ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันเกี่ยวข้องกับงานส่งเสริมการเกษตรหรือไม่
วันนี้ผมตื่นแต่เช้า( 11 ธค.51 ) ได้ออกกำลังกายเล็กน้อย จากนั้นได้เปิดโทรทัศน์เพื่อติดตามข่าวสาร ทราบว่าสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันนี้ เริ่มเข้าสู่วิกฤต โรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งได้ปลดพนักงานออกหรือเลิกจ้างไปเลย โดยไม่ได้แจ้งให้พนักงานลูกจ้างทราบล่วงหน้า จึงส่งผลกระทบให้พนักงานต้องออกมาเรียกร้อง และบางรายก็กลับไปอยู่ในชุมชนบ้านเกิด เท่าที่ได้ฟังนักเศรษฐกิจหลายท่าน ได้ออกมาพูดว่าภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยที่เริ่มเข้าสู่ขั้นวิกฤตอาจจะขยายออกไปถึงปี 2553 ด้วย ฟังแล้วน่าตกใจมากครับ สาเหตุเนื่องมาจากเศรษฐกิจโลกก็ตกต่ำเช่นกัน จึงส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิขของประเทศไทยด้วย ประกอบกับสถานการณ์บ้านเมืองของเราด้านการเมืองหรือการจัดตั้งรัฐบาลยังไม่เข้าที่นั่นเอง
เท่าที่พอจะมองเห็นการแก้ไขที่เป็นการเฉพาะหน้า การประกอบอาชีพการเกษตรน่าจะมีส่วนช่วยได้มาก หรือเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับพนักงานที่ถูกออกจากงาน เช่นการผลิตอาหารที่ปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นด้านพืชอาหาร ปศุสัตว์ การแปรรูปสินค้าเกษตร เป็นต้น หากพนักงานที่เคยทำงานอยู่ในโรงงานอุตสาหกรรมที่ถูกเลิกจ้างไปแล้ว ไม่ต้องเสียใจขอให้ตั้งสติให้ดี แล้วศึกษาแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยไปศึกษาตัวอย่างบุคคลที่อยู่ในชุมชนต่างๆ หรืออาจจะศึกษากิจกรรมภูมิปัญญาที่มีอยู่ในชุมชนต่างๆยังจะพอนำมาเป็นแนวทางการสร้างกิจกรรมให้อยู่รอดในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจในปัจจุบันได้ไม่ยาก
จากการที่ผมได้ลงไปเยี่ยมเกษตรกรในเขตตำบลสระแก้ว อ.เมืองกำแพงเพชร เมื่อวันที่ 9ธันวาคม 2551 พบว่ามีเกษตรกรบางรายที่เคยประกอบอาชีพการปลูกกล้วยไข่อยู่เดิม ในปีนี้หลังจากที่ได้เก็บผลผลิตกล้วยไข่ไปแล้ว ได้แบ่งพื้นที่ออกเป็นสองส่วนคือส่วนหนึ่งไปปลูกมันสำปะหลังแทน เพราะว่ามันสำปะหลังเป็นการปลูกที่ลงทุนน้อยกว่าและมีความเสี่ยงน้อยกว่าการปลูกกล้วยไข่ การดูแลรักษาก็น้อยกว่านั่นเอง อีกส่วนยังปลูกกล้วยไข่อยู่เหมือนเดิม ซึ่งจะเห็นได้ว่าเกษตรกรเขาก็ได้ติดตามข่าวสารอยู่เป็นประจำเหมือนกัน เขาก็รู้ว่าเศรษฐกิจของประเทศจะเข้าสู่วิกฤต เพราะว่ามันก็ส่งผลกระทบต่อตัวเขารายได้เขาน้อยลง รายจ่ายมากกว่ารายรับ เขาจึงต้องมีการวางแผนการผลิต การปรับเปลี่ยนกิจกรรมเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันตามหลักการเศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์ท่าน เพื่อให้สามารถอยู่รอดในวิกฤตเศรษฐกิจในปัจจุบันนี้ได้ครับ
จากที่ผมได้พูดคุยกับเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยไข่ดังกล่าวแล้ว ก็กลับไปยังสำนักงานเกษตรจังหวัด ก็ได้ไปพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานเพื่อปรึกษาหารือกัน วางแผนในการทำงาน จากที่เคยตั้งรับก็ปรับเปลี่ยนเป็นเชิงรุก ได้ออกแบบงานร่วมกัน ที่จะต้องออกไปเสริมหนุนนักส่งเสริมการเกษตรที่ปฏิบัติงานอยู่ในภาคสนามในเขตพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังในระบบพิเศษ โดยกำหนดออกไปปฏิบัติงานร่วมกับทีมงานสำนักงานเกษตรอำเภอขาณุวรลักษบุรี ในวันที่ 24-26 ธันวาคม 2551 นี้ โดยไม่ต้องใส่เกียร์ว่างครับ