู้รู้ เราจะได้รับการถ่ายเทความรู้มาให้เราเสมอ ตามหลักเดียวกับการถ่ายเทของสารเข้มข้นสูงกว่าไปยังสารที่เข้มข้นน้อยกว่า เพียงแค่เราเปิดรับ เราก็จะได้ทันที นี่กระมังที่ทำให้คนเราได้โอกาสแตกต่างกัน มิใช่โชคลาภ วาสนาแต่อย่างใด

ฉันมีความเชื่ออย่างหนึ่งว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งจะเข้ามาเมื่อเราต้องการจะใช้มันพอดี เพียงแต่เราเปิดตา เปิดใจ เปิดสติรับรู้พอที่จะจับมันได้หรือไม่เท่านั้น

ของในปัจจุบันจะใช้ได้ดีที่สุดในปัจจุบัน ไม่ใช่เตรียมของอดีตมาใช้ หรือวาดฝันถึงของในอนาคต ไม่มีอะไรแน่นอนเท่าปัจจุบัน

ธรรมชาติยังบอกเราอีกว่า There are no perfect หรือไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ เพราะฉนั้น เราก็จะไม่สามารถได้แต่เพียงด้านเดียว เมื่อเราได้บางอย่างเราก็จะเสียบางอย่างไป และเมื่อเราเสียบางอย่างไปขณะเดียวกันเราก็จะได้บางอย่างมาทุกครั้งเสมอ เหมือนมีได้-มีเสีย ไม่มองแต่ด้านที่ได้หรือเสียเท่านั้นถ้าเรามองเห็นทุกอย่างได้สองด้าน มองให้เห็นได้ว่าเหตการณ์นี้อะไรคือได้ อะไรคือเสีย เมื่อเห็นได้ จะไม่ตื่นเต้น ตื่นกลัว ก็จะเหมือนเห็นข้อสอบที่รั่ว เราจะทำได้ด้วยอาการเฉยๆ หรือเรียกให้มัน “แหล่ม” ตามยุค ว่าอาการ “ชิล ชิล” ได้

เข้าป่าคราวนี้ ได้ทฤษฎีมากมาย เอามาใช้กับตัวเอง ใครจะเอาไปใช้บ้างก็ได้นะ

หมายเลขบันทึก: 235769เขียนเมื่อ 17 มกราคม 2009 18:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:10 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

สวัสดีค่ะ

มาชื่นชมธรรมชาติอันละเอียดอ่อน

และใจที่นุ่มละมัยขอเจ้าของบันทึก

เป็นการเรียนรู้

และสัมผัสด้วยตัวตนเอง

เมื่อเข้าถึงธรรมชาติ

ทุกอย่างก็ช่างโสภา

น่าอบอุ่นยิ่งนักค่ะ

ขอบคุณมาก

  • คุณน้องจ๊ะ พี่น่ะชอบเที่ยวอ่านบันทึกของใครต่อใครมากมาย
  • อ่านบันทึกนี้แล้วสุนทรีเหลือเกิน สมเป็นหลานอาจารย์...สุนทรียพันธ์...จริงๆ
  • อย่าลืมว่าทริปหน้าเราจะพาเด็กๆ ลูกหลานเราไปเดินป่า ให้เค้าได้รู้จัก สัมผัส สอนให้เค้าเก็บเกี่ยวบรรยากาศแบบ "ชิล ชิล" กันนะ
หลงป่า สี่ คูณ สี่

หลงป่า สี่ คูณ สี่ บุกสระรี แร็วนี้

ขอบคุณที่นำเรื่องราวดีๆมาให้อ่านค่ะ

เพราะบันทึกนี้ทำให้คิดว่า

วันหนึ่งต้องหาโอกาสแวะเข้าไปค่ะ

ดึกแล้วพักผ่อนนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท