การเรียนรู้จากทุกข์


การปฏิบัติธรรมกับนพลักษณ์ "รู้ตัว" "อตัมโย"

ครบรอบ 1 เดือน 5 วัน หลังจากที่ไปอบรม "นพลักษณ์กับการปฏิบัติธรรม" กับท่านอาจารย์สันติกะโร จากวันนั้นถึงวันนี้ ยังไม่ลืมประโยคสำคัญที่ท่านให้ความรู้เป็นทาน อาหารสมองแก่ลูกศิษย์ลูกหาทุกคน  สิ่งที่ท่านสั่งสอน จะค่อย ๆ เแกะเทป และเรียบเรียงจดบันทึกเอาไว้  เพื่อจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจศึกษา "ตนเอง" ทุกคน

 

 

สำหรับวันนี้ ซึ่งอยู่ในช่วงเทศกาลปีใหม่ จะขอบันทึกถ้อยคำตัวเองไว้เป็นหลักฐาน   คำพูดของ "ตนเอง" เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน  2551 ที่ท่านอาจารย์ขอให้ทุกคนที่เข้าร่วมอบรม บอกกับตัวเองและกัลยาณมิตรที่อยู่ที่นั่นว่าเจตจำนงที่จะนำไปปฏิบัติหลังจากการอบรมครั้งนี้แล้วคืออะไร

 

ข้าพเจ้าจำคำพูดตนเองได้ดี   ข้าพเจ้าบอกว่า “จะตั้งมั่นทำงานที่มีคุณค่าเพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้คนและระลึก “รู้ตัว” ให้ได้ แม้เพียงชั่วขณะ   จะไม่หลับไหลทั้งที่ยังตื่น   จะนำการตื่น   ขณะปฏิบัติอยู่ที่นี่ ไปใช้กับโลกภายนอกให้ได้”

 

ข้าพเจ้านึกถึงคำพูดตัวเองในวันนั้น และจำข้อสงสัยของเพื่อนผู้อบรมร่วมกันได้ดี มีท่านผู้หนึ่งถามว่าทำไมการปฏิบัติธรรมโดยการนั่งสมาธิจึงสงบได้เมื่อปลีกตัวมาปฏิบัติในที่ที่สงบเช่นในวัด หรือในป่า แต่พอออกไปสู่โลกภายนอกแห่งการทำงานที่ไม่สงบ จึงว้าวุ่น เคร่งเครียด สับสนวุ่นวายอยู่ตลอดเวลา   วันนั้น มีเวลาน้อย ใกล้จะแยกย้ายกันเดินทางกลับบ้าน ท่านอาจารย์เพียงแนะนำสั้น ๆ ว่าให้หมั่นสังเกตตัวเองและ “มีสติรู้ตัว” ก็จะช่วยได้

 

โชคดีที่ข้าพเจ้ามีคู่ชีวิตทางธรรมซึ่งบวชเรียนเป็นพระมานานนับสิบกว่าปีและปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่อง   เขาได้ให้คำตอบแก่ข้าพเจ้าขณะเดินทางกลับบ้านว่า  “เปรียบเทียบการปฏิบัติธรรมเสมือนการเล่นดนตรี หากเราฝึกฝนดนตรีจนชำนาญแล้ว ไม่ว่าเราอยู่ที่ไหน เราก็เริ่มเล่นดนตรีได้ทุกที่ ทุกเวลาที่รู้ตัว  ไม่เลือกว่าจะเป็นที่ที่มีเสียงดังอึกทึก หรือที่ที่มีผู้คนมากมาย

 

ข้าพเจ้าจึงเข้าใจเพิ่มขึ้น และตั้งปณิธานในวันนั้นเป็นต้นมาว่าจะให้ตนตื่นให้ยาวนานเท่าที่จะรู้ตัวได้ และนี่คือของขวัญปีใหม่สำหรับตนเอง ถึงวันหนึ่ง ความสุขสงบคือสิ่งที่หลายคนไขว่คว้าต้องการ จริง ๆ แล้ว ไม่ใช่ด้านวัตถุ ไม่ใช่ปัจจัยภายนอก ไม่ต้องรอให้มี ไม่ใช่ต้องไปสถานที่ใดสถานหนึ่งที่จะทำให้เรารู้สึกว่าสุขสงบ หรือจะต้องซื้อหาบ้านที่ให้ความสุขและสงบ  มันเกิดขึ้นได้ในจิตเราเอง เพียงเรารู้ตัว มีศีล มีสติ มีเมตตาต่อตนเองและผู้อื่น ปัญญาแห่งการรู้ในสรรพสิ่งก็จะบังเกิด ความสงบสุขก็จะสว่างขึ้นภายใน ไม่ต้องรอ ไม่ต้องซื้อหาที่ไหน จึงอยากให้ทุกคนมีโอกาสฝึกฝนดนตรีแห่งธรรมปฏิบัติทุกขณะจิตไปด้วยกัน ไม่ต้องรอว่าให้แก่ชราก่อนจึงค่อยทำ 

 

เมื่อพูดถึงรอให้แก่ก่อนจึงค่อยเข้าวัด หรือปฏิบัติธรรมนั้น   ข้าพเจ้ารู้สึกสะเทือนใจเหมือนกันข้าพเจ้าเคยได้ยินเพื่อนผู้อาวุโส  แก่กว่าข้าพเจ้านับสิบปีเขาพูดคำนี้ขึ้นมา ข้าพเจ้าไม่สามารถเปลี่ยนทัศนคติของเขาได้ ไม่ว่าจะใช้คำพูดรูปแบบใด เขาก็อ้างว่าตอนนี้ใจยังไม่สงบ ยังปฏิบัติไม่ได้ ไปวัดไม่ได้ ต้องรอให้สงบก่อน จะให้ข้าพเจ้าพูดอย่างไรดี เขาจึงจะเข้าใจ มันยากมากที่จะให้คำพูดของเด็กเมื่อวานซืนในสายตาของเขาเข้าใจได้ ข้าพเจ้าจึงได้แต่นิ่ง และทบทวนตัวเองว่าคำพูดใด ๆ ของเรา ถ้าเขามองว่าอายุเราน้อยกว่าแล้วจึงไม่เชื่อนั้น ก็แสดงว่าเราอาจจะยังปฏิบัติให้เห็นเป็นตัวอย่างที่ดีไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาเชื่อได้ว่าการเข้าถึงธรรมไม่ได้อยู่ที่อายุ แต่อยู่ที่วาสนา ใครรู้ก่อน ปฏิบัติก่อน ก็ได้ใช้ประโยชน์ก่อน

 

จะว่าข้าพเจ้าโชคดีในความโชคร้ายก็ว่าได้ ข้าพเจ้าได้ประสบทุกขเวทนาทางใจอย่างมากที่สุดในชีวิต  การสูญเสียชีวิตบุพการีที่เป็นที่รักยิ่งเป็นสิ่งจริงแท้แน่นอนที่มนุษย์ทุกคนจะต้องประสบพบเห็น แต่การเรียนรู้ที่ได้จากการสูญเสียนั้นอาจจะไม่เหมือนกัน ข้าพเจ้าไม่ได้จมกับความทุกข์และปล่อยให้เวลาเยียวยาจนเลิกเศร้าโศกเสียใจแต่เพียงอย่างเดียว ข้าพเจ้ามองเห็น และทำความเข้าใจในความเป็นเช่นนั้นเองด้วย

 

ในช่วงเวลานั้น ข้าพเจ้าอายุยังไม่มาก เพิ่งเริ่มทำงานใหม่ ๆ ยังไม่ทันตอบแทนผู้มีพระคุณ จึงทุกข์ใจแสนสาหัสในเรื่องนี้มาก จำได้ว่าเดินไปที่วัด เข้าไปไหว้พระ และพบเจ้าอาวาสวัดแห่งนั้น   โดยไม่พูดพล่ามทำเพลง    ถามท่านว่าทำอย่างไรจะตอบแทนผู้มีพระคุณที่ล่วงลับไปแล้วได้ เคยได้ยินว่าสร้างองค์พระ ไม่ทราบว่าจะเป็นการทำบุญมหากุศลที่จะอุทิศให้ท่านได้หรือเปล่า

 

ข้าพเจ้างงกับคำตอบในตอนนั้นมาก ท่านตอบสั้น ๆ ว่า “โยมไม่ต้องสร้างพระที่ไหน เพียงแค่โยมเป็นคนดีก็สร้างพระให้ท่านได้แล้ว”

 

ข้าพเจ้าขอไม่อธิบายใด ๆ ต่อจากนี้ และขอให้ประโยคที่ท่านเจ้าอาวาสกล่าวกับข้าพเจ้านี้  เป็นพรอันประเสริฐที่ส่งเป็น ส.ค.ส. แด่ท่านผู้อ่าน ผู้เข้าใจ และนำไปปฏิบัติทุกท่าน

 

                                                                                          ศิลา ภู ชยา

หมายเลขบันทึก: 232322เขียนเมื่อ 28 ธันวาคม 2008 13:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 สิงหาคม 2012 09:53 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (26)

อ่านแล้ว ซึ้งจัง อยากกลับบ้านไปกอดพ่อกับแม่

เชียร์เต็มที่ เล่าเรื่องดี ๆ อย่างนี้เรื่อย ๆ ชอบอ่านครับ

เรียนรู้จากประสบการณ์คนอื่นเท่ากับย่นระยะทางใน

การค้นหาสัจธรรมด้วยตนเอง...จริงไหม

คนเรานั้นเกิดมาท่ามกลางความว่างเปล่า และก็จะกลับไปสู่ความว่างเปล่า ถ้านึกไม่ออกลองเปรียบตัวเราเหมือนโลกใบนี้ที่กำลังล่องลอยอยู่ในอวกาศ ได้แต่ล่องลอยไปในความว่าง และสุดท้ายก็ดับไปในความว่างเช่นกัน

สวัสดีค่ะ

  • ขอนำไปใช้และยืนยันกับตัวเองอีกครั้งค่ะ
  • “โยมไม่ต้องสร้างพระที่ไหน เพียงแค่โยมเป็นคนดีก็สร้างพระให้ท่านได้แล้ว”

ขอบพระคุณคุณครูคิมที่แวะมาเยี่ยมค่ะ มั่นใจว่าคุณครูคิมทำ "ความดี" ทุกวันค่ะ

ชอบมากครับที่ว่า ...

“เปรียบเทียบการปฏิบัติธรรมเสมือนการเล่นดนตรี หากเราฝึกฝนดนตรีจนชำนาญแล้ว ไม่ว่าเราอยู่ที่ไหน เราก็เริ่มเล่นดนตรีได้ทุกที่ ทุกเวลาที่รู้ตัว  ไม่เลือกว่าจะเป็นที่ที่มีเสียงดังอึกทึก หรือที่ที่มีผู้คนมากมาย

  • รู้สึกประทับใจที่ท่าน Handy มองเห็นในสิ่งเดียวกัน
  • หากเราทุกคนรู้วิธีเล่นดนตรีและฝึกฝนจนชำนาญ...การปฏิบัติธรรมเกิดขึ้นได้ทุกขณะจิตค่ะ
  • ขอบพระคุณท่าน P ที่แวะมาทักทายยามเช้า (ทั้งที่ท่านไม่ค่อยว่าง ...ทราบเพราะเคยไปเยี่ยมหลายครั้งมีข้อความฝากไว้มากมาย...และท่านก็บอกว่าที่ผ่านมาทำงานหนัก + สังขาร) อ่านแล้วก็อมยิ้มด้วยความเข้าใจ...เพราะสิ่งนี้ได้เกิดขึ้นกับศิลาเช่นกัน
  • ขอให้ท่านมีความสุขมาก ๆ นะคะ

ผมชอบตรงนี้ครับ

โยมไม่ต้องสร้างพระที่ไหน เพียงแค่โยมเป็นคนดีก็สร้างพระให้ท่านได้แล้ว”

เป็นคำสอนที่มีค่ามากสำหรับการปฏิบัติธรรมครับ

               ขอบคุณสำหรับสาระดีๆครับ

เป็นเรื่องที่ดีจริงๆเลยค่ะ  หากเรายึดมั่นและฝึกปฏิบัติจิตของเราให้มีสติ  ทุกข์แค่ใหนก็สามารถฟันฝ่าไปได้แน่นอน

                                     

มนุษย์เราเจอเรื่องเหมือน ๆ กัน แต่การเรียนรู้จากสิ่งที่ประสบพบเจอนี้แตกต่างกันจริง ๆ นะครับ บันทึกนี้ตอกย้ำให้ผมคิดได้ว่าเราไม่ควรคิดว่าสิ่งที่เราเจอมันทุกข์ มันกระทบต่อเราแค่ไหน หรือยิ่งใหญ่กว่าใคร

 

แต่เราควรทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากกว่า อยู่กับมันด้วยสติ แล้วจะค้นพบว่าไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข...มีแต่ความว่าง...หากมีเวลาผมจะมาตามอ่านทุกบันทึกเลยนะครับ

 

อ้อ ผมก็เหมือนคุณ Handy ครับการ "การเล่นดนตรี"

"โยมไม่ต้องสร้างพระที่ไหน เพียงแค่โยมเป็นคนดีก็สร้างพระให้ท่านได้แล้ว”

ประโยคสำคัญจริง ๆ ค่ะ เห็นใครก็ quote มา

 

อ่านแล้วเตือนสติสุด ๆ ไม่ธรรมดาค่ะ

  • เคยชวนให้มาเยี่ยมบล๊อกหลายครั้ง ไม่ว่างมาเสียที
  • เพิ่งได้ฤกษ์ น้องศิลาเขียนได้ลึกมาก
  • พี่อ่านมาหลายบันทึก แต่ขอทิ้ง note รักไว้ที่บันทึกนี้ว่า "ทำดี" ต่อไป ไม่นานก็สมดังคำอธิษฐานแน่นอน
  • คนที่นำความดีมาเผยแพร่จากการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบมา น่าสรรเสริญค่ะ 
  • ขอบพระคุณคุณ Insight7 ค่ะ ขอโทษนะคะที่ไม่ได้ตอบ  นานมากแล้ว  เพราะบันทึกนี้เขียนไว้นานแล้ว มีเป้าหมายเพียงเพื่อเตือนใจตนเอง จึงเหมือนเป็นแดนสนธยา ที่ไม่ค่อยได้เข้ามาปัดฝุ่นต้อนรับแขก
  • ดีใจค่ะ ที่มีประโยชน์กับคุณ

เป็นบันทึกที่ดีมาก ค่ะ

แสดงความคิดเห็นสั้น ๆ เพราะแม้ว่าสัมผัสได้ว่า ดี แต่ตัวเองยัง"ไม่รู้" เท่าไรค่ะ

  • ขอบพระคุณคุณ P สำหรับข้อความต่อไปนี้ค่ะ
  •  คนเรานั้นเกิดมาท่ามกลางความว่างเปล่า และก็จะกลับไปสู่ความว่างเปล่า ถ้านึกไม่ออกลองเปรียบตัวเราเหมือนโลกใบนี้ที่กำลังล่องลอยอยู่ในอวกาศ ได้แต่ล่องลอยไปในความว่าง และสุดท้ายก็ดับไปในความว่างเช่นกัน
  • ขอบพระคุณท่าน small man P ที่มองเห็นคำสำคัญที่ศิลาอยากจะสื่อค่ะ
  • นามเรียกขานของท่านก็สื่อการปฏิบัติธรรมเช่นกันค่ะ
  • จริงค่ะคุณตุ๊กตา P  "หากเรายึดมั่นและฝึกปฏิบัติจิตของเราให้มีสติ  ทุกข์แค่ใหนก็สามารถฟันฝ่าไปได้"
  • สติเท่านั้นที่ทำให้เราผ่านพ้นอะไรมากมาย
  • เห็นคอมเม้นท์อย่างนี้ เป็นปลื้มสำหรับกัลยาณมิตรที่งดงามใน G2K ค่ะ
  • คุณวรพันธ์ มองเห็นปรัชญาในการดำเนินชีวิตและ "สติ" ตามหลักธรรมด้วย
  • ทุกข์ใดก็ตาม ใหญ่เล็ก เกิดจาก "จิต" เราเอง
  • มีสติ รู้กาย รู้ใจ ก็ผ่านพ้นไปได้ทุกเรื่องราว ...ไม่เห็นมีอะไรอยู่กับเรายาวนานเลยค่ะ
  • แวะมาบ่อย ๆ นะคะ ชอบความเห็นดี ๆ ของคุณมากค่ะ

สวัสดีครับ   พอบอกทุกข์ก็ไม่อยากพบแล้ว  แต่การได้เรียนรู้เรื่องราวของทุกข์โดยเฉพาะที่มันเกิดกับชีวิตเราเอง  ผมว่ามันจำเป็นที่เราต้องเรียนรู้หากเราได้รียนมันอย่างท่องแท้ลึกซึ้งแล้วมันจะเป็นภูมิคุมกันที่ดีสำหรับตัวเรา  ขอบพระคุณสำหรับสิ่งดีดี ขอให้ท่านและครอบครัวพบแต่ความสุข ความเจริญ

สวัสดียามฝนพรำพรายค่ะพี่ศิลา

สบายดีนะคะ ทางกทม. เป็นไงบ้างคะ

ชอบประโยคนี้จัง “โยมไม่ต้องสร้างพระที่ไหน เพียงแค่โยมเป็นคนดีก็สร้างพระให้ท่านได้แล้ว”

รักษาสุขภาพนะคะ คิดถึงค่ะ

อนุโมธนาด้วยนะครับ

  • ขอบพระคุณค่ะท่านประจักษ์ P ที่แวะมาเรียนรู้ทุกข์ของศิลาตั้งแต่แรกกำเนิดใน G2K เลยค่ะ
  • พรใดที่ท่านประทานให้ขอให้ทำนได้รับผลแห่งบุญกุศลกลับคืนมากกว่าหลายเท่าค่ะ
  • สวัสดีค่ะน้อง poo P ลูกอะไรคะ แปลกน่ารักจังเลยค่ะ
  • สร้างความดีเสมือนสร้างพระเป็นธรรมค้ำและคุ้มตนจริง ๆ ค่ะ

 

  • ขอบพระคุณค่ะ คุณ Aj Kae  P  นาน ๆ ทีเห็นหน้ากัน รู้สึกสบายใจมากเลยค่ะ

ซึ่งใจมาครับคุณศิลา

“เปรียบเทียบการปฏิบัติธรรมเสมือนการเล่นดนตรี หากเราฝึกฝนดนตรีจนชำนาญแล้ว ไม่ว่าเราอยู่ที่ไหน เราก็เริ่มเล่นดนตรีได้ทุกที่ ทุกเวลาที่รู้ตัว  ไม่เลือกว่าจะเป็นที่ที่มีเสียงดังอึกทึก หรือที่ที่มีผู้คนมากมาย…”

โชคดีจริงๆครับ ที่ได้คู่ชีวิตที่ค่อยเป็นกำลังใจและให้สติ.....

ตอนอยู่คนเดียวหลายครั้งที่คิดที่ฟุ้งซ้าน......

บางครั้งก็ได้แง่คิดจากงานกวาดบ้านว่า การพัฒนาจิตเหมือนการกวาดบ้านเราต้องขยันทำบ่อย มันถึงจะทำให้จิตสอาดได้

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท