ต้นอ้อ
อารีรัตน์ นิรันต์สิทธิรัชต์

ถูกบอกว่า "ป่วย"


ฉันอยากรู้จริงๆเลยว่า หมอจะรู้สึกอย่างไรเมื่อเขาจะต้องบอกข่าวร้ายกับคนไข้ เขาจะรู้สึกเศร้า เสียใจ ไปกับข่าวร้ายนั้นไม๊ หรือว่าพวกเขาถูกฝึกไม่ให้อ่อนไหวไปกับเรื่องราวเหล่านี้ แล้วหากพวกเขารับรู้ได้ถึงความรู้สึกของคนไข้และญาติ พวกเขารับรู้ได้ละเอียดอ่อนขนาดไหน

 

คุณเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ไม๊ วันหนึ่งคุณเกิดนึกครึ้มอกครึ้มใจอยากตรวจร่างกายประจำปี คุณก็เลยไปโรงพยาบาล ไปให้หมอเช็คร่างกาย ผลการตรวจร่างกายพบว่า ผลของการตรวจเลือดผิดปกติ ค่าโน้นสูง ค่านี้ต่ำ (ในที่นี้หมายความว่า ไม่อยู่ในช่วงปกติที่คนส่วนใหญ่จะมี) หมอวินิจฉัยว่า คุณป่วย เป็นโรค..... อะไรก็แล้วแต่ ที่มีเหตุให้ผลการตรวจเป็นดังที่แสดงมานั้น.. และคุณต้องได้รับการรักษาอย่างทันที!!

คุณจะงง และช๊อค....กับสิ่งที่ได้รับรู้มาไม๊ เพราะคุณไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะป่วยเป็นอะไร ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีอาการใดๆที่ผิดปกติ คุณใช้ชีวิตอย่างปกติสุขมาตลอด...

ุณป่วย เพราะ "ถูกบอกว่า ป่วย"  และคุณต้องรับการรักษา "หลังจากถูกบอกว่าป่วย และหมอบอกว่าต้องทำการรักษา" ลายครั้งที่เราต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ว่านี้ หรือไม่สิ่งนี้ก็ประสบกับคนใกล้ตัวของเรา พ่อ แม่ ญาติพี่น้อง หากการป่วย หรือการเป็นโรคนั้นไม่ได้เป็นการป่วยที่ธรรมดา แต่เป็นการเจ็บป่วยที่รุนแรง เช่น พบก้อนเนื้อที่น่าสงสัย ถูกบอกว่าเป็นมะเร็ง คุณจะยอมรับกับความจริงเหล่านี้อย่างไร

หมอ..ย่อมต้องเผชิญกับการที่จะต้องบอก "ความจริง" เหล่านี้ให้กับคนไข้รวมถึงญาติ แจ้งให้ทราบว่าบุคคลอันเป็นที่รักของพวกเขากำลังเผชิญกับความเจ็บป่วยอะไร ร้ายแรงแค่ไหน

คำถามที่เกิดขึ้นในใจฉันในตอนนี้...ฉันอยากรู้จริงๆเลยว่า หมอจะรู้สึกอย่างไรเมื่อเขาจะต้องบอกข่าวร้ายกับคนไข้ เขาจะรู้สึกเศร้า เสียใจ ไปกับข่าวร้ายนั้นไม๊ หรือว่าพวกเขาถูกฝึกไม่ให้อ่อนไหวไปกับเรื่องราวเหล่านี้ แล้วหากพวกเขารับรู้ได้ถึงความรู้สึกของคนไข้และญาติ พวกเขารับรู้ได้ละเอียดอ่อนขนาดไหน

ฉันเคยรู้มาว่า คนเป็นหมอจะถูกฝึกให้รู้จักวิธีในการจะแจ้งข่าวร้ายแก่คนไข้และญาติ ฉันอยากรู้จริงๆเลยว่า ในทางกลับกัน พวกเขาได้ฝึกที่จะให้เกิดความรู้สึกร่วม รู้สึกเห็นอกเห็นใจไปกับคนไข้และญาติคนไข้เมื่อต้องรับรู้กับเรื่องร้ายๆนั้นหรือไม่ 

เหมือนกับตอนดูละคร เรารู้สึกร่วมกับละคร เราร้องไห้ไปกับตัวละคร หรือ เราฝึกที่จะฝืน ฝืนที่จะไม่ร้องไห้ในตอนที่โศกเศร้า (เพราะมันเป็นละคร ไม่ใช่เป็นเรื่องของเรา)

ครั้งหนึ่ง ฉันได้รับแจ้งข่าวร้ายของคนที่ฉันรักมากคนหนึ่ง.. หมอแจ้งให้ทราบถึงภาวะการเจ็บป่วยที่พบ.. หลังจากการตรวจร่างกายตามปกติ และก่อนหน้านั้นไม่มีการเจ็บป่วยใดๆ แต่ผลการตรวจแสดงให้เห็นถึงภาวะการเจ็บป่วย ที่ไม่มีวันจะหายได้เป็นปกติ

ฉันได้แต่นิ่งฟัง และถามถึงการดำเนินโรคที่จะตามมา ฉันแทบไม่สนใจด้วยซ้ำว่า วิธีการรักษาจะเป็นอะไรบ้าง สิ่งที่ฉันกังวลคือ ฉันจะทำให้คนที่ฉันรักมีชีวิตที่เป็นปกติสุขเหมือนกับไม่เคยได้รับรู้ หรือ เหมือนกับไม่ได้ถูกบอกว่าป่วยได้อย่างไร ฉันสนใจแต่ว่าฉันจะจัดการชีวิตฉันอย่างไร เพื่อจะทำให้เขามีความสุข ฉันไม่ได้กลัวว่า เราจะต้องจากกันในวันใดวันหนึ่ง แต่ฉันไม่อยากเห็นเขาเจ็บปวด ทุกข์ทรมาน

....มันเป็นความรู้สึกปวดลึกในใจ ... เหมือนใจจะสลายเมื่อนึกถึงปลายทาง อันเป็นจุดสิ้นสุด..

...ฉันอยากให้เรื่องนี้เป็นความฝัน หรือเป็นเรื่องอำกันเล่น..

ฉันงงอยู่หลายวัน กว่าจะเริ่มบอกกับตัวเองว่านับแต่นี้..ฉันต้องทำความเข้าใจและเรียนรู้ต่อเรื่องชีวิตให้มากขึ้น และฉันต้องทำความเข้าใจความเป็นไปของการดำเนินไปของชีวิตให้มากขึ้น ไม่ใช่เพราะตัวฉันเท่านั้น แต่เพื่อคนที่ฉันรักด้วย

นี่อาจเป็นเพียงสี้ยวส่วนของความรู้สึกของฉันที่เกิดขึ้น เป็นความรู้สึกที่ประเดประดังเข้ามา เพราะฉันเองก็ยังงงๆกับเรื่องราวที่เหมือนกับกำลังพึ่งผ่านไป

แล้วหมอจะรู้ไม๊ว่า ฉันรู้สึกอย่างไร แล้วหากหมอรู้สึกได้จะดีกว่าไม่รู้สึกอะไรเลยไม๊นะ...

ฉันเพียงแต่คิดเล่นๆว่า หากสถานการณ์นี้เป็นเรื่องปกติที่มนุษย์ทุกคนต้องเผชิญ คนที่เป็นหมอก็สามารถเยียวยาคนไข้ได้ เพียงแค่ใช้ความเป็น มนุษย์ธรรมดาเข้าไปสัมผัสความรู้สึกของผู้คน

 

หมายเลขบันทึก: 229815เขียนเมื่อ 15 ธันวาคม 2008 23:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 04:01 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

เข้ามาตามอ่าน เห็นเขียนบางเรื่องโดนใจดี

ขอแสดงความเห็นกับสิ่งที่คุณต้นอ้อได้เจอ ก็เข้าใจได้เหมือนกัน (แต่ยังไม่เจอกับตัวเอง ความรู้สึกเลยอาจจะไม่ลึกซึ้งเหมือนคนที่เจอเอง) หมอเค้าก็ต้องบอกในสิ่งที่เค้าตรวจพบไม่ใช่เหรอ ไม่เช่นนั้นก็ไม่ถูกตามจรรยาบรรณ (หรือเปล่า?) บางคนหลีกเลี่ยงที่จะอยากทราบว่าตัวเองเป็นอะไร ก็เลยไม่ไปหาหมอเลยก็มี เพื่อที่จะได้ไม่ต้องรับรู้ในสิ่งนั้น ๆ เอาล่ะ ตอนนี้ คิดว่ากำลังใจจากรอบด้านสู่ตัวคุณ เพื่อจะได้มีพลังส่งไปต่อถึงคนที่คุณรักให้ได้มากที่สุด ขอเป็นกำลังใจให้อย่างสุดซึ้ง

ขอบคุณอีกครั้งค่ะ คุณ nina ที่แวะมาเยี่ยมเยียน

บันทึกนี้ คงเป็นการสะท้อนให้ผู้เป็น "หมอ" ได้คิดถึง..ว่า ในมุมมองของคนไข้ คิดอย่างไร หากทำตามหลักปฏิบัติวิชาชีพของหมอ แต่ละเลยความเป็นมนุษย์ ที่รู้สึก กลัว หวาดหวั่น ไม่กล้า หลีกหนี หมอจะรู้ว่า ในขณะที่เขา ทำหน้าที่หมอ หมอจะเป็นเพื่อนที่ยืนเคียงข้างคนไข้อย่างไร..

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท