KM อยู่ที่ใหน...?
มีหลายคนที่คิดว่าเมื่อหมดงบประมาณ และท่านผู้ว่าฯวิชม ทองสงค์เกษียณอายุราชการแล้ว KM จะหมดไปด้วย ไม่ต้องทำ KM แล้ว ได้ทำงานของตัวเองเสียที หากใครคิดอย่างนี้ก็น่าเสียดายที่คนคนนั้นมองไม่ออกว่างานที่ทำอยู่ประจำก็ KM และไม่มีที่ใหนที่ไม่มี KM เพราะ KM อยู่ในทุกอนูของงานที่คุณทำ หรือแม้แต่เรื่องส่วนตัวของคุณเอง
จากเสียงสะท้อนของคนทำงานในภาคีเครือข่าย ที่บ่งบอกถึงการทำKM แบบแยกส่วน มองการทำงาน KM ว่าเป็นงานนอกภารกิจของหน่วยงาน ซึ่งเป็นที่น่าเสียดาย KM เป็นเพียงอากาศ ที่ใครเห็นว่าเป็นประโยชน์ก็สามารถที่จะนำไปใช้กับงานของตนเพื่อให้เกิดการพัฒนาแบบยั่งยืน แต่จากเสียงสะท้อน ทำให้ทราบว่ายังมีหน่วยงานที่นำ KM เข้ามาไว้ในหน่วยงานเพื่อที่จะบอกกับคนอื่นว่า ของข้าก็มี KM ซึ่งจริงๆ แล้วมันไม่ใช่ KM มีอยู่ในหน่วยงานแต่ถ้าไม่รู้จักใช้มันก็ไม่เกิดประโยชน์ KM คือการจัดการความรู้ เมื่อเกิดกระบวนการในหน่วยงานก็จะทำให้หน่วยงานเป็นหน่วยงานแห่งการเรียนรู้ หากใช้กับตัวบุคคลก็จะเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ แต่ถ้ามีไว้เป็นเอกสารตั้งไว้เฉยๆ ไม่ทำความเข้าใจ ไม่นำไปปฏิบัติ ก็ไม่สามารถที่จะเข้าถึง KM ได้
ผมคิดว่า KM ที่ว่านั้นมันมีมาตั้งนานแล้วเพราะกระบวนการที่ทำนั้นมันดูคุ้นๆอยู่ ผมยังรู้สึกอยู่เลยว่ากระบวนการวิธีการและการจัดการมันคล้ายกับการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรประกาศนียบัตรอาชีพ (ปอ.) ของ กศน.เสียด้วยซ้ำ แต่หลักสูตรซึ่งใช้หลักการและกระบวนการเหมือนกับกระบวนการทำ KM ได้ถูกยกเลิกไปเสียแล้ว ครูหลักสูตรประกาศนียบัตรอาชีพหลาย คนทั้งประเทศ ถูกลอยแพ ก่อนที่กระบวนการนวัตกรรม KM จะเข้ามาโดดเด่นอยู่ในปัจจุบัน คิดว่าหากมีหลักสูตรนี้อยู่จังหวัดนครน่าจะพัฒนาไปได้มากกว่านี้เพราะเราจะมีบุคลากรที่จะมาร่วมงานเป็นคุณอำนวยที่ทำงานอยู่ในพื้นที่จริงๆ และได้ใช้กระบวนการ KM มาก่อนพวกเราเสียอีก ผมคิดว่า คน กศน. รู้เรื่องนี้ดี
ที่บอกว่า การจัดการเรียนการสอนหลักสูตรประกาศนียบัตรอาชีพ (ปอ.) เหมือนกับการทำ KM เพราะการเรียนการสอนหลักสูตรนี่ไม่ได้เน้นให้นักศึกษาเรียนในสิ่งที่เหมือนกัน แต่ทุกคนเรียนในสิ่งที่ตนอยากเรียนเพื่อพัฒนาอาชีพที่ตนทำอยู่ การพบกลุ่มของนักศึกษาหลักสูตรนี้เพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน หลังจากนั้นก็กำหนดเป้าหมายที่จะปฏิบัติเพื่อการพัฒนา แล้วต้องปฏิบัติ ในการปฏิบัตินั้นผู้เรียนต้องมีการจดบันทึกกระบวนการเรียนการสอนทั้งที่พบกลุ่ม และทั้งองค์ความรู้ต่าง ๆ ที่ได้จากการปฏิบัติเพื่อมาแลกเปลี่ยนกันในการพบกลุ่มครั้งต่อไป หมุนเวียนกันอยู่อย่างนี้เป็นเวลา 3 ปีจึงจะจบหลักสูตรนี้ พอมาถึง ณ วันนี้ คิดว่า กศน. เองก็น่าที่จะมาทบทวนนวัตกรรมที่เคยใช้แล้วมันได้ผลจริงๆ ที่ถูกยกเลิก ทิ้งให้เป็นประวัติศาสตร์ แต่จริงๆแล้วในกระบวนการยังใช้ได้อยู่และยังใช้ได้ดีเสียด้วยตอนเป็นหลักสูตร ปอ. มันดีแต่ไม่ดังพวกเราเลยไม่สนใจ แต่พอเป็น KM กลับมาดังและมีคนสนใจกันทั้งประเทศ
หลายคนถามผมว่า KM คืออะไร ผมตอบว่าผมไม่รู้ แต่ผมทำได้ ถ้าอยากจะรู้ว่า KM คืออะไรก็ต้องมาทำทำแล้วจะรู้และเข้าถึง ถ้าจะให้บอกทฤษฎีนั้นผมบอกไม่ถูก เพราะเท่าที่ผมรู้ก็เพราะผมทำ และไม่ได้ทำคนเดียว ผมทำเป็นทีม ตอนนี้ผมคิดว่าถ้าหากไปถามชาวบ้านว่า KM คืออะไรชาวบ้านคงตอบเหมือนผมคือไม่รู้ว่าคืออะไร แต่ที่กำลังทำอยู่คือ KM
KM อยู่ที่ใหนก็ไม่ดีเท่าที่อยู่ในตัวคน นำเข้าไปไว้ในสำนักงานเต็มพื้นที่เต็มอาคารก็ไม่เกิดประโยชน์ แต่หาก อยู่ในตัวคนสามารถที่จะใช้ประโยชน์ได้ทั้งกับตัวเอง คนรอบข้าง ชุมชนสังคม เพราะฉะนั้นผมคิดว่า KM ต้องอยู่ที่ใจ เพราะมันสามารถที่จะเอาออกมาใช้เมื่อใหร่ก็ได้ และที่สำคัญผมคิดว่า KM จะอยู่ที่ใจของคนที่อยากทำเท่านั้น
สวัสดีปีใหม่ ขอให้โชคดีในปีฉลู นะคะ
สวัสดีปีใหม่ เช่นกันครับ อาจารย์กิติยา ...ขอให้โชคดีตลอดปี 2552 และปีต่อๆไปอีกน๊าน...นาน ครับ...
สวัสดีปีใหม่ครับครูราญ
มาเรียนKM ครับครูจะได้เอาความรู้ไว้ในตัว มาใช้ให้เกิดประโยชน์กับตัวเองแลคนรอบข้างครับ
สวัสดีปีใหม่เช่นกันครับ...บังหีม