หมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ
พ.ญ. ศิริรัตน์ เอกศิลป์ สุวันทโรจน์

ส่งการบ้านครูบา(เจ้าเป็นมาอย่างไร๑๒)


พ่อแม่ ครู และผู้ใหญ่ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับวิถีของเด็ก คือ ส่วนหนึ่งของสาเหตุที่สร้างความเครียดให้กับเด็กทั้งเด็กเล็ก เด็กโต และวัยรุ่น

ในตอนที่สาวน้อยเรียนอยู่โรงเรียนหญิง จากร่างบางๆที่เก้งก้างของเด็กซน หุ่นเธอก็เปลี่ยนเป็นสาวสวยตัวน้อยๆที่มีรูปร่างตุ้มตะตุ้มตุ๊ย และเมื่อเธอย้ายมาอยู่โรงเรียนชาย หุ่นที่เป็นตุ่มใบน้อยๆก็กลายกลับมาสะโอดสะองงดงามใหม่ วิถีที่เปลี่ยนไปในการย้ายมาอยู่โรงเรียนใหม่นั้นมีอยู่มากมาย ทั้งเรื่องการปรับตัวใหม่กับการกลับมาเรียนแบบมีเพื่อนชายเรียนร่วมอยู่ด้วย  แล้วมีวิชาใหม่ๆอีกหลายเรื่องที่เธอต้องเรียนให้เข้าใจ บางวิชานั้นไม่ได้เรียนหรอกนะแต่ตอนสอบเอ็นนะต้องใช้  ช่วงของเวลาที่ใช้เรียนในโรงเรียนใหม่เธอจึงเริ่มเปลี่ยนเป็นนกฮูกกลายๆ ที่หากฟ้าไม่สางให้เห็นรำไร ที่นงที่นอนเป็นไม่รู้จัก

 

จำได้ใช่ไหมว่าเธอเล่าเรื่องกิ๊กไว้ ฟังเธอแล้วนึกขำเห็นภาพที่เธอเล่าเวลากิ๊กไปบ้านแล้วเจอพ่อ ฉันนะให้ฉงนแล้วขวัญกิ๊กนะเตลิดไปไหนมั๊ยหนอ ภาพที่เธอเล่ามันให้ภาพบอกว่าพ่อนั่งน่าเกรงขามอยู่หน้าบ้าน แล้วกิ๊กก็เข้ามายกมือไหว้แล้วกล่าว ผมเป็นเพื่อนลูกสาวของพ่อครับพ่อครับ จบคำแล้วพ่อก็จับเขานั่งคุยซักถามโคตรเหง้าเหล่ากอเป็นใคร

 

เธอนั้นแอบดูอยู่ห่างๆด้วยความเป็นห่วงกิ๊กจริงๆ  ก็พ่อนะซักละเอียดซะจนเธอนึกในใจ ซักละเอียดอย่างนี้ลูกสาวอย่างหนูนี้จะขายออกหรือ ทำไมพ่อต้องซักมากๆหนอไม่ว่าหนูจะพาใครมาถึงบ้าน เวลาพาเพื่อนหญิงมาซักละเอียดอย่างนี้เขาเคยบอกหนูว่ากลัวพ่อ 

 

แล้วนี่เขาเป็นเพื่อนชายคนแรกที่มาถึงบ้านหนูนะพ่อนะ มาถึงครั้งแรกพ่อก็ซักแหลกจนชวนพองขน ซักชื่อรายละเอียดของพ่อแม่ ทำงานอะไร ชื่ออะไร อยู่ที่ไหน บ้านอยู่ตรงไหน มีญาติเป็นใครบ้าง เหตุไฉนพ่อแม่เขาให้มาโต๋เต๋ตามบ้านเพื่อนได้เล่า อีกหลายๆเรื่องที่พ่อนั่งซักเอาๆ หายใจออกรึเปล่ากิ๊กเพื่อนเรา ซัดซะหนักไม่เบาเลยนะนี่พ่อเรา

 

เธอบอกว่ามาเรียนที่ใหม่นะมีเพื่อนหญิงโรงเรียนเดิมตามมาเรียนด้วยหลายคน ส่วนเพื่อนสนิทที่ว่ามีเจ็ดคนไม่มีใครตามมาซักคนหนา ชั้นเรียนที่โรงเรียนจัดให้มีเพื่อนที่เรียนเก่งและไม่เก่งปะปนกันเข้ามาเรียนอยู่ เหตุผลที่จัดคือครูเขาอยากให้คนเก่งในห้องสมมติกษัตริย์นะได้ช่วยดึงเด็กห้องบ๊วยให้เขาเก่งไปด้วยกัน ครูเลยยุบห้องเรียนของม.ปลายให้เหลือเพียงสามห้องเท่านั้น แล้วเอาเด็กมาคละกันเรียนในสามห้องนี้แหละ

 

การเรียนในห้องเรียนไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้นเท่าไร มีเรื่องนอกเวลาเรียนที่น่าตื่นเต้นกว่า เธอว่าเธอขอเอามาเล่าไว้ซักหน่อย เรื่องหนึ่งเป็นเรื่องของเวลาสอบที่แก๊งของเธอชวนกันอยู่อ่านหนังสือที่โรงเรียนในช่วงเย็นๆหลังโรงเรียนเลิก เหตุผลที่อ้างกันก็คือใครไม่เข้าใจเรื่องอะไรคนรู้มากกว่าจะได้ช่วยติว แล้วเวลาเลิกเรียนเหมาะสมนะเพราะว่าที่โรงเรียนมันเงียบดี

 

ที่เธอเล่าและใช้คำว่าอ้างนั้นเธอสารภาพว่าเหตุผลที่แท้ในตอนนั้นคือคนที่ปิ๊งกันจนเป็นคู่กิ๊กนะ เขาอยากจะอยู่ใกล้ๆกันเลยหาเรื่องอ้างเวลามาอยู่ด้วยกันเพื่อที่เพื่อนจะได้ไม่เอาไปล้อเลียนให้รู้สึกอาย  เธอว่าเวลาเอาจริงกลับปรากฏว่า ว่ากันในเรื่องเรียนเป็นหลักตามที่อ้าง คู่ปิ๊งมีความสุขกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ แค่เพียงได้เห็นหน้าและอยู่ใกล้ๆกัน ได้คุยได้เล่นได้พูดจากันในบรรยากาศดีๆ จู๋จี๋แบบคุยกุ๊กกิ๊กแหย่กัน ได้โต้ ได้เถียงกันเล็กๆ ก็ชื่นอารมณ์กันแล้ว

 

เธอว่าทั้งแก๊งอ่านๆไปแล้วเบื่อเลยพากันเล่น เล่นอย่างนี้พิเรนมั๊ยท่าน ก็เล่นผีถ้วยแก้วยามเย็นโพล้เพล้ด้วยกัน ก่อนเล่นทุกคนบอกว่าใจไม่เชื่อลองดูกันไหมเป็นไปได้ยังไงแก้วเลื่อนได้แค่เอานิ้วแตะมัน แค่ลองดู พิสูจน์ดูเหอะน่าเป็นยังไง ถ้าใครพาแก้วเดินน่าจะรู้ พอเล่นไปแล้วแก้วเดินก็โทษกัน คนนั้นแกล้งดันนิ้วคนนี้ดันใช่ไหมเล่า เถียงๆกันไปแล้วชักไม่มั่น เอางี้แล้วกันลองดูใหม่ ยันยีกันพอแก้วเริ่มเดินอย่าดันกัน ลองปล่อยให้แก้วเดินดูเองละกัน ถ้ายังเห็นแก้วมันเลื่อนที่ได้ค่อยว่ากัน

 

ว่าแล้วลองกันจึงได้รู้แก้วมันเลื่อนเองได้ให้เห็นเลย พอเห็นว่าไม่จับแล้วแก้วเดินได้ ขนลุกขนชันกันเลย ต่างคนต่างกลัวผี ทำไงละนี่เล่นพิเรนกันลงไปแล้ว ไม่แคล้วทำไม่ดีผีมาหักคอตายแน่ สุดท้ายไม่แน่จริงด้วยเล่นกันไปได้แค่สองสามวัน กลัวผีมากกว่าครูเลยเลิกกันแล้วเลิกอยู่เย็นที่โรงเรียนกันไปเลย สาวน้อยคนดีเล่าว่า แรกเริ่มคนที่มาชวน เขาทำหน้าที่จุดธูปเชิญผีมาให้ ต่อมาเขาคงกลัวกระมัง จึงไม่กล้าอยู่ทำให้อีกเลย คนที่ทำตัวเป็นหมอผีต่อมาเธอว่าเป็นเธอนะเอง เธอแค่ลองทำนะเธอว่า งูๆปลาๆทำไปอย่างที่ได้ฟังเพื่อนแนะ และแล้วก็เจอดีอย่างที่บอก ขวัญนะไม่หนีจากตัว ก็เลยหงายถ้วยได้ก่อนเลิก ไม่พากันหนีกระเจิงให้อายคนล้อไม่เลิก ฟังเธอเล่าแล้วฉันว่า เธอบ้าบิ่นดีใช่ไหม

 

สาวน้อยบอกว่าช่วงที่เธอเรียนประถมต้นนั้น เธอแค่ทำการบ้านตามครูสั่ง ทำแล้วก็ไปเล่น มีเรียนพิเศษอยู่แค่สองปีตามที่เล่าไปแล้ว ส่วนช่วงที่เธอเรียนประถมปลาย เธอเรียนแบบอ่านเอาเรื่องแล้วลองออกข้อสอบให้ตัวเองลองทำ ข้อไหนที่ออกข้อสอบแล้วตอบไม่ได้ เธอจะไปอ่านหนังสือหาคำตอบ หามันซ้ำๆจนตอบมันได้  ทำแบบนี้มาตลอด เธอจึงเอาตัวรอดสอบได้ลำดับต้นของห้องเรียนเสมอมา

 

ไอ้ท่องนะมีเหมือนกันในส่วนของบางวิชาที่เธอไม่รู้เรื่องกะมัน วิชาที่เธอไม่รู้เรื่องมีภาษาไทยเป็นหลัก การเรียนหลักภาษา เรียงความ ย่อความ อะไรก็ไม่รู้มากมาย แล้วมันก็เป็นวิชาที่เธอไม่เคยทำคะแนนได้ดีเลย ได้แค่เลยเส้นผ่านหน่อยๆแค่นั้นเอง หนังสือภาษาไทยนะเธอไม่ชอบอ่านหรอกตอนนั้น

 

ช่วงที่อยู่ชั้นประถม ปิดเทอมแม่พาไปเหมือง ที่เหมืองนะมีอะไรให้เล่นซนหลายเรื่องอย่างที่เคยเอ่ยบอกเล่าไว้แล้ว อีกเรื่องที่เธอชอบเวลาไปเหมืองคือ อ่านหนังสือเพชรพระอุมา และหนังสือกำลังภายในของโกวเล้ง ไปแย่งเล่มใหม่ที่ผู้ใหญ่อ่านมาอ่านบ้าง ไปรื้อเล่มเก่าๆมานอนอ่านนั่งอ่านบ้างสนุกดี อ่านผิดอ่านถูกยังไงไม่สน อ่านเอามันนะเข้าใจไหม สนุกมากๆเลยละ เท่าที่จำได้เธอบอกว่า เธอฝึกเล่าเรื่องที่อ่านให้เพื่อนรุ่นราวคราวเดียวฟังด้วย เล่าได้อย่างละเอียดลออเรียงลำดับเหตุการณ์ตามหนังสือเดี๊ยะเลย ทำได้อย่างไรเธอบอกว่าเธอไม่รู้หรอก

  

ตอนเรียนม.ต้นเธอใช้วิธีเรียนเดิมๆบวกกับลองเรียนไปล่วงหน้า ลองเรียนนะไม่ใช่เรียนพิเศษดอกนะ หากแต่แอบเอาแบบฝึกหัดที่ลูกผู้พี่เขาเรียนมาก่อน มาหัดทำหาคำตอบไปก่อนเรียน เรียนๆไปอย่างนี้มันสนุก ตามติดครูได้ไม่ห่างเหิน ไม่รู้อะไรก็มีเฉลยแทนครูอยู่ที่บ้านแล้วนี่นา

 

จนเมื่อมาเรียนม.ปลายที่นี่ มีวิชาใหม่ที่ต้องเรียนเพิ่มมาก เป็นวิชาที่ไม่เคยเรียนมา เป็นวิชาที่จะผ่อนท่องไม่ได้ สาวน้อยได้เปลี่ยนวิธีเรียนโดยการอ่านติวตัวเองด้วยข้อสอบยังใช้แต่เพิ่มมาด้วยการหาหนังสือติวมาอ่าน วิชาสำคัญๆนะอ่านแล้วก็ลองมองลองถอดหาเคล็ดมา ได้เคล็ดแล้วก็เอามาทดสอบดู ใช้ได้ตลอดมั๊ยนะเคล็ดวิชา

 

เธอเล่าฉันว่าวิชาเคมีนั้นเธอชอบ วิชานี้ครูที่สอนสะสวยผิวขาวหน้าผ่องทาปากแดง ได้เห็นทีไรสดชื่นดี ที่ชอบวิชานี้นะไม่ใช่ครูหรอก ชอบด้วยมันทำให้ได้ลอง เธอลองถอดรหัสจากตารางธาตุ แล้วก็ได้คิดวิธีเข้าสมการเคมีได้เคล็ดลับออกมาใช้ว่าแค่จำวาเลนซีธาตุเท่านั้น ข้อสอบจะออกยากอย่างไร สามารถทำผ่านฉลุยได้หมดเลย เธอบอกว่าหากตอนนี้ฉันให้เธอกลับไปทำข้อสอบใหม่ เธอไม่สามารถทำได้เหมือนเดิมแล้ว ด้วยเดี๋ยวนี้มันมีอะไรที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าตอนเธอเรียน

 

วิชาที่ยากเธอว่าคือวิชากลศาสตร์ที่ครูสอนนะชอบเรื่องธรรมะธรรมโม เธอจำได้ว่าเวลาสอน ครูเขายืนชิดกระดานแล้วหลับตา พูดไปสอนไปเรื่อยๆของครู พุดไปขณะที่หลับตานะแหละ เวลายืนครูก็ยืนกุมเป้าซึ่งไม่ใช่ท่าเหมือนไมเคิล แจ๊กสันนะ เพื่อนเธอที่เรียนนะมีคนที่ตั้งใจเรียนแม้ครูจะไม่ชวนจูงใจให้เรียน ส่วนเธอนั้นเรียนเซ็งๆวิชานี้เรียนทีไรรู้สึกไม่เร้าใจเอาเสียเลย  ก็ไม่รู้เหตุผลนี้หรือเปล่าที่ทำให้เธอเรียนไม่สนุก ที่แน่ๆเธอว่าเธอเรียนมันไม่ใคร่รู้เรื่องเท่าไร  แต่มันเป็นวิชาหลักที่ต้องใช้สอบเอ็นด้วยซิ เธอจำเป็นต้องเรียนมันให้รู้เรื่อง เธอจึงเรียนเองเพิ่มที่บ้านโดยใช้ตำราเรียนโรงเรียนอื่นที่ขวนขวายหามา มาฝึกเรียนฝึกทำจนรู้เรื่อง

 

บทเรียนจากชีวิตจริง

 

คนเรารู้จักความเครียดมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว เมื่อเอาแต่เรียน

 

การเล่นของเด็กคือวิธีระบายความเครียด

 

ไม่ต้องมีคนสอน ได้เล่นปนเรียน หรือเล่นอย่างเดียว เด็กเขาก็มีความรู้ของเขาอยู่นะ เป็นความรู้ที่ผู้ใหญ่บางคนอาจจะไม่เคยรู้เลยก็ได้

 

การมีคนบอกนะดีตรงที่มีคนคอยบอกทิศทางให้รู้ว่าเป็นทิศอะไร เพื่อเด็กจะได้คัดหางเสือให้ตรงทิศได้

 

วัยรุ่นนะเขามีเรื่องในใจของเขาเกี่ยวกับเพื่อนต่างเพศอยู่แบบของเขานะ ผู้ใหญ่ที่คิดว่า รู้ใจเขานะ คิดซะใหม่ ถามไถ่เขาให้บอกออกมาเองดีที่สุด ถ้าอยากจะช่วยเขาให้คัดหางเสือให้ถูกทิศ

