ผมซื้อคอนโดมีเนียมเป็นที่อยู่อาศัยอยู่ชานเมืองของกรุงเทพมหานคร กะว่าจะอยู่ทำงานให้ได้ประสบการณ์ที่ดีและได้ทำในสิ่งที่ได้ใช้ความรู้ความสามารถให้เป็นประโยชน์แก่สังคมพอสมควรแก่อัตภาพ แล้วก็จะย้ายไปอยู่ในชนบท ก่อนที่จะหมดไฟการทำงานและใช้ชีวิต
ในหมู่บ้านที่ผมอยู่อาศัยนั้น ผู้คนให้ความรู้สึกเหมือนเป็นชุมชนในชนบทมากทีเดียว และในหมู่บ้าน ก็มีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง แกดูภายนอกเหมือนสติไม่ดี เวลาเดินจะหัวพุ่งไปข้างหน้าเหมือนอาการคนเซถลาและกำลังจะล้มคะมำ แต่ไม่ล้ม เนื้อตัวมอมแมม ผมกระเซิง สองมือมักถือถุงพลาสติกใส่เศษอาหารหรือสิ่งของที่แกเลือกเก็บได้จากถังขยะต่างๆในหมู่บ้าน
แกพำนักอยู่ในเพิงที่ปลูกสร้างด้วยปีกไม้และเศษวัสดุจากกองขยะอยู่กลางพงหญ้าด้านหลังของหมู่บ้าน
มีคนบอกว่าแกมีญาติพี่น้องอยู่แถวนั้นเหมือนกัน แต่แกไม่ยอมอยู่กับเขา แกสมัครใจที่จะอยู่อย่างแวดล้อมด้วยสมัครพรรคพวกของแกมากมายอยู่ที่เพิงพักนั้น คือ เหล่าสุนัขหรือหมาทั้งหลายแหล่ที่เร่ร่อนจรจรัดอยู่ในหมู่บ้านนั่นเอง เศษอาหารและสิ่งของต่างๆ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นสิ่งที่แกนำไปดูแลหมาทุกตัวที่แกเห็นในหมู่บ้าน
หมาทุกตัวในหมู่บ้านเป็นมิตรกับแก แปลกจริงๆ แม้แต่หมาที่ดูขี้เรื้อนและทรุดโทรมอย่างมาก เวลาเจอคนอื่นๆก็จะไม่รู้สึกสึกรู้สา เหมือนไม่มีชีวิต แต่พอแกเดินผ่าน ก็กลับปราดเปรียว ประจบประแจง และวิ่งไล่หยอกล้อ ทั้งในหมู่กันเองและการวิ่งล้อมหน้าล้อมหลังแก
วันหนึ่ง ผมไปวิ่งออกกำลังกาย ผมก็เจอแกเดินลากถุงเศษอาหารไปตามข้างถนน แวดล้อมด้วยหมาตัวเล็กใหญ่หลายตัว มุ่งไปทางที่เป็นเพิงพักของแก แต่สักพัก แกก็หยุด และส่งเสียงร้องอย่างฟังไม่ได้ศัพท์ แต่ก็พอรู้ว่าแกเรียกหมาอีกตัวหนึ่งซึ่งวิ่งไม่ทันเขา พอไกลจากฝูงมากเข้า มันก็ทำท่าจะไปทางอื่น แกก็หยุดและวิ่งกลับไปลากถูลู่ถูกัง กระทั่งไปรวมกลุ่มกับตัวอื่นได้ ก็พาทั้งฝูงไปให้อาหารที่ลานดินหน้าเพิงพักของแก
ผมเห็นแล้วก็รู้สึกได้สัมผัสความงดงามที่สะท้อนออกมาจากจิตเดิมแท้ เหมือนได้เห็นศิลปะแสดงสด (Performance Art) ที่ยิ่งใหญ่ อลังการ เห็นความรัก ความเมตตากรุณา และความเอื้ออาทร ที่หลั่งรินออกมาดูแลโลกรอบข้างอย่างปราศจากการปรุงแต่งใดๆทั้งสิ้นของหญิงผู้นั้น
เมื่อวานก่อนนี้ ก็ได้เจอเรื่องทำนองนี้อีกครับ
ผมเดินออกจากที่พัก เดินออกมาได้สักหน่อยหนึ่ง ก็สังเกตเห็นนกพิราบท่าทางเหมือนบาดเจ็บ แต่พอไปใกล้ มันก็ถลาไปได้อีกนิดหนึ่งแล้วก็ร่วงลงดิน เดินเตาะแตะ-เตาะแตะ พอเข้าไปใกล้จะถึงตัว ก็กระพือปีก โดดหนีไปอีก เหมือนจะไปไหนไม่รอด
ผมฉุกคิด วิชาการดำรงชีวิตเมื่อตอนอยู่บ้านนอกกลับเข้ามาให้ผมคิดไปอีกทางหนึ่งว่า หรือว่าเพื่อนของมันเป็นอะไรไป พอเอะใจก็มั่นใจทันที เพราะโดยปรกติแล้ว นกพิราบเป็นสัตว์ที่มีพัฒนาการด้านชีวิตรวมหมู่ อยู่กันเป็นชุมชน และเป็นคู่ การเห็นอาการอย่างนี้และมีอยู่ตัวเดียว เป็นการหลอกล่อให้เราหันเหความสนใจจากบางสิ่งไปสู่ตัวมันเอง เพื่อนของมันน่าจะเป็นอะไรอยู่แถวนี้เสียกระมัง
เมื่อคิดดังนี้ แทนที่จะเดินตามมันไป ผมก็เดินย้อนไปอีกทางหนึ่ง แล้วก็จริงเสียด้วยครับ ข้างๆนั้นมันมีแอ่งน้ำ และในแอ่งน้ำนั้น มีนกพิราบอยู่ตัวหนึ่งจริงๆ กำลังตกน้ำอยู่มะล่อกมะแล่ก พอผมเดินไปถึงก็หยุดตะเกียกตะกายรีบซุกตัวหลบกอหญ้า
ผมช่วยจับมันขึ้นไปวางบนพื้น สบัดและกระพือปีกอยู่ครู่เดียว ก็พากันบินขึ้นไปเกาะบนชายคาเตี้ยๆ แล้วก็ค่อยๆ โผขึ้นไปตามชายคาสูงขึ้นไปทีละนิด ๆ ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่า ในเวลาอย่างนี้ เวลาที่มันบินพากันไปนั้น มันเหมือนกับตัวหนึ่งคอยประคับประคองให้เพื่อนมันบิน
เดินผละออกมาแล้ว ก็ช่างประทับใจและคิดไปตลอดทางว่า ฤาความรัก ความมีจิตใจเอื้อเฟื้อ คุณธรรมเอื้ออาทรต่อกันอันสูงส่ง เป็นส่วนหนึ่งซึ่งกันและกันของสรรพชีวิต ที่ปรากฏให้เห็นแม้ในสัตว์ที่เราเชื่อว่าอยู่โดยสัญชาติญาณนั้น คือพื้นฐานเดิมแท้ของธรรมชาติ และไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถปรุงแต่งด้วยสมองหรือกระบวนการทางสติปัญญาแบบที่เราคุ้นเคย
ทั้งสองเรื่อง ทำให้ผมนึกถึงภาวะประภัสสรแห่งจิต หรือธรรมชาติเดิมแท้ของจิตซึ่งเป็นแนวคิดที่เชื่อว่ามีความบริสุทธิ์ งดงาม เป็นภาวะการไม่ปรุงแต่ง เหมือนกับที่เราสามารถเห็นจากธรรมชาติ ซึ่งเป็นภาวะที่สรรพชีวิตสามารถมีพื้นฐานอันงดงามดังกล่าวได้เหมือนกัน .
สวัสดีค่ะ อ.วิรัตน์
ภาพ Performance Art ที่อาจารย์ได้พรรณนามาให้เห็นภาพนั้นลึกซึ้ง.. เป็นภาพศิลปะแห่งการดำรงอยู่ของชีวิต ที่แสดงให้เห็นความเป็นหนึ่งเดียวของสรรพสิ่งผ่านแต่ละชีวิต
นั่นแสดงว่า จิตวิญญาณของอาจารย์ยังคงละเอียดอ่อนพอที่จะสัมผัสได้ถึงความเป็นหนึ่งเดียวของสรรพสิ่ง ซึ่งการคิดด้วยสมองหรือการใช้เหตุผลไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกนี้ ..อาจคิดได้..แต่ไม่ได้แปลว่า จะรู้สึก..หรือสัมผัสได้...
เป็นเรื่องน่าปีติยิ่งของชีวิตค่ะ..^__^..