ประติมารมณ์คารวะ ชีวา โกมลมาลัย


พี่ชีวาเพิ่งอายุเพียง ๖๐ ปีเอง ยังไม่มากมายอะไรเลย...สำหรับดวงใจเบิกบานและจิตวิญญาณสะอาดงาม ร่างกายยังแกร่งกระฉับกระเฉง กลมกลืนกับกรวดหินและแมกไม้อย่างยากที่จะหาใครเทียบได้ น่าเสียดายพลังชีวิตที่น่าจะมีโอกาสดำรงอยู่เพื่อสร้างสรรค์งานแกะสลักศิลาอีกหลากรูปเลี้ยงใจมนุษย์ได้ยาวนานกว่านี้

ประติมารมณ์คารวะ ชีวา โกมลมาลัย

 

ยามสายของวันนี้ได้รับโทรศัพท์จากคุณชาคร บัวเกตุ เพื่อนกวีคนหนึ่งที่อยู่เมืองกาญจน์ แจ้งข่าวเศร้าว่าพี่ชีวา โกมลมาลัย เสียชีวิตแล้ว  และวันนี้จะมีพิธีกรรมบางอย่างง่ายๆ ที่ประติมากรรมสถานกลางดงไม้อันเป็นอาศรมของพี่เขาที่วังโพ อ.ไทรโยค  ไม่รู้ข้อมูลอะไรมากไปกว่านั้น แต่แค่นั้นก็พอแล้วที่ผมและคุณชาครต้องรีบนัดหมายเดินทางกันในตอนเที่ยงวัน 

 

พบขับรถจากอู่ทองไปรับคุณชาครที่เมืองกาญจน์ในอีกห้าสิบนาทีต่อมา  แล้วเราทั้งสองก็มุ่งไปยังจุดหมายปลายทาง  ที่ซึ่งผมมักคุ้นเป็นอย่างดี  เพราะเคยได้แวะเวียนไปจิบกาแฟดำเสวนากับพี่ชีวาอย่างดื่มด่ำจิตวิญญาณมาแล้วหลายครั้งหลายหน  เมื่อครั้งที่ผมยังอยู่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี เราต่างไปมาหาสู่กันเนืองๆ  แต่หลังจากที่ผมลาออกจากที่นั่น เราจึงทิ้งระยะห่างกันโดยเส้นทาง แต่ก็น่าจะยังไม่เกินสองปีที่ไม่ได้พบเจอกัน  พี่ชีวาเพิ่งอายุเพียง ๖๐ ปีเอง  ยังไม่มากมายอะไรเลย...สำหรับดวงใจเบิกบานและจิตวิญญาณสะอาดงาม  ร่างกายยังแกร่งกระฉับกระเฉง  กลมกลืนกับกรวดหินและแมกไม้อย่างยากที่จะหาใครเทียบได้  น่าเสียดายพลังชีวิตที่น่าจะมีโอกาสดำรงอยู่เพื่อสร้างสรรค์งานแกะสลักศิลาอีกหลากรูปเลี้ยงใจมนุษย์ได้ยาวนานกว่านี้    

 

รถของเราไปถึงที่กระท่อมประติมากรรมสถานวังโพบ่ายแก่ๆ ได้พบกับอาจารย์ตุ๊กตาภรรยาของพี่ชีวา ลูกสาวคนเล็ก ลูกเขย และเพื่อนบ้านอีก ๒ คน  หลังพิธีลอยอังคารและนำอัฐิของพี่ชีวาบรรจุใส่แท่นหินเสร็จสิ้นแล้ว  เพิ่งทราบจากคำบอกเล่าของอาจารย์ตุ๊กตาว่าพี่ชีวาเสียชีวิตตั้งแต่เมื่อกลางดึกคืนวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๕๑ ด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว และได้ประกอบพิธีฌาปนกิจเมื่อห้าหกวันที่ผ่านมา  หลังจากพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่งผมและคุณชาครได้เดินตามลูกเขยของพี่ชีวาไปคารวะอัฐิพี่เขา ณ หลุมฝังศพซึ่งพี่เขาขุดเตรียมไว้ให้ตัวเองนานแล้วที่ท้ายดงไม้ใกล้ริมน้ำแควน้อย  ภาพความทรงจำเก่าๆ ก็ผุดขึ้นในใจของผม ยังจำได้ที่ครั้งหนึ่งของการเสวนากับพี่ชีวาที่กระท่อมกลางดงไม้แห่งนี้ พี่ชีวาพูดถึงเรื่องราวของคนตกปลา ทำนองจะเป็นเรื่องจริงของพี่เขาเอง หรือเป็นปรัชญากวีอะไรทำนองนั้น ซึ่งผมจำภาพตรึงใจได้ว่าคนตกปลานั้นกล้าเฉือนนิ้วตนเป็นเหยื่อเกี่ยวเบ็ด เพื่อเรียนรู้อะไรบางกับการมีชีวิตและแลกเลือดเนื้อ ภาพนั้นค้างคาใจผมจนไม่อาจสลัดทิ้งไปได้  มันเหมือนเป็นภาพที่ประสานเป็นหนึ่งเดียวกันกับตัวตนของพี่ชีวา ศิลปินผู้เลือกถือสิ่วกับค้อนเป็นเพื่อนคู่กาย เที่ยวเสาะก้อนศิลาที่พึงใจ แล้วก็ทั้งแบกทั้งขนแลกเหงื่อและริ้วรอยแผลจากคมหินบาด กว่าจะนำเอามาแกะสลักเป็นรูปทรงชีวิต จนเกิดพลังชีวิตอีกหลากมิติอารมณ์และจินตนาการ 

 

วันนี้...วันที่พี่ชีวาจากพรากไปแล้ว มันทำให้ผมนึกถึงบทกวีแห่งความผูกพันบันดาลใจระหว่างผมกับพี่เขา บทกวีนั้นผมรวมไว้เป็นส่วนหนึ่งในหนังสือกวีนิพนธ์ กว่าจะข้าขุนเขา [ด้วยปลายมีดของเธอและฉัน]  ผมยืนสงบเพ่งฐานศิลา พลางล้วงหนังสือเล่มนั้นออกมาจากย่าม เปิดหน้า ๗๒ ชวนคุณชาครและลูกเขยพี่ชีวาร่วมสำรวมจิต แล้วเริ่มอ่านบทกวี ณ เบื้องหน้าแท่งศิลาที่บรรจุอิฐิ...

 

                                       ศิลปินดิบ

                              [ยิ่งเสพรสโศกยิ่งอิ่มซึ้ง]

 

                   ศิลปินผู้พี่โพ้น                      เพิงไพร

          ผู้หนึ่งซึ่งจิตใจ                              ดั่งน้ำ

          วิญญาณดั่งใยไหม                         ปุยนุ่น

          ชีวิตดุจหินถ้ำ                                หนักท้าอึดทน

                    วันหนึ่งบนฝั่งใกล้                 ภูผา

          เหวี่ยงเบ็ดมิได้ปลา                         สักน้อย

          แค้นเหยื่อมิโอชา                           ข้องจิต

          ฉวยมีดกรีดเนื้อก้อย                        เกี่ยวแล้วเหวี่ยงลง

                   วงน้ำสีเลือดแม้                    จางจาง

          คาวกลิ่นยั่วฮุบพลาง                       เหยื่อนิ้ว

          เขาวัดเบ็ดน้ำผาง                          ปลาใหญ่

          เร่าสะบัดปลายเบ็ดพลิ้ว                   แกว่งแก้มฉีกกราม

                   พยายามปลดเบ็ดนั้น             เบาเบา

          เลือดเลอะมือของเขา                     ชุ่มแล้ว

          เลือดคนเลือดปลาเซา                    สยบนิ่ง  นานเฮย

          ผุดเวทนาหนึ่งแพร้ว                        ร่ำไห้ปล่อยปลา

                   ชีวาชีวาตม์ซ้อน                   ลำเค็ญ

          เสพรสจากโศกเข็ญ                        จึ่งซึ้ง

          ฉันพบและคุณเห็น                          เองเถิด

          ใช่แต่ทำอ้ำอึ้ง                               จ่อมเหย้าเผาเทียน

                   สิเขียนชีวิตด้วย                    ชีวิน

          เนื้อเลือดเชือดเฉือนกิน                   แก่นแท้

          เราต่างก็ศิลปิน                              อิสระ

          ทางเลือกชนะแพ้                           อยู่ใกล้ใจเสมอ

 

หลังอ่านจบผมมอบหนังสือกวีนิพนธ์เล่มนั้นให้ไว้แก่ลูกเขยของพี่ชีวา แทนค่าความรู้สึกดีงามที่มีต่อกัน  เราย้อนกลับมานั่งสนทนากันอีกครู่ใหญ่ที่หน้ากระท่อมกลางดงไม้  ได้จิบกาแฟดำรำลึกถึงพี่ชีวาอีกครั้งก่อนจากลา 

 

ขณะขับรถกลับมา ความรู้สึกว่างเปล่าบางอย่างในชีวิตยังเกาะกุมใจผม ความระลึกถึงเรื่องราวของพี่ชีวายังไม่จางคลาย  อยากพูดอะไรเกี่ยวกับพี่เขาอีกบางถ้อยบางคำ  จึงวานให้คุณชาครช่วยจดจากคำบอก [เพราะผมกำลังขับรถไม่สามารถจดเองได้] ซึ่งถ้อยคำเหล่านั้นได้ฝากไว้ในท้ายที่สุดนี้...

 

          หากความตายเป็นสติผลิบุปผา         ดั่งชีวา โกมลมาลัย สวรรค์

และสิ่วค้อนสอนรักหนักนิรันดร์                   อัศจรรย์จากพรากมิจากใจ

ย่อมยังรูปทรงศิลาไว้ปรากฏ                      เกียรติยศจิตวิญญาณกาลสมัย

จากหนึ่ง ชีวา โกมลมาลัย                         สู่ศิลาหทัย...ไร้จำนวน

เพียงพี่เพียงน้องกระแสสำนึก                     แสนล้านความรู้สึกมิจบถ้วน

ประติมากรรมศิลายังค่าควร                       ไว้ทบทวนประติมาชีวารมณ์

 

ศิวกานท์ ปทุมสูติ

ทุ่งสักอาศรม  ๒๑/ธค/๕๑

 

หมายเลขบันทึก: 231064เขียนเมื่อ 21 ธันวาคม 2008 21:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:03 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

สวัสดีค่ะ

   ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ

ขออนุญาตร่วมไว้อาลัย....ด้วยนะคะ

หลับเถิดหลับให้สบาย               ดอกไม้คลี่กำจาย
ประดุจเตียงจากสวรรค์

จากหายไม่วายโศกศัลย์          โศกาจาบัลย์
รำพันผ่านถ้อยฝากดิน

เสียงหนึ่งรำพึงยลยิน                คนดีไม่สิ้น
คิดนึกรำลึกมิคลาย....

นัก(เรียน)เขียนกวี ค่ะ

//หนึ่งชีวาลาโลกแสนโศกศัลย์

//ฝากผลงานยังอยู่คู่ศิลา

//ฝากคมคิดฝากไห้ศิวา(กานท์)

//ฝากไว้ว่า"เหยื่อแลกเหยื่อ"เพื่อเรียนรู้

ขอแสดงความเสียใจด้วยค่ะ..

ขอฝาความอาลัยแด่ผู้ล่วงลับด้วยคนครับ อีกไม่นานพวกเราๆ ท่านๆ ก็ต้องตามท่านไปเหมือนกัน และขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของท่านด้วย

  • ชอบแสดงความเสียดายด้วยครับ
  • ไม่ได้พบอาจารย์นาน
  • ดีใจที่พบ
  • อาจารย์ยังชอบสีเขียวเหมือนเดิม
  • อายุบวร ทุกท่านที่มาร่วมแสดงคารวาลัยแด่พี่ชีวา โกมลมาลัย

 

มิตรภาพพี่เพื่อนเตือนตระหนัก

ว่าโลกนี้มีรักถักทอสาน

อยู่ด้วยรักจากด้วยรัก...นิรันดร์กาล

จิตวิญญาณหวานหอมถนอมไว้

...

ปานเทพ มณีรัตน์จรัสศรี

ขอแสดงความเสียใจครับ

พูลศักดิ์ รัตนนาม

เสียดาย...เสียใจ...แต่ถึงอย่างไรก็ขอภาวนาให้อาจารย์หลิวไปสู่สุขคติ................ด้วยความระลึกนึกถึงและอาลัยยิ่ง

กิตติพันธุ์ ชินวรรณโชติ

เสียใจครับกับการเสียไปของอ.ชีวา จะอยู่ในใจและหัวใจของผู้รักศิลาตลอดกาล

ขอบคุณทุกคนที่คิดถึงพ่อหลิว ระลึกถึงชีวิตและผลงานได้ที่ตลิ่งชัน กทม.

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท