ตัวอย่างบทอาขยานทุ่งสักอาศรม


ขอเรียนว่าทุกตัวอย่างเป็นเพียงการคัดสรรมาจากบทกวีของผู้เขียนเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อความไม่ยุ่งยากเกี่ยวกับปัญหาลิขสิทธิ์ คุณครูและผู้สนใจท่านใดมีความประสงค์จะนำบทอาขยานเหล่านี้ไปใช้ให้เป็นประโยชน์แก่เด็กๆ ได้เลยนะครับ ขอเพียงอ้างอิงตามหลักวิชาการ และเผยแพร่โดยไม่คลาดเคลื่อนจากต้นฉบับเท่านั้น

ตัวอย่างบทอาขยานทุ่งสักอาศรม

ิวกานท์ ปทุมสูติ

.

.

.........ตามที่แจ้งไว้ในความคิดเห็นท้ายเรื่อง "อาขยานสร้างสรรค์การเรียนรู้" ว่าจะนำตัวอย่างบทอาขยานมาฝากคุณครูและผู้สนใจ  ที่จะนำไปฝากเด็กๆ หรือใช้ประกอบแนวทางพิจารณาการเลือกสรรบทอาขยานเพื่อการเรียนการสอน  โพสนี้จึงทำตามสัญญาครับ  แต่ขอเรียนว่าทุกตัวอย่างเป็นเพียงการคัดสรรมาจากบทกวีของผู้เขียนเท่านั้น  ทั้งนี้เพื่อความไม่ยุ่งยากเกี่ยวกับปัญหาลิขสิทธิ์  คุณครูและผู้สนใจท่านใดมีความประสงค์จะนำบทอาขยานเหล่านี้ไปใช้ให้เป็นประโยชน์แก่เด็กๆ ได้เลยนะครับ  ขอเพียงอ้างอิงตามหลักวิชาการ และเผยแพร่โดยไม่คลาดเคลื่อนจากต้นฉบับเท่านั้น 

........[เรื่องอ้างอิงและความถูกต้องในการนำเผยแพร่ต่อตรงตามต้นฉบับนี้จำเป็นนะครับ  ที่พูดย้ำอย่างนี้ เพราะผู้เขียนได้พบความละเลยของคุณครูมามาก  คุณครูบางท่านอาจไม่ได้เจตนา  แต่ก็มีอยู่บางรายที่ถึงขั้นละเมิดลิขสิทธิ์ทางปัญญา คือนำไปใช้เป็นผลงานทางวิชาการของตนเองเลยทีเดียว  ก็ได้แต่รู้สึกเสียใจ  ยังไม่เคยได้ฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาลเอาเรื่องกับคุณครูคนไหนหรอกครับ  เพียงแต่ฟ้องกับความรู้สึก...]    

........เกริ่นเพียงเท่านี้นะครับ  มาอ่านตัวอย่างบทอาขยานของทุ่งสักอาศรมกันดีกว่า

[บทดอกสร้อย]

        

          ดอกเอ๋ยดอกสร้อย                ค่อยร้อยค่อยเรียงสร้อยเดียงสา

ชุบชะลอชีพลำนำคำผกา                   เพื่อเจ้าดวงกมลาที่ข้ารัก

ด้วยรู้สึกนึกคิดสุจริตร่ำ                      ในดื่มด่ำอารมณ์บรรโลมสลัก

หวังสักคนหนึ่งใครจะทายทัก              เก็บไว้ถักไว้ทอต่อสร้อยเอย

                             (ศิวกานท์ ปทุมสูติ, ทุ่งสักอาศรม, ๒๕๔๙)

.           

          ดอกเอ๋ยดอกข้าว                  หอมจริงนะเมื่อคราวลมหนาวล่อง

ข้าวนาปีพี่ปลูกด้วยปรองดอง               ข้าวนาปรังของน้องปลูกด้วยรัก

ดอกข้าวเราจึงหอมไม่จางหาย             เมื่อลมริ้วหนาวร่ายได้ปกปัก

ขวัญแม่ข้าวเนานามีค่านัก                  พี่ตระหนักน้องถนอมหอมใจเอย

                             (ศิวกานท์ ปทุมสูติ, ชุด “ดอกข้าวถึงคมเคียว”  ในหนังสือ 

                             “วรรณกรรมปฏิสัมพันธ์”  ช่วงชั้นที่ ๑  ป.๑-๓, กระทรวงศึกษาธิการ, ๒๕๔๘)

.           

          เคียวเอ๋ยเคียวคม                  พ่อเคยก้มแม่เคยเกี่ยวมาแต่ก่อน

เหงื่อที่หว่านรักที่หวังกลางนาดอน        ทั้งนาลุ่มอรชรขึ้นช้อนเคียว

เคียวของใครคมวาวไยเล่าช้า              มาซิมาเต้นกำรำเพลงเกี่ยว

โลกต้องการกินข้าวอยู่กราวเกรียว         อย่าโดดเดี่ยวชาวนาอ่อนล้าเอย

                             (ศิวกานท์ ปทุมสูติ, ชุด “ดอกข้าวถึงคมเคียว”  ในหนังสือ 

                             “วรรณกรรมปฏิสัมพันธ์”  ช่วงชั้นที่ ๑  ป.๑-๓, กระทรวงศึกษาธิการ, ๒๕๔๘)

.           

          ตัวเอ๋ยตัวเอง                       ไยมิเร่งรู้จักมักจี่

มักรู้แต่เขามิเข้าที                           คนไม่มีตัวเองน่าอายแท้

เสื้อผ้าผมเผ้าเอาอย่างใคร                 สุ้มเสียงผิดไปจากพ่อแม่

กลับมาเถอะตัวเองอย่าอ่อนแอ            เที่ยววิ่งแร่ตามเขาไม่เอาเอย

                             (ศิวกานท์ ปทุมสูติ, ทุ่งสักอาศรม, ๒๕๔๙)

.           

          ตัวเอ๋ยตัวหนังสือ                  เสียใจอะไรหรือเดินร้องไห้

จะมีกี่คนที่สนใจ                             จะมีกี่ใครใฝ่ร่วมทาง

สะพายเป้ปัญญามาแบ่งปัน                 ความคิดความฝันมาสรรค์สร้าง

เที่ยวหาเพื่อนหญิงชายทักทายพลาง    พบบ้างหรือยังหนังสือเอย

                             (ศิวกานท์ ปทุมสูติ, ทุ่งสักอาศรม, ๒๕๔๙)

.         

          ปลาเอ๋ยปลาตะเพียน              เคยว่ายเวียนเปลสานเจ้าแก้มใส

ว่ายออกไปนอกเปลเหห่างไกล            วันที่โลกเปลี่ยนไปเปลี่ยนใจปลา

ตะเพียนเงินตะเพียนทองผิดพ้องพักตร์  ไม่รู้จักรู้จ้องแล้วน้องข้า

แต่แบเบาะจ้องจอรอเวลา                  ปาปริก้าอบกรอบครอบงำเอย

                             (ศิวกานท์ ปทุมสูติ, ทุ่งสักอาศรม, ๒๕๔๙)

[บทกวีร่วมสมัย]

วามรัก         

ิวกานท์  ปทุมสูติ, ๒๕๔๖

          ความรักมิใช่เรื่องน่ารังเกียจ       หากรู้เจียดหัวใจให้เหมาะสม

มิให้รักชักพาเผลออารมณ์                 จนเกินข่มความใคร่ก่อนวัยงาม

ความรักมิใช่เหตุเทวษทุกข์                ถ้ามิชั่วชิงสุกเสียก่อนห่าม

ถ้ารู้จักพิทักษ์ไฟมิให้ลาม                  รักจะพาฝ่าข้ามขวากหนามร้าย

ความรัก…มิใช่จบที่เตียงนอน              แต่จะเอื้ออาทรซ่อนความหมาย

เพียงบุปผาค่าคุณกรุ่นกำจาย              ถ้ามิด่วนทำลายก่อนเวลา

ความรัก…มิใช่ของทดลองเลือก           เบื่อก็ถอดเช่นเกือกแล้วซอกหา

ความสำส่อนใช่ทักษะเสริมชีวา            ราคะใช่ราคาของชีวิต

หนุ่มเอย  สาวเอย  เพิ่งเคยรัก             จงค่อยฟูมค่อยฟักให้ศักดิ์สิทธิ์

อย่าให้สติปัญญาเธอมืดมิด                เชื่อว่ารักจักวิจิตร – ทุกดวงใจ.

ลกคงจะสดใส

ิวกานท์  ปทุมสูติ, สร้อยสันติภาพ, ๒๕๓๒

          หากคนเรารู้จักรักผู้อื่น             พร้อมหยิบยื่นไมตรีบริสุทธิ์

โลกคงจะสดใสไม่โทรมทรุด               เจริญรุดด้วยรักที่ถักทอ

เข้าใจและเห็นใจกันให้มาก                น้ำใจหลากเลี้ยงใจมิให้ฝ่อ

อย่าเหมือนปากปราศรัยใจเชือดคอ       จริงใจต่อกันและกันเป็นมั่นคง

ช่วยปลอบปลุกทุกข์ท้อให้ต่อสู้            ให้รับรู้ภาระอันสูงส่ง

ว่าสูงสุดมนุษยชาติผู้หยัดยง               จะปักธงมนุษยธรรมเพียงผืนเดียว

          หากคนเรารู้จักเสียสละ            ละความเห็นแก่ได้ไม่แลเหลียว

แม้ต้องฝืนธรรมชาติที่มัดเกลียว           กิเลสเหนียวกล้าหน่ายภูมิใจนัก

ไม่เอาเปรียบแต่พร้อมยอมเสียเปรียบ     เป็นเรือเทียบโดยสารรับงานหนัก

เป็นเมตตาอาทรไม่ผ่อนพัก                แล้วจะรู้ว่ารักเป็นอย่างไร

รักที่มีแต่ให้โดยไม่ขอ                      รักจะก่อประโยชน์อันยิ่งใหญ่

ยิ่งให้เขาเราจะสบายใจ                     ใครไม่เคยให้ใครลองให้ดู.

อดแน่นแน่นนะแขนน้อย

ิวกานท์  ปทุมสูติ, รักนั้นเป็นฉันนี้, ๒๕๔๖ 

กอดฉันไว้แน่นแน่นนะแขนน้อย         เราจะลงเรือลอยสายน้ำเชี่ยว

เราจะเลาะเราจะลัดตัดคดเคี้ยว          ประเดี๋ยวก็จะถึงบึงเวิ้งว้าง

ที่นั่นตะวันรุ่งจะเรืองแสง                 รอนักเสาะแสวงหัวใจสว่าง

นกฟ้า กาน้ำ จะนำทาง                   ไปสู่ความลึกกว้างอันพร่างพราย

ระวังนะที่รัก…เรือเราเล็ก                 กายใจมิใช่เหล็กบอบช้ำง่าย

พบมัจฉาปลาปูอย่าดูดาย                 อาจบางทีคิดร้ายทำลายเรา

กอดฉันไว้แน่นแน่นนะแขนน้อย         เรือจะคล้อยคลองคดและโขดเขา

ลมจะพัดเมฆจะพาฟ้าทึมเทา            จะเพียงหยอกเพียงเย้าให้เรายล

ดูโน่นสิที่รัก…ฟ้าถักรุ้ง                    เรือเรากำลังมุ่งไม่สับสน

อยากฝันก็หลับตาเถอะนฤมล            ฝันถึงเราสองคนนะคนดี

ประจักษ์ประจานใจ

ิวกานท์ ปทุมสูติ, หนึ่งทรายมณี, ๒๕๓๑

          พิศตีนก็ตีนแตก          บนรอยแยกระแหงย่ำ

หนังตีนถูกทิ่มตำ                   จนหนาเตอะดั่งเนื้อตาย

          พิศมือก็มืองาน           คือมือกร้านใช่กรีดกราย

จอบเสียมสากระคาย              ลบลายเส้นวาสนา

          พิศบ่าก็บ่าลู่               ให้รู้เห็นความเป็นบ่า

แบกรับตลอดมา                    ในมรรคาที่ขื่นขม

          พิศผิวก็ผิวเผือด          ไร้เลือดฝาดจะพึงชม

ผ่านฝนทนแดดลม                 มาหลายชั่วฤดูชิน

          พิศตาก็ตาช้ำ             น้ำตากล้ำไว้กลืนกิน

ซ่อนหน้าน้ำตาริน                  กี่ร้อนหนาวพราวน้ำตา

          พิศปากก็ปากแห้ง        เพียงแล้งห้อมทุกหย่อมหญ้า

โหยหิวเพรียกโหยหา             ก็เหว่ว้าก็วังเวง

          พิศร่างก็ร่างเรียว          ทั้งซูบเซียวไม่ปลั่งเปล่ง

ซมแซ่วและแกร่วเกรง             ความอยู่รอดอันเลือนราง

          พิศชีพก็ชีพชั้น           กรรมาชีพขาดยุ้งฉาง

ด้อยเปลี้ยเสียทุกทาง             ท้อรันทดไม่สดใส

          พิศโครงก็โครงผูก        กระดูกโครงทุกคราวไป

ประจักษ์ประจานใจ                คือภาพใดในแผ่นดิน.

กล่อมตุ๊กตา

ิวกานท์  ปทุมสูติ, นครคับแคบ, ๒๕๓๗

(เพลงร้องเรือประยุกต์)

          ตุ๊กตาเอย                 ตุ๊กตาชาวไร่

ยามยากยามไร้                     นั่งรถไฟความฝัน

ทิ้งไร่ดอกไม้แห้ง                  ไปเสาะสีแสงเมืองหมอกควัน

โอ้รถไฟสายฝัน                     พบแต่ดอกไม้จันทน์ยามจน

          ตุ๊กตาเอย                 ตุ๊กตาชาวนา

ยามโลกสนธยา                    ลงนาวาลำพยนต์

ทิ้งกระท่อมใบตาล                ไปสู่สายธารใบไม้หม่น

โอ้นาวาลำพยนต์                  ไปล่มกลางฝนทะเลไฟ

          ตุ๊กตาเอย                 ตุ๊กตาราคาถูก

เป็นของเล่นของลูก                ยักษ์มารตนไหน

จึงเหมือนทาสอนาถา             เหมือนลูกกาลูกไก่

ให้ยักษ์มารพันธุ์ใหม่              มันกำวิญญาณไว้ในมือ

          ตุ๊กตาเอย                 ตุ๊กตาราคาต่ำ

ดึกดื่นคืนค่ำ                        จองจำในคาขื่อ

หวังชีวิตวันใหม่                     จะสดใสสักมื้อ

แต่คาแต่ขื่อ                        ก็ขังเจ้าไว้จนตาย

          ตุ๊กตาเอย                 ตุ๊กตายาจก

ขับเกวียนวนิพก                     มายกศพเจ้าเนื้อทราย

บ้านนี้เมืองนี้                        มีแต่คนดูดาย

จะเข็นศพเจ้าเนื้อทราย            ไปปลงที่ไร่ปลายนาเอย.

วนกระแส

ศิวกานท์  ปทุมสูติ, หนึ่งทรายมณี, ๒๕๓๑. 

รางวัลบทร้อยกรองสร้างสรรค์  สมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย  ปี ๒๕๓๐.

          ทวนน้ำขึ้นเหนือน้ำ       เพื่อเห็นน้ำที่อยู่เหนือ

ถ่อเรือสวนทางเรือ                 เพื่อเห็นเรือที่สวนทาง

          โต้คลื่นเข้าหาคลื่น       เพื่อรู้คลื่นที่ครืนคราง

ฝ่าลมพัดโหมพลาง                เพื่อพลางรู้ลู่ทางลม

          เสียดทานสิ่งต้านทาน   เพื่อต้านสิ่งที่เสียดสม

จ่อมจ้วงห้วงลึกจม                 เพื่อจะแจ้งแห่งห้วงลึก

          ปะทะแรงกระแทก       เพื่อแทรกส่ำความรู้สึก

แน่วนำสำนึกนึก                    เพื่อนึกหาหนทางนำ

          กล้าทวนกระแสโลก     เพื่อโลกสู่กระแสธรรม

ก่นเกลาเกลศกรรม                เพื่อกรรมเกลาเกลศกล

          หาญบ่าเข้าแบกบุก       เพื่อบ่าทุกข์ผ่านทุกข์ทน

สลัดอัตตาตน                       เพื่อตัวตนพ้นอัตตา

          ทวนน้ำขึ้นเหนือน้ำ       เพื่อข้ามน้ำไปเบื้องหน้า

แรมเรือล่วงธารา                    ตราบธาราว่างเปล่าเรือ.

 

 

หมายเลขบันทึก: 226162เขียนเมื่อ 29 พฤศจิกายน 2008 00:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 11:01 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (14)

สวัสดีครับ อาจารย์ ศิวกานต์

เต็มอิ่มกับดอกสร้อยยามดึกครับ

กาพย์สาวหาบน้ำไม่ค่อยคุ้นครับ

ขอบคุณมากครับที่ได้เรียนรู้

เจริญพร อาจารย์ ศิวกานต์

เคยได้ยินแต่ชื่อว่าบทดอกสร้อย แต่ในอดีต ปัจจุบันไม่คอยได้ยินกัน ถึงการอ่านบทดอกสร้อย วันนี้อาจารย์นำมาให้อ่าน ต้องกล่าวว่า ขอบใจมาก

เจริญพร

กาพย์สาวหาบน้ำ เป็นกาพย์ที่ผมคิดประดิษฐ์ขึ้นใหม่ พัฒนามาจากกลอนหัวเดียวของกลอนเพลงพื้นบ้านภาคกลางครับ ใช้ครั้งแรกในหนังสือกวีนิพนธ์ เสียงปลุกยามค่ำคืน ปี ๒๕๔๑ และใช้ต่อมาอีกในหนังสือกวีนิพนธ์ ข้าวเม่ารางไฟ ปี ๒๕๔๔ กาพย์ชุดนี้มีหลายชนิด อาทิ กาพย์สาวหาบน้ำ กาพย์สาวกระทายข้าว กาพย์หิ่งห้อย กาพย์ดอกฝน กาพย์ควายสะบัดหญ้า ฯลฯ

แต่ทำมาทำไป...ปรากฏว่าโพสกาพย์ดังกล่าวได้ไม่ครบ ขาดหายตอนท้าย จึงนำมาโพสใหม่ในช่องความเห็นดังต่อไปนี้ครับ

...

คิดถึงเทพธิดา

ศิวกานท์ ปทุมสูติ, เสียงปลุกยามค่ำคืน, ๒๕๔๑

(กาพย์สาวหาบน้ำ ๑๓)

สาวน้อย กระโจมอก อาบน้ำท่านก อาบอาทิตย์อุทัย

นกน้ำ ลำประโดง เฝ้ายามอยู่โยง ให้สาวแก้มใส

ลอยคอ ในลำคู มือน้อยค่อยถู เนื้อนก…อกใจ

ขยับ เขยื้อนปม เพียงเทพพนม โฉมน้องยองใย

เนียนผ้า เนียนกายสาว ยิ่งเนียนใจหนาว ทุกคราวฝันใฝ่

แฝงตัว ใต้บัวบอน ปทุมทิพย์อรชร ช้อนน้ำรำไร

ปลอดตา ลำประโดง ทำซิ่นตีโป่ง กระทุ่มน้ำใส

สายน้ำ กับสาวน้อย ตะวันรุ่งร้อย สร้อยอรุณวิไล

สนาน สราญชื่น ระลอกหยอกกลืน เกี้ยวโลมโฉมวัย

กล้องภาพ จากสวรรค์ บันทึกภาพวัน ชีวิตสวยใส

นกกา ริมท่าชล ร่ายกวีนิพนธ์ เพราะพริ้งยิ่งใหญ่

สายลม เล่นดนตรี บรรสานดีดสี กับซอลำไผ่

กบเขียด ขับลำนำ สาวน้อยอาบน้ำ อาบรักฝากใจ

สาวน้อย กระโจมอก จากนาท่านก อาบน้ำท่าไหน

เปลือยอก และเปลือยตัว อยู่ใต้ฝักบัว สิ้นแล้วหรือไร

ทุ่งนา และฟ้าโค้ง เทพธิดาลำประโดง อยู่ไกล…แสนไกล

.

สวัสดีค่ะ

  • มาติดตามคัดลอกบทอาขยาน
  • ได้นำไปใช้อย่างไร
  • จะมาเล่าในบันทึกนะคะ
  • ขอขอบพระคุณค่ะ
  • อาจารย์ศิวกานท์คะ
  • ลำดวนขอให้อาจารย์ ช่วยกรุณานำบทกวีสอนลูก มาเขียนเล่าเรื่องหน่อยนะคะ
  • จะชักชวนหลานชาย หลานสาวที่ใกล้ๆจะเกเรมาอ่านค่ะ
  • ขอบคุณค่ะ

- อ.ศิวกานท์ยังจำ ลมหนาวที่ภูผาเทิบได้ไหมคะ

- กอไก่น้อมไหว้ดีมากๆๆเลยคะ เด็กๆๆชอบใจท่องทุกวันคะ

- ต้องน้อมขอบพระคุณคะสำหรับบทดอกสร้อยสำหรับเด็กๆๆ ป.3-4 คะ

อายุบวร บังหิม ครูคิม ศน.ลำดวน และครูมุกดาหาร

สำหรับเรื่องที่ ศน.ลำดวน ขอ ต้องรอหน่อยนะครับ ช่วงนี้มีภาระอบรมครูและนักเรียนหลายรายการ ทั้งในและนอกอาศรม

คุณครูมุกดาหารครับ วันที่ ๑๐-๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๑ นี้ ผมมีภารกิจไปร่วมค่ายครูสลา คุณวุฒิ ที่ สพท.นครพนม เขต ๑ ไม่ไกลจากมุกดาหาร ถ้ามีโอกาสอาจได้พบกัน

ขอให้คุณครูผู้เชื่อมั่นในคุณค่าของการท่องอาขยานมีกำลังชีวิตในการสร้างเสริมความงอกงามแก่เด็กๆ ต่อไปนะครับ

...

ครูกานท์

ทุ่งสักอาศรม

เห็นบทกลอนของอาจารย์แล้วทำให้ลูกศิษย์คนนี้คิดถึงอาจารย์ศิวกานท์ มาก

ทุ่งสักอาศรม หนังสือที่ท่านอาจารย์มอบให้จะอ่านและนำไปพัฒนา

อายุบวร "มาโนช"

ขงจื๊อกล่าวว่า "คิดถึงกันบ้านไม่ไกล"

...

"ครูกานท์"

เรียน "คุณครูร้อยเอ็ด"

ขอเป็นแรงใจให้การนำพาวิถีการเรียนรู้ที่ดีงามสู่เด็กๆ เป็นสุขเบิกบานของคุณครูนะครับ

.

อายุบวร

ครูกานท์

 

กอดฉันไว้แน่นแน่นนะแขนน้อย         เราจะลงเรือลอยสายน้ำเชี่ยว

เราจะเลาะเราจะลัดตัดคดเคี้ยว           ประเดี๋ยวก็จะถึงบึงเวิ้งว้าง

ที่นั่นตะวันรุ่งจะเรืองแสง                 รอนักเสาะแสวงหัวใจสว่าง

นกฟ้า กาน้ำ จะนำทาง                    ไปสู่ความลึกกว้างอันพร่างพราย

ระวังนะที่รัก…เรือเราเล็ก                 กายใจมิใช่เหล็กบอบช้ำง่าย

พบมัจฉาปลาปูอย่าดูดาย                  อาจบางทีคิดร้ายทำลายเรา

กอดฉันไว้แน่นแน่นนะแขนน้อย         เรือจะคล้อยคลองคดและโขดเขา

ลมจะพัดเมฆจะพาฟ้าทึมเทา             จะเพียงหยอกเพียงเย้าให้เรายล

ดูโน่นสิที่รัก…ฟ้าถักรุ้ง                    เรือเรากำลังมุ่งไม่สับสน

อยากฝันก็หลับตาเถอะนฤมล             ฝันถึงเราสองคนนะคนดี


#ช่วยถอดบทความให้หน่อยค่ะ ขอร้องละค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท