nui
นาง เสาวลักษณ์ พัวพัฒนกุล

เขียนมาบูชาครู


วันนี้เป็นวันครู ฉันขอบันทึกไว้เพื่อเป็นคารวะบูชาแด่ครูทั้งสามท่าน

          ฉันมีครูในดวงใจตลอดกาล ๓ ท่าน  ทุกท่านอยู่ในความทรงจำตลอดมา  วันนี้เป็นวันครู  ฉันขอบันทึกไว้เพื่อเป็นคารวะบูชาแด่ครูทั้งสามท่าน

 

ครูผู้มีจิตใจเป็นครู  "ครูสำเนียง  วรรณเต็น"

 

          ปี  ๒๕๐๖ ฉันอายุ ๗ ขวบ  เพิ่งจบชั้น ป. ๒ จากโรงเรียนวัดท่าไทร  ฉันถูกส่งไปอาศัยบ้านเลี้ยงเด็กที่มีบรรยากาศ น่าสะพรึงกลัว  ต้องไปเข้าโรงเรียนเอกชนที่ใหญ่โต  มีชื่อเสียงของจังหวัดชื่อ  โรงเรียนมานิตานุเคราะห์  

วันแรก  ฉันเดินไปโรงเรียนกับเด็กโตที่บ้านเลี้ยงเด็ก  เดินไปถึงโรงเรียนไม่กล้าแม้แต่จะก้าวเข้าไป  เด็กโตคนหนึ่งลากตัวฉันไปส่งที่ห้องธุรการ  บอกครูห้องนั้นว่าฉันเป็นเด็กใหม่    ครูถามชื่อและบอกให้ฉันนั่งรอ  รอ  รอ  จนนักเรียนทั้งหมดเคารพธงชาติเสร็จเดินเข้าห้องไปแล้ว   ผู้ปกครองที่มาส่งลูกเล็กๆ  เฝ้ามองลูกๆ จนลับตา  บรรยากาศบนพื้นกว้างที่มีอาคารไม้ล้อมรอบค่อยๆ สงบลง

          ครูหันมาเห็นฉัน  อ้าวทำไมยังอยู่  เธอพาฉันเดินขึ้นชั้นสองไปส่งที่ห้อง ป. ๓   ห้องครูสำเนียง วรรณเต็น

          นักเรียนทั้งห้องเงียบ  มองฉันเป็นตาเดียว  ภาพแรกของครูสำเนียงคือ รอยยิ้มที่อบอุ่นมาก  เดินมาโอบตัวฉัน  ทำให้ความหวาดกลัว ขวัญเสีย ของฉันคลายลงทันที  ครู กอด และพาฉันเดินไปที่แถวสาม  ที่นั่งของขวัญใจกับจิราพร  บอกให้ขวัญใจไปนั่งแถวถัดไป  ให้ฉันนั่งลงข้างจิราพร 

ครูสำเนียงพูดอย่างอ่อนโยนกับสองคนว่า  ดูแลเพื่อนด้วยนะ เพื่อนสองคนนี้ดูแลฉันอย่างดี  เรายังเป็นเพื่อนกัน  ได้อยู่ในวิชาชีพเดียวกันในทุกวันนี้

ฉันเรียนหนังสือไม่ทันเพื่อน ท่องสูตรคูณไม่เป็น  บวกเลขไม่ได้  อ่านหนังสือไม่ออก  เด๋อด๋า น่าอายในห้องเรียน  หลังสอนแต่ละเรื่อง  หลังให้งานทำ  ครูสำเนียงจะเดินมายืนข้างๆ ฉัน  โอบไหล่ และถามอย่างมีเมตตาทุกครั้งว่า  เข้าใจมั๊ยจ๊ะ  ทำได้มั๊ยจ๊  เวลาครูมายืนใกล้ทำให้ฉันมีกำลังใจ  เพิ่มความเชื่อมั่น  และค่อยๆ ปรับตัว  ค่อยๆ เรียนรู้  

มีอยู่ประโยคหนึ่งที่ครูสำเนียงถามฉันเสมอ  เวลาไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย  หนูตาเศร้าจัง  มีเรื่องอะไรหรือเปล่า  ฉันไม่มีอะไรจะเล่า   แม้จะไม่อยากให้ครูถามซ้ำซากแบบนี้  แต่ฉันก็รู้สึกได้ถึงความรัก ความเมตตาของครู และซาบซึ้งทุกครั้งที่นึกถึง

ฉันอยู่โรงเรียนดีๆ แห่งนี้แค่เทอมเดียว  ความทรงจำมีเพียงแค่นี้  แต่ความจำ ความประทับใจต่อครูไม่เคยจางหายไปแม้เวลาผ่านไปกว่า ๔๕  ปี   ภาพติดตาของฉันคือ  ครูยังสาวมาก  สุภาพ เรียบร้อย  ไม่ช่างพูด หน้ายิ้มน้อยๆ  ดูอบอุ่น อ่อนโยน เปี่ยมเมตตา  

ฉันมีครูในดวงใจ ๓ ท่าน  แต่ฉันมักจะคิดถึงครูสำเนียง  มากเป็นพิเศษ  อยากบอกครูว่า  ฉันรักครู  ไม่ลืมครู  และ จะคิดถึงครูตลอดไป

ขอเขียนมาเพื่อบูชา ครูในดวงใจ  ครูสำเนียง วรรณเต็น

 

บันทึกเมื่อ ๑๔ มกราคม ๒๕๕๒ 

คำสอนของ ครูนุกูล  เพชรสุวรรณ  เรื่อง “ของสกปรก

 

ครูนุกูล เพชรสุวรรณ  สอนอยู่โรงเรียนมัธยมหลังสวนสวนศรีวิทยา  อ.หลังสวน จ.ชุมพร  อยู่ห้องแถวถัดไปจากห้องแถวที่เราอยู่  ระหว่างห้องแถวมีคูน้ำทิ้งเล็กๆ ที่มีน้ำครำสีดำสกปรก

ครูไม่ได้สอนฉัน  เพราะฉันเพิ่งเป็นนักเรียนชั้น ป. ๓ โรงเรียนวัดขันเงิน  เราเป็นแค่เพื่อนบ้านกัน

วันหนึ่งฉันเห็นครูนั่งยองๆ ใช้ช้อนตักถ่านอันใหญ่ตักขี้โคลน เศษขยะ ของสกปรกทั้งหลายจากในคูน้ำขึ้นใส่ในถังขยะ  กลิ่นเหม็นคลุ้งขึ้นมา  ฉันเข้าไปนั่งดูด้วยความสงสัย

ครูทำอะไร

ตักไปทิ้ง  ครูตอบเรียบๆ  เหลือบตามองฉันแวบเดียว

มันสกปรก  เหม็นจะตาย  ไปทำมันทำไม  เดี๋ยวมือเปื้อน

ครูมองฉันเต็มตา  หน้ายิ้มอย่างใจดี  นานๆ ฉันจะเห็นครูนุกูลยิ้มสักที

เพราะมันสกปรก  ครูจะทำให้มันสะอาด  เห็นไหม  ตอนนี้ครูตักของสกปรกออกไปหมดแล้ว  เดี๋ยวครูก็ไปล้างมือ  มือก็สะอาดเหมือนเดิม

ฉันยิ้มอย่างเข้าใจ  คำสอนง่ายๆ  กับ การกระทำของครู เป็นคำสอนที่ยังคงอยู่ในใจฉันตลอดมา 

เวลาผ่านมานานแล้ว กว่า ๔๐ ปี  ทุกครั้งที่ฉันเห็นของสกปรกที่ไม่อยากทำ  ฉันนึกถึงคำครูนุกูล เพชรสุวรรณ  แล้วฉันจะทำมันอย่างเต็มใจ.

 

บันทึกเมื่อ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๑

ครูขิน ช่วยบำรุง  ครูใหญ่ที่พร่ำสอนเรื่องความดี

 

ปี  พ.ศ. ๒๕๐๘   ครูขิน ช่วยบำรุง  เป็นครูใหญ่  โรงเรียนวัดขันเงิน อำเภอหลังสวน  จังหวัดชุมพร ครูตัวเล็ก ผอมมาก  ตาโต  สวมแว่นสายตา  หน้าไม่เคยยิ้ม  ปีนั้น ฉันเป็นนักเรียนชั้น ป. ๔ 

พอนักเรียนเคารพธงชาติ สวดมนต์จบแล้ว  ครูขินจะออกไปยืนสอนพวกเราหน้าเสาธงทุกวัน  ฉันชอบฟังเรื่องเล่าประกอบคำสอนของครูมาก

วันหนึ่งครูเล่าว่า 

ตอนสงครามโลกครั้งที่สอง  พอเสียงหวอเตือนภัยดังขึ้น  ทุกคนจะวิ่งออกจากบ้านไปที่หลุมหลบภัย  ชายคนหนึ่งวิ่งรวมกลุ่มไปพร้อมๆ กับเพื่อนบ้าน  ขณะที่เสียงเครื่องบินคำรามลั่นอยู่บนฟ้า   เด็กชายเล็กๆ คนหนึ่งถูกเบียดล้มลง  ทุกคนอยู่ในอาการหวาดกลัว  ไม่มีใครสังเกตเห็น  หรือเห็นแต่ไม่มีใครหยุดช่วยเหลือ  ชายคนนั้นวิ่งผ่านไปแล้ววิ่งกลับมาก้มลงเพื่อจะอุ้มเด็กชาย  ทันใดนั้นเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นใกล้ๆ  เขาหมอบลงทับร่างเด็กชายคนนั้นไว้   พอเสียงตูมสงบลง  เขาเงยหน้าขึ้นมอง แล้วพบว่า  เพื่อนบ้านที่วิ่งมาด้วยกันนอนจมกองเลือดอยู่ทั้งหมด  ระเบิดที่ทิ้งมาลงตรงนั้นพอดี

ครูขินสอนว่า   เป็นเพราะชายคนนั้นมีจิตใจเมตตาช่วยเหลือเด็กทำให้เขารอดชีวิต

เรื่องเล่าของครูแจ่มชัดอยู่ในความจำฉัน  ทั้งหน้าตา  น้ำเสียง และเรื่องราว

จากวันนั้นมา  ทุกครั้งที่ฉันเห็นคนที่ต้องการความช่วยเหลืออยู่ตรงหน้า  ฉันนึกถึงคำสอนของครูขิน  ฉันไม่เคยละเลยที่จะช่วยเหลือ.

 

บันทึกเมื่อ ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๑

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 235581เขียนเมื่อ 16 มกราคม 2009 15:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 มิถุนายน 2014 15:27 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สวัสดีค่ะ..

  • ประทับใจและซาบซึ้งกับคำว่า "ครู" มากค่ะ
  • ด้วยความระลึกถึงพ่อกับแม่..ครูคนแรก..ของชีวิต
  • และพระคุณของคุณครูทุกคนที่ทำให้มีวันนี้ได้
  • ขอบคุณค่ะ

  • ขอบคุณ เรื่องเล่าดีดี ในวันครู จ้ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท