วันนี้ขออนุญาตไม่เขียนบทกลอนสักวัน
แต่มีเรื่องมาเล่าเพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนใจทุกท่าน
คืนวันศุกร์ที่พระจันทร์สวยที่สุดในรอบหลายๆปี ตามที่ข่าวบอก เป็นคืนเกิดเหตุครับ
ไฟไหม้ครับ เวลาตี 4 ที่พวกเรากำลังหลับเพลิน ยกเว้นพ่อที่ตื่นตอนตี 3 มาจุดธูปไหว้พระ ห้องนอนพ่อจะมีโต๊ะหมู่ และพระเครื่องจำนวนมาก รวมถึงท้าวจตุคามรามเทพด้วย วางซ้อนเรียงรายกันเต็มโต๊ะหมู่ พ่อมักจะตื่นมาจุดธูปบูชาพระในเวลาตี 3 ตี 4 เป็นประจำ แล้วก็ออกมานอนดูทีวีเรื่อยเปื่อยไปจนกว่าจะเช้า ตามประสาคนแก่นอนไม่หลับน่ะครับ คืนเกิดเหตุ ท่านก็ปฏิบัติกิจวัตรประจำวันเหมือนๆกับทุกวัน หลังจากจุดธูปบูชาพระ ( ธูปจริงๆครับ ไม่มีเทียน ) เรียบร้อยแล้วก็ออกมานอนดูทีวีนอกห้อง ราวๆตี 4 ท่านได้ยินเสียงกระเบื้องหลังคาแตก พอหันไปดูก็เห็นเปลวไฟลุกถึงหลังคาห้องนอน ท่านเลยตะโกนขอความช่วยเหลือ สมาชิกทุกคนต่างตื่นขึ้นมา พอผมเห็นเปลวไฟที่ลุกถึงหลังคาห้องนอนก็ใจหายวาบ รีบวิ่งไปคว้าถังน้ำมาตักน้ำ บังเอิญ โชคดี หรือ อะไรก็แล้วแต่ ช่วงนี้เราย้ายครัวหนีน้ำมาไว้ข้างบนบ้าน เลยหาภาชนะตักน้ำได้ไม่ยากนัก เพียงเวลาไม่กี่นาทีเราก็ดับไฟได้สำเร็จ แม่ล้มนอนลงบนพื้นห้องเลอะอย่างหมดแรง
ไม่มีอะไรเสียหายมากหรอกครับ นอกจากมุ้ง หมอน ที่นอน ผ้าห่ม และพระเครื่องรวมถึงจตุคามรามเทพอีกจำนวนหนึ่ง ส่วนกระเป๋าสตางค์ของพ่อถูกไฟไหม้เกือบหมด เหลือที่ยังสมบูรณ์คือ บัตรประจำตัวประชาชน พวกเราเลยดูเลขที่บัตรแล้วนำมาซื้อลอตเตอรี เผื่อว่าหลังจากมรสุมฟ้าจะใส ปรากฎว่าผิดครับ โดนกินเรียบ
เรื่องนี้เลยได้อุทาหรณ์ 2 ประการครับ ระวังฟืนไฟให้ดี และ อย่าคิดว่าจะถูกลอตเตอรีหลังไฟไหม้
* สวัสดีค่ะ
* ยังโชคดีนะคะ ไม่มีอะไรเสียหายมากและที่สำคัญไม่มีใครได้รับอันตราย
* เป็นกำลังใจให้นะคะ ถึงจะไม่ถูกลอตเตอรี่ แต่ "หลังจากมรสุมฟ้าจะใส " ยังเป็นความจริงเสมอค่ะ
* อุทาหรณ์ที่ให้ ใช้ได้เสมอสำหรับคนไทย ขอให้โชคดีนะคะ
สวัสดีค่ะ
สวัสดีครับ คุณ กุหลาบ คุณphayorm แซ่เฮ คุณครูอ้อย แซ่เฮ และคุณ add
หลังจากดับไฟแล้วก็มานั่งพูดกันว่านี่แหละทุกข์กับสุขอยู่ใกล้กันนิดเดียว หากดับไฟไม่ได้คงต้องมานั่งเศร้าโศกมากกว่าจะมานั่งเล่าเรื่องราวให้ใครต่อใครฟัง แต่จริงๆแล้วหากไฟไหม้หมดก็คงจะสุกเหมือนกันสุกจนไหม้ไงครับ เห็นไหมว่าทุกข์กับสุกอยู่ใกล้กันจริงๆ