 

เด็กซึ่งได้รับการเลี้ยงดูให้มีความมั่นคงในใจและได้รับการฝึกฝนให้ดูแลตนเองมาก่อนโดยผู้ใหญ่แค่ดูแลอยู่ห่างๆ จะมีวินัยต่อตัวเองและ รู้จักตัดสินใจอย่างมั่นใจ รู้จักไตร่ตรองใคร่ครวญ เมื่อเข้าวัยรุ่น

 

เรื่องต่างเพศที่วัยรุ่นเขาสนใจนะ ไม่ได้เป็นเรื่องเลวร้ายอย่างที่ผู้ใหญ่กลัวเขาพลาดไปซะทุกเรื่องหรอกนะ

 

เวลาพ่อแม่หรือผู้ใหญ่ที่วัยรุ่นนับถือได้พบกับเพื่อนต่างเพศของเขา วัยรุ่นคนนั้นมีเรื่องลุ้นอยู่ในใจเขาอยู่นะ

 

บุคลิกของครูและความประทับใจที่เด็กมีต่อครู เป็นส่วนหนึ่งของแรงจูงใจที่ทำให้วัยรุ่นฟังครูและชอบการเรียน

 

โตเข้าวัยรุ่นเวลาของเด็กยิ่งมีน้อยลงกว่าสิ่งที่ผู้ใหญ่กะเกณฑ์ให้เรียน เด็กจึงคิดและลงมือเป็นกบฏกับผู้ใหญ่เพื่อกู้เวลาส่วนตัวของเขาคืนมา

 

การที่วัยรุ่นเขาอายนะ เขามีความหวั่นไหวภายในใจอยู่มากเลยแหละ

 

 

Keywords :

 

เรียนไม่จำ อ่านหนังสือบ่อยๆ ฝึกสกัดเรื่องออกมาเล่าบ่อยๆ เดี๋ยวจำได้เอง เดี๋ยวเก่งเอง

 

พ่อแม่ ครู และผู้ใหญ่ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับวิถีของเด็ก คือ ส่วนหนึ่งของสาเหตุที่สร้างความเครียดให้กับเด็กทั้งเด็กเล็ก เด็กโต และวัยรุ่น

หมายเลขบันทึก: 231056เขียนเมื่อ 21 ธันวาคม 2008 20:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 04:08 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)
  • ธุค่ะ..

มาอ่านบันทึกนี้ก็เลยรู้ว่าชอบอ่านหนังสือเหมือนกันค่ะ  หนังสือเพชรพระอุมาเป็นหนังสือที่อ่านแล้ววางไม่ลงเลยจริงๆ   ต้องอ่านจนจบตอน..จบเล่ม..แล้วก็อยากอีกแน่ะ

อิอิ แต่ต้อมไม่มีคู่ปิ๊งหรอกนะ  มีเพื่อนสนิทเป็นผู้ชายช่วงเรียน ม.ปลาย ซึ่งอยู่กลุ่มเดียวกัน (เจ้านี่คิดยังไงก็ไม่รู้มาอยู่กลุ่มสาวๆๆเนี่ย)   เดินไปทางไหนด้วยกัน..แฟนคลับทั้งสองฝ่ายชอบร้องกรี๊ดๆๆ แบบว่าถูกใจ  เอ้อเหอ..แล้วมันใช่เสียที่ไหนกันล่ะ

วิชาฟิสิกส์/เคมี/ชีวะ เป็นประเภทวิชาที่ไม่ค่อยชอบ   บวกกับคณิตศาสตร์ไปอีกวิชาหนึ่งเลยก็ได้    คงเพราะไม่ชอบตัวเลขเลยทำให้คะแนนที่ได้รับก็คือเอาแค่พอผ่านก็พอ    หรือถ้าจะตกก็ไม่อายเพราะนั่นหมายความว่าก็ตกยกห้องอยู่แล้ว    แต่ด้วยความที่คงเป็นพวกที่ท่าดี(ทีเหลว) อยู่ในห้องที่เก่ง เลยทำให้ใครๆ คิดว่าเรียนเก่ง 

แต่ชอบชีวิตตอนเรียนมัธยมมากที่สุด   คงเพราะเป็นเด็กและไม่ต้องรับผิดชอบอะไร

สวัสดีค่ะคุณหมอ

***เคยมีเด็กเดครียดคนหนึ่งเขียนจดหมายมาให้ครูอ่านให้ผู้ปกครองฟังว่า

"แม่ครับ...ผู้หญิงที่แม่ชอบ...ผมไม่ได้ชอบเขาเลย"

***การให้อิสระที่จะคิด...มีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจ...เป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่ต้องคอยชี้นำทาง...มิใช่บีบบังคับทุกเรื่อง

***พบเด็กที่มีปัญหาหลายตนลายคน..เติบโตมากับผู้ใหญ่ที่ด้อยวุฒิภาวะค่ะคุณหมอ

  • สวัสดีครับ
  • ตามมาอ่านการบ้านครับ
  • มีเรื่องกิ๊กด้วย
  • ผมก็ชอบอ่านกำลังภายในครับตอยเรียนมัธยม
  • อ่านจนลืมทานข้าว
  • คุณหมอสบายดีนะครับ

 

 

  • อาจารย์ นายประจักษ์~natadee ค่ะ
  • ขอบคุณในกำลังใจที่มอบให้มาตลอด
  • ขอบคุณพรปีใหม่ที่มอบให้ทั้งครอบครัว
  • ดีใจที่มาเยี่ยมและมาคุยกันเสมอ
  • อยากมีโอกาสพบเจอตัวเป็นๆกันบ้างจังค่ะ
  • น้องต้อม เนปาลี ค่ะ
  • ท่าดีทีเหลวนะเราเองว่าใช่ไหมค่ะ
  • เพื่อนๆนะเขาว่าท่าดีทีได้เรื่องมิใช่รึค่ะ
  • การอ่านหนังสือมันทำให้เราได้อะไรสอนตัวเรา
  • และเข้าใจเรื่องราวรอบตัวเรามากเลยนะค่ะ
  • มากจนทำให้ตอนพี่เป็นเด็กนะ
  • พี่สงสัยและตั้งโจทย์และคอยตามหาคำตอบอยู่เรื่อยมา
  • แต่ว่าในบางครั้ง หนังสือก็ทำให้เราเขวไปได้เหมือนกัน
  • เขวไปเพราะความเป็นเด็กมันอ่อนประสบการณ์ชีวิตนะซีน้องจ๋า
  • ดีที่เขวแค่ในความคิด ไม่ได้ลงมือเขวให้ตัวเองแย่นะน้อง
  • โตขึ้นจึงรู้ว่า อะไรที่หนังสือเขียนไว้เขาอยากบอกอะไรคนอ่านค่ะ
  • ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมนะน้องนะ
  • คุณ กิติยา เตชะวรรณวุฒิ ค่ะ
  • ดีใจที่ได้รู้จักและคุยกันค่ะ
  • เด็กๆนะเขาเครียดง่ายกว่าผู้ใหญ่เยอะเลยค่ะ
  • ถ้าผู้ใหญ่รอบๆตัวเขาเครียดด้วย
  • เขาก็ยิ่งมีปัญหา
  • .....
  • อันที่จริงผู้ใหญ่ที่ด้อยวุฒิภาวะที่คุณพูดถึง
  • เขาก็คือเด็กคนหนึ่งที่เติบโตมา
  • ซึ่งมีคุณค่าแบบที่เขาเป็น
  • หากแต่สิ่งที่ต้องการมากกว่า
  • คือคุณค่าเพิ่มที่ประสบการณ์ส่วนตัวตั้งแต่เป็นเด็กและโตมา
  • สามารถเพิ่มคุณค่าในทางบวกให้กับเด็กรุ่นต่อๆมาได้
  • การที่จะให้ผู้ใหญ่เช่นที่คุณว่านี้
  • สามารถให้คุณค่าได้อย่างที่พูดมา
  • ต้องการมุมมองที่เห็นคุณค่าของเขาก่อนค่ะ
  • เมื่อมองคุณค่าของเขาเห็น
  • เชื่อว่ามุมมองใหม่ที่มองเห็นนั้น
  • สามารถเปลี่ยนแปลงคำเรียกขานเขาได้
  • ส่วนที่ขาดไปก็คือ เทคนิคที่จะสามารถดึงคุณค่าเหล่านี้ออกมาใช้เป็นคุณค่าเพิ่มให้กับสังคมนะค่ะ
  • ........
  • ด้วยว่าสังคมขณะนี้ ล้วนแต่สะกดจิตคนด้วยความคิดเชิงลบเสมอค่ะ...คนเหล่านี้ก็เช่นกัน....เป็นผลผลิตของการสะกดจิตโดยสังคมที่มีมายาวนาน..และเขาก็ไม่เคยรู้ตัวว่าจิตของเขานั้นถูกสะกดเอาไว้....ถ้าช่วยปลดปล่อยได้...จะได้คุณค่าเพิ่มคืนมาทันที..ทีละเล็กทีละน้อยก็ยังดีกว่า...ไม่ได้คุณค่าใดๆเพิ่มเลย
  • ......
  • ขอบคุณอีกครั้งที่เข้ามาเยี่ยมกันค่ะ
  • น้อง สิงห์ป่าสัก จ๋า
  • พี่ว่าเรื่องกี๊กเป็นเรื่องธรรมดาของวัยรุ่นนะค่ะ
  • ในเมื่อเป็นเรื่องธรรมดาก็บอกเล่ากันได้
  • ......
  • นึกถึงเรื่องกำลังภายใน
  • แล้วทำให้เสียดายที่วันนี้
  • ทิ้งการอ่านไปซะนานมาก
  • จนไม่รู้เลยว่ามันพัฒนาไปอย่างไรบ้างแล้ว
  • .......
  • อย่าลืมตอบอีเมล์ที่ส่งไปหาด้วยนะค่ะ

เรียนไม่จำ อ่านหนังสือบ่อยๆ ฝึกสกัดเรื่องออกมาเล่าบ่อยๆ เดี๋ยวจำได้เอง เดี๋ยวเก่งเอง

 

ชอบที่พี่หมอเล่า สนุกทุกย่อหน้า

แต่ชอบประโยคบนที่สุด

เพราะจะว่าไป เรียน เรียนและเรียน มาได้เป็นตัวเป็นตนก็ใช้วิธีนี้แหละค่ะ 

  • ภูสุภา น้องเอ๋ย
  • เรื่องเล่านะสนุกนะน้อง
  • หากว่าได้เล่าด้วยความรู้สึกที่ผู้เล่าเองได้เติมเต็มอารมณ์ตัวเองไปด้วย
  • เล่าอย่างเป็นธรรมชาติแล้วรู้สึกดีใช่ไหมน้อง
  • ไม่ต้องเกรงต้องเกร็งอะไร
  • และนี่คือวิธีเรียนอย่างหนึ่ง
  • ที่โรงเรียนนะเขาไม่เคยสอน
  • หากแต่คนสอนตัวเองได้
  • และอะไรหลายๆเรื่อง สอนในโรงเรียนไม่เคยจำได้
  • แต่พอใช้วิธีไม่สอน ให้รับรู้คลุกคลีเอาเอง
  • กลับจำได้แม่นยำ จำยาวนานทีเดียว
  • .......
  • การสกัดเล่าเรื่อง มันก็คือ reflection ค่ะน้อง
  • reflection ทำให้สมองต้องคิดและวิเคราะห์ก่อนพูดออกมา
  • reflection ทำให้คนได้สติคืนมาด้วย
  • ไม่เอาแต่สักแต่ว่าพูดๆๆๆๆ
  • .......
  • เดี๋ยวนี้คนเอาแต่พูดๆๆๆๆๆ โดยไร้สติมากเหลือเกินน้อง
  • อาชีพอย่างเราๆ...ถ้าเอาแต่พูดๆๆๆๆแบบไร้สติละก็
  • คนไข้แย่ๆๆๆๆๆ....เราควรที่จะฝึก reflection กับตัวเราให้มากๆ
  • จะได้ไม่พูดแบบนกแก้วนกขุนทองค่ะน้อง
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท