สิทธิทางการศึกษา โดยเฉพาะสิทธิเข้าศึกษาในสถาบันการศึกษา เป็นสิทธิมนุษยชนค่ะ

แต่เมื่อพิจารณาทั้งกฎหมายรัฐธรรมนูญไทย และกฎหมายระหว่างประเทศที่ผูกพันประเทศไทย สิทธิในการศึกษาเป็นสิทธิมนุษยชนอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้น รัฐบาลไทยในยุคนี้จึงมีภาระหน้าที่ที่จะต้องให้สิทธิในการศึกษาของมนุษย์ทุกคนบนแผ่นดินไทยให้ได้รับการคุ้มครองและรับรอง จึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะได้เห็นคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๘ มีมติเพื่อทำให้สิทธิในการศึกษาเป็นสิทธิที่ศักดิ์สิทธิสำหรับมนุษย์ที่ปรากฏตัวบนแผ่นดินไทย มติคณะรัฐมนตรีฉบับดังกล่าวเห็นชอบต่อข้อเสนอของกระทรวงศึกษาธิการที่จะใช้กลไกทางกฎหมายที่จะรับรองและคุ้มครองสิทธิของมนุษย์ที่จะได้รับการศึกษาอย่างสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เป็นความชัดเจนอย่างไม่มีข้อแม้อีกต่อไปว่า มนุษย์ทุกคนมีสิทธิในการศึกษา ไม่ว่า พวกเขาจะเป็นคนสัญชาติใด ไม่ว่าพวกเขาจะมีสัญชาติหรือไม่ ไม่ว่าพวกเขาจะมีเอกสารพิสูจน์ทราบตัวบุคคลหรือไม่

คุณฝนส่งอีเมลล์เมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๑ เวลา ๔.๑๖ น. ถึง archanwell เพื่อปรึกษาเรื่องการเข้าเรียนของเด็กชาวต่างด้าว

ข้อความมีใจความว่า

“อาจารย์คะ

มีเรื่องอยากขอคำปรึกษาค่ะ

คือ มีเด็กอยู่คนหนึ่ง พ่อเค้าเป็นชาวกัมพูชาเข้าเมืองมาทำงานในเมืองไทยอย่างถูกกฏหมาย น้องเค้าเป็นผู้ติดตาม พ่อเค้าอยากให้น้องเค้าเข้าเรียน รร.ประถมในประเทศไทยอย่างถูกกฏหมายได้ไหมคะ

ผลทางกฏหมายเป็นอย่างไรคะ แล้วถ้าเป็นกรณีที่น้องเค้าเข้าเมืองผิดกฏหมาย จะเข้าเรียนได้รึป่าวคะ อาจารย์

ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ

ฝน”

อาจารยแหววก็ต้องขอตอบเหมือนเดิมว่า สิทธิทางการศึกษา โดยเฉพาะสิทธิเข้าศึกษาในสถาบันการศึกษา เป็นสิทธิมนุษยชนค่ะ จะเข้าเมืองถูกหรือผิด ก็มีสิทธิศึกษา ถ้าสถาบันการศึกษาปฏิเสธ ก็ร้องเรียนได้เลยค่ะ ซึ่งแนะนำให้ร้องเป็นเอกสารนะคะไปยัง ๔ ที่ กล่าวคือ (๑) คณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ ซึ่งขอให้ส่งจดหมายผ่านพวกครูหยุย วัลลภ ตังคณานุรักษ์ หรือครูเขียว สรรพสิทธิ์ คุ้มประพันธ์ (๓) ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (๔) ประธานวุฒิสภา (๕) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา และ (๕) สื่อมวลชนทุกสาขา ซึ่งง่ายๆ ก็เอาจดหมายถึงแต่ละองค์กรข้างต้นส่งเป็นโทรสารเข้าไปค่ะ

ลองอ่านบทความเล่านี้หน่อยค่ะ คลิกเลยค่ะ