ก้อนหิน..ก้อนนั้น..


ถูกเขาทำร้าย เพราะใจเธอแบกรับไว้เอง.....รู้เพียงแต่ว่าก้อนหินนั้น เป็นสิ่งเตือนใจ ..แต่อย่าเก็บไว้เพื่อให้เจ็บช้ำอีกต่อไปค่ะ ..

               ไม่มีอะไรจะทำร้ายเธอ..ได้เท่ากับเธอทำตัวของเธอเอง..

ให้เธอคิดเอาเองว่าชีวิตของเธอเป็นของใคร...

              ไม่มีอะไรจะทำร้ายเธอ...ถ้าเธอไม่รับมันมาใส่ใจ..

ถูกเขาทำร้าย เพราะใจเธอแบกรับไว้เอง

               อยู่ดี ๆ ก็นึกถึงเพลงนี้ขึ้นมา..อาจเป็นเพราะตรงกับชีวิตจริงในช่วงนี้ก็เป็นได้..เมื่อครั้งตอนที่เรียนอยู่ปริญญาโทที่คณะนิเทศศาสตร์ สาขานิเทศศาสตรพัฒนาการ หรือที่รู้จักกันในนามของ Dev Comm จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งจริง ๆ ก็เมื่อไม่นานมานี้เอง คือ เมื่อประมาณต้นปี 2550 ที่ผ่านมา พวกเราDev Comm 29 จัดสัมมนาเรื่อง Buddhistainment สื่อสารอย่างไรในกระแส Gen-Y ซึ่งการสัมมนาครั้งนี้ดิฉันได้รับบทบาทในการเป็นผู้ดำเนินรายการและแขกรับเชิญในวันนั้น คือ ท่านว.วชิรเมธี และคุณอี้-แทนคุณ จิตอิสระ

              สิ่งที่ดิฉันได้เรียนรู้และไม่ลืมเลือนเลย คือ คุณอี้ เป็นคนที่ไม่ชอบดูละคร ไม่ชอบฟังเพลง แต่จะชอบดูข่าวและรายการธรรมะ จะมีเพลงอยู่เพลงหนึ่งที่คุณอี้ฟังแล้ว จดจำได้ไม่เคยลืม นั่นก็คือ เพลงก้อนหินก้อนนั้น ของ โรส ศิรินทิพย์ ตาม Intro ที่ดิฉันขึ้นไว้ข้างต้นของบันทึกนี้ค่ะ

              แล้วเมื่อพิจารณาเพลงนี้จริง ๆ แล้ว เนื้อเพลงได้สอนอะไร ๆ เยอะมาก โดยเฉพาะในเรื่องของการดำเนินชีวิต การเรียน การทำงาน การอยู่ร่วมกับบุคคลมากมาย เพื่อให้รู้ว่า ..ไม่มีใครหรอกที่จะทำร้ายตัวเราได้..นอกจากความคิดของตัวเราเอง ที่จะทำให้ตัวเราแย่ลง ๆ ทุกวัน .. เมื่อมีคนมาพูดร้ายกับเราเปรียบเสมือนว่าเขาปาก้อนหินก้อนนั้นเข้ามาหาเรา ซึ่งก้อนหินนั้นอาจจะถูกร่างกายเราจนได้รับบาดเจ็บหรือความเป็นจริงแล้วแค่เพียงเฉียดไปเท่านั้น .. แทนที่จะปล่อยให้ก้อนหินล่องลอยต่อไป.. แต่เรากลับลุกขึ้นไปหยิบก้อนหินนั้นมาเก็บไว้..เก็บไว้..เก็บไว้..เพื่อตอกย้ำตัวเอง..ทั้ง ๆ ที่คนที่ปาก้อนหินใส่เรานั้น อาจจะลืมไปแล้วก็ได้ว่าปาก้อนหินใส่เรา

            บทเรียนที่ได้จากบทเพลงที่เคยฟังมาแล้ว..ไม่น่าเชื่อเลยนะค่ะ..ว่าจะเป็นบทเรียนที่สอนเราได้จริง ๆ ปล่อยเถอะค่ะ..ปล่อยก้อนหิน..ก้อนนั้นไป..รู้เพียงแต่ว่าก้อนหินนั้น เป็นสิ่งเตือนใจ ..แต่อย่าเก็บไว้เพื่อให้เจ็บช้ำอีกต่อไปค่ะ ..

           ก้าวต่อไปค่ะ...

คำสำคัญ (Tags): #บทเรียนจากเพลง
หมายเลขบันทึก: 227820เขียนเมื่อ 6 ธันวาคม 2008 22:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 มิถุนายน 2012 10:32 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

เพลงเพราะความหมายดีมากครับ

ขอบคุณมากค่ะครูโย่ง

ที่เข้ามาเยี่ยมเยี่ยนทักทาย

สวัสดีค่ะ

  • วันนี้ดีใจที่ได้สติ จากก้อนหิน จริงๆค่ะ..
  • " เมื่อมีคนมาพูดร้ายกับเราเปรียบเสมือนว่าเขาปาก้อนหินก้อนนั้นเข้ามาหาเรา ซึ่งก้อนหินนั้นอาจจะถูกร่างกายเราจนได้รับบาดเจ็บหรือความเป็นจริงแล้วแค่เพียงเฉียดไปเท่านั้น .. แทนที่จะปล่อยให้ก้อนหินล่องลอยต่อไป.. แต่เรากลับลุกขึ้นไปหยิบก้อนหินนั้นมาเก็บไว้..เก็บไว้..เก็บไว้..เพื่อตอกย้ำตัวเอง..ทั้ง ๆ ที่คนที่ปาก้อนหินใส่เรานั้น อาจจะลืมไปแล้วก็ได้ว่าปาก้อนหินใส่เรา"
  • ขอบคุณมาก จริง ๆ ที่เขียนบันทึกนี้ ขึ้นมาให้อ่าน..
  • ขอให้มีความสุข กับสิ่งที่ทำ..
  • และเขียนบันทึก ดี ดี แบบนี้ อีกนะ จะเข้ามาอ่านอีก..

                                          

       

อันภาระที่หนักหนา

คือภาระที่เกิดจากจิตใจของเราเอง

คนเราจะสุข หรือทุกข์ เกิดจากจิตทั้งสิ้น จิตเรา ภวงค์อยู่กับสิ่งใดเป็นสำคัญ ภวงค์อยู่กับสิ่งที่ทำให้สบายใจ หรือไม่สบายใจ

จิตคนเราเปรียบเสมือนกับน้ำที่อยู่ในแก้ว

น้ำที่สงบนิ่ง ยามมีสิ่งมากระทบก็ย่อมที่จะเกิดคลื่น ฉันใด จิตใจเราก็เช่นกันยามมีเหตุ ก็ย่อมจะมีผล ฉันนั้น

แต่หากพิจารณาดูให้ถ่องแท้ ก็จะพบว่า หากเราใส่ก้อนหินขนาดที่พอเหมาะลงไปในน้ำ

เป็นธรรมดาที่น้ำนั้นย่อมเกิดการปั่นป่วน เกิดการกระเพื่อม แต่สักพัก น้ำนั้นก็จะนิ่งสนิทเช่นเดิม

ลองพิจารณาดูให้ดีอีกที ว่าผลที่ตกค้างนั้นเล่า เกิดอะไรขึ้นบ้าง ลองพิจารณาดูให้ดี ว่าเกิดสิ่งใดบ้าง

ประการแรก ก้อนหินก้อนนั้น ยังคงอยู่ แต่ไม่ได้ทำให้น้ำนั้นกระเพื่อมได้อีก ก้อนหินก้อนนั้นจะนิ่งสนิทอยู่ที่ก้นแก้ว ไร้พิษสงอีกต่อไป นั่นเปรียบเสมอว่า หากจิตเราหากฝึกให้ดีแล้วก็เปรียบประหนึ่งน้ำที่สงบนิ่ง ยามเจอสิ่งใดมากระทบ ย่อมที่จะไม่หวั่นไหว หรืออาจจะหวั่นไหวเพียงชั่วครู่ แล้วก็จะสงบเช่นเดิม แม้สิ่งที่มากระทบนั้นจะยังคงอยู่ ก็จะไร้พิษสง และเปรียบเสมือนสิ่งเตือนใจให้เราระลึกถึงว่าเราเคยผ่านเหตุการณ์นี้มาแล้ว

ลองถามตัวเองดูซิว่า เคยผ่านเหตุการณ์เช่นนี้มาหรือไม่ และในคราวนั้นทำเช่นใด จึงผ่านพ้นมาได้

ประการที่สอง เมื่อก้อนหินจมลงไปสู่ก้นแก้วจะทำให้ประมาณน้ำในแก้วสูงขึ้น เปรียบประหนึ่งประสบการณ์และความเข้มแข็งของเราที่จะเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง แม้น้ำนั้นจะกระเซ็นออกไปนอกแก้วก็ตามที แต่ก็จะยังคงมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น นอกเสียจากว่าแก้วใบน้ำนั้นมีน้ำอยู่เต็มก่อนหน้านี้ ซึ่งหากมีน้ำอยู่เต็มอยู่แล้ว แน่นอนเลยว่านอกจากน้ำจะล้นแล้ว ยังจะมีน้ำที่กระเซ็นออกไปอีกซึ่งจะเป็นผลให้น้ำในแก้วนั้นพร่องลงไป

เพราะฉะนั้น วันนี้จิตเราเป็นประการใด เป็นน้ำเต็มแก้วที่น้ำจะพร่องยามมีสิ่งมากระทบ หรือเป็นน้ำที่ยังไม่เต็มแก้ว พร้อมที่จะเรียนรู้และรับประสบการณ์ใหม่ๆ พร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้า

ณ ที่นี้ จักยกพุทธศาสนสุภาษิต หมวดจิต และหมวดตน มากล่าว

จิตฺตํ ทนฺตํ สุขาวหํ จิตที่ฝึกแล้วนำสุขมาให้

อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย ชนะตนนั่นแหละ เป็นดี

อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺฑิตา บัณฑิต ย่อมฝึกตน

อตฺตานญฺเจ ปิยํ ชญฺญา รกฺเขยฺย นํ สุรกฺขิตํ ถ้ารู้ว่าตนเป็นที่รัก ก็ควรรักษาตนนั้นให้ดี

ทุคฺคา อุทฺธรถตฺตานํ ปงฺเก สนฺโนว กุญฺชโร จงถอนตนขึ้นจากหล่ม เหมือนช้างตกหล่มถอนตนขึ้นฉะนั้น

นตฺถิ อตฺตสมํ เปมํ นตฺถิ ธญฺญสมํ ธนํ

นตฺถิ ปญฺญาสมา อาภา วุฏฐิ เว ปรมา สราติ

ความรักเสมอด้วยความรักตนไม่มี ทรัพย์เสมอด้วยข้าวเปลือกย่อมไม่มี

แสงสว่างเสมอด้วยปัญญาย่อมไม่มี

ฝนต่างหากเป็นสระยอดเยี่ยม

นมัสการค่ะพระอาจารย์

ดีใจมาก ๆ ที่พระอาจารย์เข้ามาอ่าน blog ของนนท์อย่างสม่ำเสมอ

ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ สำหรับกำลังใจที่มีให้เสมอมา...

และจะนำคำสอนของพระอาจารย์ไปปฏิบัติ..ทำวันนี้ให้ดีที่สุด

และจะมีกำลังใจในการก้าวต่อไปค่ะ

เช่นกันนะค่ะ..เป็นกำลังใจให้ในการทำงานเพื่อสังคมของพระอาจารย์ เพื่อสังคมแห่งการเรียนรู้และยังอยากเข้าไปมีส่วนร่วมในการทำประโยชน์ด้วยนะค่ะ

คิดฮอดเมืองร้อยเอ็ดหลาย..แล้วจะไปค่ะ

นมัสการลาค่ะ

เพลงให้มุมมองหลายเรื่องในชีวิตจริง ๆ ครับ

ชอบจึงเขียนไว้หลายเดือนแล้วครับ

ขอมอบเพลง "ก้อนหินก้อนนั้น" ให้กับผู้ที่ท้อถอย..หมดกำลังใจ

ขอให้กำลังใจนะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท