"วิกฤตชีวิต..ความชั่วที่เขาไม่ได้ทำ" ... (เข็มทิศชีวิต II ตอน กฎแห่งเข็มทิศ)


ผมพลิกหนังสือ "เข็มทิศชีวิต II ตอน กฎแห่งเข็มทิศ" ต่อ ... ในยามที่เห็นหนังสือเล่มนี้วางอยู่บนโต๊ะทานข้าว ... แล้วผมอ่านเจอตอน "วิกฤตชีวิต"

...................................................................................................................................

บุญช่วยเล่าว่า แต่งงานมีลูก 2 คน วันหนึ่งภรรยาบอกว่า "พ่อจ๋า แม่ลาออกจากงานมาดูแลลูก ถ้าวันหนึ่งพ่อเกิดไปเจอผู้หญิงอื่นหรือเกิดปัญหาอะไรขึ้น แม่กับลูกคงลำบาก"

บุญช่วยโอนบ้าน ที่ดิน หุ้นมาให้ภรรยา ใส่ชื่อภรรยาร่วมในบัญชีเงินฝาก

วันหนึ่งเขากลับมาบ้าน เจอยามรักษาความปลอดภัยยืนอยู่หน้าบ้านพร้อมกับกองกระเป๋าเสื้อผ้าของเขา

ภรรยาเอาทรัพย์สินทั้งหมดไป บอกลูกว่า พ่อเลว มีผู้หญิงอื่น เกาะแม่กิน ทั้งที่เงินทุกบาทสามีเป็นคนหา บอกเพื่อนเขาว่า เขาทำร้ายลูก ทอดทิ้งครอบครัว

ขู่ว่า ถ้าเขาเรียกร้องโวยวาย จะให้ทหารลูกน้องพ่อจัดการ

ผู้คนกล่าวขานบอกเล่ากันถึง "ความชั่วที่เขาไม่ได้ทำ"

เขาเจ็บปวดเจ็บช้ำที่ความดีงามทุกอย่างที่เขาสร้างมากด้วยเจตนาบริสุทธิ์ จนเป็นประจักษ์พยานให้เห็นอยู่เต็มตา กลับถูกทำลายโดยคนที่เขารัก ศรัทธา และไว้ใจที่สุดในชีวิตขนาดยอมตายแทนได้

บุญช่วยสูญเสียทุกอย่าง ตั้งแต่ความรัก คนที่รักที่สุด ลูก ภรรยา บ้าน ทรัพย์สิน ความปลอดภัยในชีวิต เพื่อนฝูง ชื่อเสียง ความเชื่อมั่นในตัวเอง จนเริ่มสงสัยว่า เราไม่ดีจริง ๆ อย่างที่คนว่าหรือเปล่า

เขาตั้งคำถามว่า เวลาที่คน ๆ หนึ่งสูญเสียทุกอย่างในชีวิต คน ๆ นั้นจะเหลืออะไรได้อีก

 

.....................................................................................................................................

วิกฤติที่รุนแรงที่สุดในชีวิต

เกิดขึ้นในเวลาที่เราคาดไม่ถึง ในที่ที่เราคาดไม่ถึง

และจากคนที่เราคาดไม่ถึงที่สุดเสมอ ... แน่นอน

เพราะถ้าเราคาดถึง มันก็จะไม่รุนแรงที่สุดในชีวิต

เพราะอะไร ชีวิตถึงต้องบีบวงเข้ามาทุกด้าน

จักรวาลมีเหตุผลที่ดีที่สุดเสมอ

 

......................................................................................................................................

ข่าวดี

การมีชีวิตที่ยอดเยี่ยม มีความสุข ไม่ได้แปลว่าต้องมีแต่สิ่งดี ๆ เกิดขึ้นในชีวิตตลอดเวลา แต่คือ การที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราก็สามารถรู้ความจริง มีความสุข มีชีวิตที่เติบโต มีพลัง มั่นคง เป็นอิสระในทุกสถานการณ์

เราเรียนรู้ได้ ทั้งจากเรื่องดีและเรื่องร้ายในชีวิต

ไม่มีใครไม่เคยล้ม แต่ทำไมคนบางคนล้มแล้วลุกขึ้นยืนใหม่ได้รวดเร็ว แถมยังมีความสุขที่ยิ่งใหญ่ เป็นอิสระ มีพลังทำประโยชน์ อย่างมีคุณค่า มีความหมายและงดงามกว่าเดิม

 

......................................................................................................................................

เข็มทิศ

มีกฎอะไรในโลกที่คนบางคนรู้

แล้วทำให้ทั้งเหตุการณ์ดีและร้าย

กลายเป็นของขวัญที่ทำให้ชีวิตเขา

เติบโต มีความสุขอย่างแท้จริง

 

......................................................................................................................................

 

เรื่องของบุญช่วย สะกดผมเอาไว้ด้วยการอ่านที่ใจเต้นระรัว ...

ผมอยากจะบอกคุณว่า ผมเคยสูญเสียสิ่งที่บุญช่วยสูญเสีย ถึงแม้ว่า มันอาจจะไม่เหมือนทั้งหมด แต่ทำให้ผมระลึกถึงเรื่องราวเก่า ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต

ผมคิดถึงสภาพตอนนั้นได้ดีที่แทบจะไม่เหลือใคร

ผู้คนที่ผมรู้จักและเค้ารู้จักผม กล่าวขานบอกเล่ากันถึง "ความชั่วที่ผมไม่เคยทำ"

ผมถูกพิพากษาจากสังคมทั้ง ๆ ที่ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่เคยมีใครมาถามผมสักคนว่า ผมเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ไหม

โชคดีที่ผมเหลือคนที่เข้าใจ มีพ่อแม่ที่อยู่ข้างหลัง และผมยังเหลือความเชื่อมั่นว่า ผมมีความสามารถที่เริ่มต้นจากศูนย์ได้ ...

สะเทือนใจจริง ... :(

มันคือชีวิต ... หากใครไม่เคยสัมผัสจะไม่ทราบถึงความรู้สึกหรอก

อย่าเที่ยวไปตัดสินใคร หากไม่เห็นเข้าไปข้างในหัวใจเขา มันบาปกรรม ครับ

......................................................................................................................................

แหล่งอ้างอิง

ฐิตินาถ ณ พัทลุง.  เข็มทิศชีวิต II ตอน กฎแห่งเข็มทิศ.  กรุงเทพฯ: เข็มทิศชีวิต, 2551.

http://www.kemtidchewit.com (4 ม.ค.52)

หมายเลขบันทึก: 233332เขียนเมื่อ 4 มกราคม 2009 16:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:06 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (14)

หนังสือเล่มนี้น่าสนใจดีแท้ค่ะ..

ชอบประโยคของอาจารย์ที่ว่า

"อย่าเที่ยวไปตัดสินใคร หากไม่เห็นเข้าไปข้างในหัวใจเขา "

จริงๆเลยค่ะ..

ขอบคุณสำหรับการแนะนำหนังสือดีๆ.เล่มนี้นะคะ..ได้สิ่งดีให้กับชีวิต..จรรโลงใจดีค่ะ..^^

ขอบคุณ คุณครูแอ๊ว นะครับที่แวะมาเยี่ยมบันทึกนี้เป็นท่านแรกเลย

หลายคนมีนิสัยคิดอกุศลกรรมไว้ก่อนครับ แล้วตัดสิน โดยไม่ใช่วิจารณญาณ พินิจ พิเคราะห์ ถึงเหตุ ปัจจัย ที่มา ต่าง ๆ ไม่เคยรู้จักเค้ามาก่อนรู้ได้ยังไงว่า เค้าได้ทำผิดตามที่คนอื่นกล่าวหา

ศาลยังบอกว่า เค้าจะเป็นกระทำผิดก็ต่อเมื่อพยานหลักฐานชี้มูล มิฉะนั้นเค้ายังเป็นแค่ "ผู้ต้องหา" เท่านั้น

ได้กำลังใจในการทำดีต่อไปครับ ... คุณครูแอ๊ว ลองหาอ่านหนังสือเล่มนี้ดูนะครับ :)

ขอบคุณมากครับ

สวัสดีปีใหม่ค่ะอาจารย์  Wasawat Deemarn

  • อ่านแล้วสะเทือนใจค่ะ
  • ตั้งคำถามกับตัวเองว่า..ในโลกนี้มีคนอย่างภรรยาบุญช่วยด้วยหรือ (เคยเห็นแต่ในละครและนิยายค่ะ)และ บุญช่วยยืนหยัดต่อไปได้อย่างไร
  • ต้องไปหาหนังสือเล่มนี้มาอ่านแล้วล่ะ..
  • การมีชีวิตที่ยอดเยี่ยม มีความสุข ไม่ได้แปลว่าต้องมีแต่สิ่งดี ๆ เกิดขึ้นในชีวิตตลอดเวลา แต่คือ การที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราก็สามารถรู้ความจริง มีความสุข มีชีวิตที่เติบโต มีพลัง มั่นคง เป็นอิสระในทุกสถานการณ์
  • ขอเป็นกำลังใจในการคิดดี ทำดีต่อไปนะคะ ..
  • ขอบคุณค่ะ

 

  • สวัสดีปีใหม่ค่ะอาจารย์ 
  • ไปซื้อมาอ่านก่อนกลับบ้านค่ะ  อ่านเลยตอนนี้ไปแล้ว
  • เคยเจอเหตุการณ์ประมาณ "ความชั่วที่ฉันไม่เคยทำ" มาบ้างเหมือนกันค่ะ  2  ครั้งด้วยกันที่หนักหน่อย  บางคนเขาเลือกที่จะเชื่อในสิ่งที่เขาเล่าว่า....ไปแล้ว ไม่คิดที่จะถาม หรือต้องการคำอธิบายจากเรา ถึงแม้เราชี้แจง เขาก็ไม่เชื่อเรา...จึงไม่มีประโยชน์ค่ะ เพราะเขาได้ตัดสินเราไปแล้ว โดยที่เราไม่มีสิทธิ์อุทรณ์  หากเปิดใจสักนิด  คงจะดีนะคะ  แต่ก็ช่างเถอะค่ะ  ใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น  เราเชื่อมั่นว่าเราไม่ได้ทำแบบที่เขากล่าวหานี่ค่ะ 
  • เข็มทิศชีวิต 2 ตอนกฏแห่งเข็มทิศบอก  ในตอน คุณค่าเขา เขากำหนด ว่า  "สิ่งที่เขาทำเป็นตัวบอกคุณค่าเขา แต่เราไปตีความให้ความหมายว่าสิ่งที่เขาทำเป็นตัวบอกคุณค่าของเรา เราเข้าใจผิดเอง "
  • มาเป็นกำลังใจน้อยๆให้อาจารย์ด้วยอีกคนค่ะ 
  • สู้ๆนะคะ  : )

สวัสดีครับ คุณพยาบาล สีตะวัน :)

อืมม ... ดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริงครับ

ผมเคยดูรายการ "สุริวิภา" ก่อนที่จะออกหนังสือเล่มนี้ คุณฐิตินาถ ผู้เขียนได้เล่าเรื่องนี้ให้คุณแหม่มฟังในรายการเหมือนกันครับ แล้วพบอีกครั้งก็คือ ในหนังสือเล่มนี้ครับ

ผมเองก็ลืมเขียนบอกไปในบันทึกว่า เป็นเรื่องจริง

โชคดีที่ชีวิตเคยตกต่ำมาก่อน และได้สูญเสียการทำความดีทั้งหมดในพริบตา

ขอบคุณครับ :)

สวัสดีครับ น้องคุณครู เทียนน้อย :)

"...สิ่งที่เขาทำเป็นตัวบอกคุณค่าเขา แต่เราไปตีความให้ความหมายว่าสิ่งที่เขาทำเป็นตัวบอกคุณค่าของเรา เราเข้าใจผิดเอง..."

ความคิดของคนที่คิดไม่ดีต่อผู้อื่น ทั้ง ๆ ที่ตนเองไม่ทราบข้อเท็จจริงใด ๆ ถือเป็นอกุศลจิตที่ออกไปการอาฆาตมาดร้ายครับ เป็นบาปแน่นอน

ชีวิตไม่ได้โรยด้วยดอกกุหลาบ ... อยากได้สิ่งใดต้องทำเอง

เมื่อล้มก็ต้องลุกให้เร็วที่สุด ...

ขอบคุณสำหรับกำลังใจดวงน้อย ๆ ที่ส่งมาครับ :)

  • ความดีไม่ได้สูญเสียไปไหนหรอกค่ะ.. มันอยู่ในตัวเรานี่เอง ..แต่เหตุการณ์นั้น ๆ หรือขณะนั้นอาจทำให้เราเสียความมั่นใจไปชั่วครู่เท่านั้นเอง...รึเปล่า.!

สักระยะหนึ่งครับ คุณพยาบาล สีตะวัน :)

เกือบปีเท่านั้นเอง ...

สติเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้เราผ่านเรื่องราวที่เลวร้ายต่างๆได้ เป็นตัวของตัวเองนะคะ

แฟนคลับคนเดิม

"อย่าเที่ยวไปตัดสินใคร หากไม่เห็นเข้าไปข้างในหัวใจเขา "

ฃอบคำนี้มากเลยค่ะ

เห็นวางขายอยู่ที่ร้านเซเว่น เห็นผ่านๆตาพรุ่งนี้ต้องหยิบอ่านซาแย้ววว

ขอบคุณมากครับ คุณ เต้าเจี้ยว ต.ที่2 ทีมเลขา 3 ต. :)

แฟน "ขับ" หรือครับ :) ล้อเล่น ครับ

ขอบคุณครับ คุณ เพ็ญศรี(นก) :)

ไปหยิบอ่าน ไม่ได้หยิบซื้อ ใช่เปล่าครับ :)

มันคือชีวิต ... หากใครไม่เคยสัมผัสจะไม่ทราบถึงความรู้สึกหรอก

อย่าเที่ยวไปตัดสินใคร หากไม่เห็นเข้าไปข้างในหัวใจเขา มันบาปกรรม ครับ

 

  • คิดว่าเข้าใจเป็นอย่างยิ่งค่ะ
  • ขอบคุณค่ะ
  • อาจารย์ทำให้ครูปูต้องใช้เวลาว่างที่มีอันน้อยนิดเข้าร้านหนังสืออีกแล้วค่ะ
  • ขอบคุณมาก ๆ
  • และขออนุญาตเป็นกำลังใจด้วยคนนะคะ
  • ธุ อาจารย์วสวัตดีมารค่ะ..

"ความชั่วที่เราไม่ได้ทำ".... เข้าใจดีเลยค่ะ    อาจจะไม่ใช่ในรูปแบบของเรื่องเล่าที่อาจารย์นำมาเสนอ แต่ก็มีเรื่องราวที่บทสรุปในสายตาคนอื่นคือ "ฉันผิด"

ต้อมถูกพิพากษาว่าเป็นผู้ผิด    โดยที่ไม่มีใครถามว่าเรื่องนั้นเกิดขึ้นจริงไหม?   ต้อมไม่รู้ว่าทำไมไม่ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อตัวเอง    แต่ถ้าลุกขึ้นมาแล้วจะทำให้ผลสะท้อนกลับไปยังทุกคนที่อยู่รอบๆ ตัว (ซึ่งก็คือผู้ดูทั้งหลาย  รวมไปถึงโจทก์) ต้อมก็คงจะไม่พ้นจากที่พวกเขามองอยู่ดี   เพราะสิบคนจะต้องถือมีดพุ่งเข้าใส่ต้อมอย่างไม่ปราณีเพียงเพื่อพวกเขาจะได้ยืนอยู่อีกฝั่ง..นั่นคือ "ไม่ผิด"     แล้วต้อมล่ะคะ???????....ก็ไม่มีใครเชื่ออยู่ดี

ทุกวันนี้ต้อมเลือกที่จะนิ่ง และสงบเท่าที่จะทำได้     หลายๆ ครั้งที่รู้สึกว่าทนไม่ไหวแล้วนะ   น้ำตาไหล..   จนอยากจะร้องตะโกนบอกความจริงไปกับทุกๆ คนไปในที่สุด (แต่ก็ไม่ทำ)     

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท