ปะวากะญอ-วะเบลอลู่......เฉียดตาย


ให้ได้มีโอกาส ซ้อมตาย ก่อนตาย

  บันทึกสุดท้าย สำหรับการออกหน่วยแพทย์อาสา ที่บ้านวะเบลอลู่ จ.ตาก

     ดีใจที่ได้กลับมาเขียนทบทวนเหตุการณ์ ในวันนั้นอีกครั้ง วันที่เราเริ่มเดินทาง จากลา ยอดดอยที่แสนสวย ดุจภาพในเทพนิยาย บ้านวะเบลอลู่ ของเผ่าปะวากะญอ ชาวไทยภูเขาที่ผู้เขียนมีโอกาสพบเจอเป็นครั้งแรก แต่กลับเป็นศูนย์การเรียนชุมชน  ตามพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ มาหลายปีแล้ว

    เสียดาย ที่คุณภาพกล้องไม่อาจบันทึกภาพความทรงจำอันน่าระทึกได้ดีกว่า ใจของผู้เขียนเอง ดังนั้น จึงของถ่ายทอดออกมา ตามตัวอักษรต่อจากนี้ไป

  ถนนสายเดิม ที่เมื่อได้รับน้ำฝนที่ตกพรำๆต่อเนื่อง อีก 3 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเรื่องยุงยากมาก กับการขึ้นดอยด้วยยานพาหนะที่มีอยู่ ที่ทั้งลากทั้งจูง แต่ทว่า คราวนี้ ถึงเวลาเดินทางกลับ เป็นการลงเขาเสียส่วนใหญ่ มีโค้งหักศอกตลอดเส้นทาง ถนนที่ถูกสร้างด้วยกำลังคน โดยไม่มีเครื่องจักรกลใดๆ จึงเป็นการ เริ่มต้นจากขอบเหว แล้วขุดลึกเข้าไปยังลูกเขา ดังนี้แล้ว ซีกหนึ่งของถนน จึงเป็นหุบเหว ที่ลึกสุดสายตา

  ผู้เขียนเองนั่งรถ อบต.คันเดิมคนขับคนเดิมด้วยความมั่นใจ แต่แล้ว เมื่อรถลงเขามาเรื่อยๆ เราต้องนั่งกระบะหลัง จึงทำให้มองเห็นภาพที่จะเกิดต่อไปภายหน้าได้อย่างชัดเจน ทุกโค้ง ทุกเนินสูงต่ำ ความเละเทะของถนน ที่เกิดจากฝนผิดฤดูกาล รถไถลแฉลบไปมา อย่างน่าระทึก บางครั้งรถแทบขวางถนน และแล้วก็มาถึงจุดที่ผู้เขียนระลึกถึงเมื่อใด ก็เกิดอาการขนลุกขึ้นมาทุกคราวไป รถเริ่มมีอาการ เหมือนจะควบคุมไม่ได้ ต้องปล่อยตามยะถากรรมแบบนั้น เห็นอยู่ข้างหน้า ว่าเป็นการลงเขาที่ชัน และหักศอก รถวิ่งไปตามแรงส่ง ที่สูงสู่ที่ต่ำ ใจหายวาบ ทุกคนที่เคยส่งเสียงกันบ้างเวลาผ่านจุดหวาดเสียว คราวนี้กลับเงียบกริบ

   มองจากมุมบน รถกำลังทะยาน ไปตามร่องถนน แต่มุ่งหน้าสู่ขอบถนน มันกำลังจะพุ่งลงเหว ที่เห็นเพียงยอดไม้รำไร

  ขณะจิตหนึ่งนั้น ผู้เขียนยอมรับสภาพนั้น เรากำลังจะไปสู่จุดอันตราย ที่อาจจะถึงแก่ชีวิตก็ได้ ใจมันวาบ แล้วกลับว่างโล่ง เหมือนเทผงขยะในถัง ทิ้ง ไม่มีความอยาก โลภโมโทสัน หรือใฝ่ฝันใดๆตกค้าง ไม่เสียใจ ไม่ดีใจ หรือมีหวังต่อไปอีก แล้วผู้เขียนก็หลับตาลง รู้สึกถึงแรงกระแทกกระเทือนไปตามจังหวะ และหยุดลง หยุดลงตรงขอบปากเหวพอดี

  ครึ่งหนึ่งของคนในรถ ค่อยๆกระโดดลงรถ เพราะไม่อาจจะทนนั่งต่อไปได้ แม้ทางต่อไปนี้ จะลดความน่ากลัวลงบ้างแล้ว จึงขอเดินคู่ไปกับรถ ผู้เขียนยังนั่งต่อไป จนถึงตีนเนิน จึงเรียกกันขึ้นมานั่งโดยสารต่อไป

  เส้นทางคดเคี้ยว และเถือกไถลต่อไป หลายครั้งหลายครา แต่มันก็ไม่อาจมาทำร้ายจิตใจให้ผู้เขียนรู้สึกหวาดกลัวไปมากกว่านี้อีกแล้ว

  รถของเราถึงก่อนใครๆ ในเวลาพลบค่ำ ยังทิ้งคันอื่นๆไว้อีก สี่คัน ที่มองเห็นไกลๆได้ในบางครั้ง คล้ายรถเด็กเล่นที่วิ่งล้อตามกันมาอย่างเชื่องช้า

 ผู้เขียนลงจากรถ ด้วยขาที่เป็นเหน็บชา ไปข้างหนึ่ง เพราะยืนเกร็งมาตลอดทาง หนาวสะท้านทั้งอากาศ และตากน้ำฝนมาตลอดทาง ประกอบกับยามค่ำคืนที่นี่ ก็หนาวเย็นเป็นทุนอยู่แล้ว อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า หาอาหารแห้งกินนิดหน่อย แล้วก็เข้านอนรอฟังข่าวคณะที่ตามมา ไม่รู้ข่าว ไม่มีการติดต่อ มีแต่จินตนาการในความมืด และจิตอธิษฐานให้ทุกคนปลอดภัย เกือบสี่ทุ่ม ผู้เขียนได้ยินเสียงรถคันสุดท้ายวิ่งเข้ามาในบริเวณที่พัก และได้ยินเสียงที่แสดงความยินดีปรีดา ที่ทุกคนปลอดภัย ส่วนผู้เขียนเอง ไม่ได้นอนหลับ เพียงแต่สังขารมันอ่อนล้าเกินกว่า จะนั่งคอย เมื่อทราบว่าทุกอย่างจบลงด้วยดี ผู้เขียนก็เกิดอาการชนิดหนึ่ง ที่ต้องลุกพรวดพราดจากที่นอน งมทางในความมืด ไปยังห้องน้ำ แล้วก็อาเจียน อาเจียน จนหมดไส้ หมดพุง แล้วความผ่อนคลายก็กลับมา ก่อนจะกลับมานอนหลับเป็นตาย อย่างสบายใจ

           

Dsc02153

เมื่อผู้เขียนได้มีโอกาส พลิกหมวกที่แจก ให้ใส่ปฏิบัติงาน

จึงพบคำว่า

"เกิดมาสร้างบารมี"

เป็นเช่นนี้เองหนอ

Dsc02258

กับภาพ กับสถานที่ และความทรงจำไม่รู้ลืม

บ้าน "วะเบลอลู่" ของเผ่า ปะวากะญอ ต.แม่สอง

อ.แม่สองยาง จ.ตาก ประเทศไทย

Dsc02170

ด้านหนึ่งของถนน จะติดภูเขา แต่ อีกข้างหนึ่งจะติดปากเหวเสมอ

ตลอดเส้นทาง ถนน"พุทธวิถี" แห่งนี้

Dsc02259

โชว์เฟอร์ ที่เป็น อบต.แม่สอง

บอกแต่ว่าผมชื่อ เสกสรร เรียก เสก โลโซ ก็ได้ครับ

ขอบคุณกับกำลังใจ และฝีมือที่เข้มแข็ง

จนพาพวกเรากลับอย่างสวัสดิภาพ

Dsc02168

เมื่อหันกลับไปอีกครั้ง

หมู่บ้าน"วะเบลอลู่" ก็ถูกกลืนหายไปกับขุนเขา

จะเห็นก็แต่ทางเส้นคดเคี้ยว เหมือนทางเดินของมด ในยามนี้

Dsc02112

ลาก่อน...วะเบลอลู่

จะจดจำไว้ ว่าครั้งหนึ่ง ณ ที่แห่งนั้น ได้ให้บทเรียนชีวิตแก่ผู้เขียน

ให้ได้มีโอกาส ซ้อมตาย ก่อนตาย

ให้ได้รู้ว่าแท้จริงแล้ว เราทุกคนเมื่อถึงคราวจะต้องตาย

ไม่มีใครที่ยังคิด ยังอยากได้ หรือสรรหา อะไรที่ไม่ได้อยู่ภายในตัวเราอีกเลย

เพราะขณะนั้น เราคงจะเก็บตัว เก็บใจ อยู่กับตัวตน

เพื่อยอมรับความตายเบื้องหน้า

และรอ การออกเดินทางของชีวิต หลังความตายต่อไปต่างหาก

หากสิ่งดีใดๆ จะเกิดขึ้น ในการออกปฏิบัติงานของพวกเราทุกคน

หากจะเกิดบุญบารมีใดๆ ในการครั้งนี้

ก็ขอให้ผู้อ่านทุกท่าน ได้รับอานิสงส์นั้น โดยทั่วกันค่ะ

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 232823เขียนเมื่อ 31 ธันวาคม 2008 18:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:05 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)
  • กว่าจะหาช้างเผือกได้ ก็ต้องเข้าป่าบุกฝ่าฝันค่ะ
  • โชคดีนะคะ ที่ปลอดภัยกันทุกคน ได้มีโอกาสสร้างบุญบารมีกันค่ะ

 

สวัสดีปีใหม่ค่ะ ขอให้มีความสุขมากๆค่ะ

สวัสดีค่ะ

 * มาชื่นชมผู้สร้างบารมี ได้สำเร็จค่ะ " ได้มีโอกาส ซ้อมตาย ก่อนตาย "

* ฝากภาพมาให้คิดถึงยามเทถังขยะค่ะ

เห็นสภาพถนนแล้ว..เดินดีกว่า

เสี่ยงมากๆๆ..แต่น้อยกว่า 3 จชค.

เพื่อบำรุงร่างกาย..เอานี่ไป

สวัสดีปีใหม่ 2552

คิดดี ทำดี  โชคดี มีสุข หมดทุกข์ หมดโศก ร้ายโรคภัย ตลอดีใหม่ 2552

สวัสดีค่ะคุณBright Lily

กว่าจะได้สิ่งที่ปรารถนา ก็ต้องมีอุปสรรคพอสมควร

ฝนที่ตกลงมา ก็ไม่มีใครคาดคิด

เหตุการณ์เฉพาะหน้า ก็ทำให้เกิดปัญญาได้เหมือนกัน

ก็คงตรงกับ การสร้างบารมี

ที่ต้องมีส่วนประกอบหลายประการ

ให้ได้ร่วมสุขใจด้วยกันค่ะ

สวัสดีค่ะคุณ amena mena sirikes

ค่ะ

ได้รับและแบ่งปันความสุขซึ่งกันและกันนะคะ

ให้โชคดีตลอดไป

สวัสดีค่ะคุณนาง พรรณา ผิวเผือก (ไม่มีชื่อกลาง)

ใช่เลยค่ะ

ภาพนี้แทนความรู้สึกการเทถังขยะได้ดีมากๆค่ะ

มันโล่ง สว่าง ไม่มีอะไรในห้องใจเลยค่ะ

คงต้องหมั่นเทขยะให้บ่อยขึ้น

ซ้อมตาย ก่อนตาย

สวัสดีค่ะพี่เกษตรยะลา

ถ้าเย็นวันนั้น

ได้อาหารจานนี้คงอร่อยเหาะ

ที่จริงไมได้ตั้งใจจะค้างที่นี่ต่อ

ต้องเดินทางต่อไปกินข้าวเย็นที่วัดบ้านขุน

แต่เหตุการณ์เปลี่ยนไป

เลยต้องค้นข้าวเหนียวออกมากิน

ไม่รู้รสชาดหรอก หิว หรืออิ่มก็ไม่รู้

มันมึนๆไปหมด

ตอนนี้ที่บ้านก็หุงข้าวผสมแบบนี้แหละ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะคุณเพชรน้อย

สวยจังพระจันทร์ยิ้ม

ยิ้มหวานเหมือนเจ้าของภาพหรือเปล่าเอ่ย

ขอบคุณมากๆค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท