ฟอร์ติเน็ต เปิดตัวระบบป้องกันภัยแบบครบวงจรสำหรับองค์กร


ฟอร์ติเน็ต เปิดตัวระบบป้องกันภัยแบบครบวงจรสำหรับองค์กร

ฟอร์ติเน็ต ผู้บุกเบิกและผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชั่นการบริหารจัดการป้องกันภัยแบบเบ็ดเสร็จ หรือที่เรียกว่า ยูทีเอ็ม (UTM - Unified Threat Management) ประกาศเปิดตัวชุดผลิตภัณฑ์ตระกูลฟอร์ติเกท-5000 (FortiGate-5000) ซึ่งรองรับเครือข่ายอีเธอเน็ตแบบ 10 กิกะบิต (10-GbE) ส่งให้องค์กรขนาดใหญ่รวมถึงผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต และผู้ให้บริการโทรคมนาคมสามารถติดตั้งระบบป้องกันภัยแบบมัลติเทร็ธ (Multi-threat) ให้แก่สภาพแวดล้อมการทำงานแบบเครือข่ายซึ่งมักได้รับการประเมินค่าว่าเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญสูงสุดขององค์กร โดยยังคงประสิทธิภาพด้านความเร็วสูงสุดไว้เช่นกัน ผลิตภัณฑ์ใหม่สามรุ่นที่เปิดตัวในวันนี้ล้วนทรงไว้ซึ่งประสิทธิภาพระดับสูงเหนือระดับในแบบฉบับของฟอร์ติเน็ต ได้แก่ สายผลิตภัณฑ์แบบ chassis ที่รองรับการเพิ่มโมดูล (chassis-based) สายผลิตภัณฑ์แบบ เบลดที่รองรับ interface ชนิด 10-GbE และสายผลิตภัณฑ์ที่รองรับการเชื่อมโยงระหว่างเบลดด้วยความเร็ว 10-GbE

หัวใจสำคัญของชุดผลิตภัณฑ์สำหรับเครือข่าย 10-GbE ของฟอร์ติเน็ตคือ ฟอร์ติเกท-5001A ซึ่งเป็นเบลด (Blade) สำหรับระบบรักษาความปลอดภัยแบบมัลติเทร็ธที่รองรับการบริการที่ต้องการความต่อเนื่องพร้อมระบบสำรองและรองรับการขยายตัวขององค์กรได้ ด้วย interface ความเร็วสูง 10-GbE นี้ทำให้การรักษาความปลอดภัยในระดับเนื้อหาของข้อมูล (content) มีประสิทธิภาพสูงขึ้นได้อย่างชัดเจน

ด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ซึ่งเป็นส่วนควบที่มาพร้อมกับเบลดฟอร์ติเกท-5001A ดังต่อไปนี้ จะทำให้มีประสิทธิภาพของไฟร์วอลล์สูงถึง 182 กิกะบิตต่อวินาที

สวิทชิ่งเบลด ฟอร์ติสวิตช์-5003A ทำหน้าที่เชื่อมต่อระหว่างเบลดด้วยความเร็ว 10 กิกะบิตต่อวินาที ภายใน chassis ของตระกูลฟอร์ติเกท-5000 ทำให้สามารถกระจายปริมาณข้อมูล หรือโหลดของข้อมูลให้แต่ละเบลดได้ทำงานอย่างสมดุลกัน เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพโดยรวมสูงที่สุด

RTM-XB2 (โมดูลย่อยติดตั้งบนเบลดหลัก) เป็นส่วนประกอบใหม่ของผลิตภัณฑ์ตระกูลฟอร์ติเกต-5000 ซึ่งทำหน้าที่เสมือนเป็นช่องทาง หรือแชนแนลความเร็ว 10 กิกะบิตต่อวินาทีสำหรับการสื่อสารระหว่างเบลดและสวิทชิ่งเบลด (FortiSwitch-5003A)

จากจำนวนที่เพิ่มขึ้นของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตและผู้ให้บริการโทรคมนาคมรวมถึงองค์กรขนาดใหญ่ที่หันไปใช้เครือข่ายแบบ 10-GbE เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นด้านแบนด์วิดธ์ทั้งในส่วนของดาต้าเซ็นเตอร์และส่วนกลางของเครือข่าย ลูกค้ากลุ่มองค์กรขนาดใหญ่เหล่านี้ ต้องการเครือข่ายที่มีความเร็วสูงขึ้นเพื่อตอบสนองการใช้งานแอพพลิเคชั่นที่ต้องใช้แบนด์วิดธ์จำนวนมาก อาทิ แอพพลิเคชันเสียงและวิดีโอเพื่อใช้ในการสื่อสารแบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ การย้ายฐานระบบไปสู่เครือข่าย 10-GbE ที่เพิ่มขึ้นทุกขณะนั้นยังเป็นผลจากต้นทุนการสื่อสารต่อพอร์ตที่ลดลงด้วย ส่งผลให้ผู้ดูแลเครือข่ายทั่วโลกมองหาระบบป้องกันภัยสำหรับที่รองรับเครือข่าย 10-GbE สำหรับเครือข่ายที่ตนดูแลอยู่ ในด้านของผู้ให้บริการสัญญาณโทรคมนาคม การใช้งานชุดผลิตภัณฑ์ตระกูล ฟอร์ติเกท-5000 สำหรับเครือข่าย 10-GbE อาจอยู่ในรูปของการให้บริการการตรวจสอบเนื้อหาของข้อมูลขนาดหลายกิกะบิตแบบอย่างละเอียดจากดาต้าเซ็นเตอร์ของตน ซึ่งมัก จะทำงานในเครือข่ายแบบ 10-GbE เสียส่วนใหญ่ ก่อนที่ฟอร์ติเน็ตจะนำเสนอผลิตภัณฑ์สำหรับเครือข่าย 10-GbE บริษัทต่างๆ ล้วนใช้โซลูชั่นการรักษาความปลอดภัยแบบมัลติเทร็ธที่มีความเร็วแค่ระดับกิกะบิตหรือต่ำกว่า หรือเลือกใช้ระบบป้องกันภัยสำหรับเนื้อหาของข้อมูลเพียงบางส่วนเท่านั้น ซึ่งไม่สามารถครอบคลุมความต้องการทั้งหมดได้เต็มที่บนเครือข่ายแบบ 10-GbE

ระบบป้องกันภัยตระกูลฟอร์ติเกท-5000 ประกอบด้วยส่วนที่เป็นฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เพื่อนำเสนอแอพพลิเคชั่นรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุมอย่างรอบด้านแบบเบ็ดเสร็จ ตั้งแต่ไฟล์วอลล์ แอนตี้ไวรัส ระบบตรวจสอบและป้องกันการบุกรุกเข้าสู่ระบบเครือข่าย (Intrusion Prevention - IPS) ระบบเครือข่ายส่วนตัวแบบเสมือน (Virtual Private Network - VPN) ระบบป้องกันสปายแวร์ และแอนตี้สแปม ซึ่งเมื่อใช้แอพพลิเคชั่นเหล่านี้ร่วมกัน ระบบรักษาความปลอดภัยของฟอร์ติเกทจะประสานความสามารถทั้งหมดร่วมกันและนำไปสู่แพลตฟอร์มการรักษาความปลอดภัยสำหรับเครือข่ายแบบมัลติเทร็ทได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ที่มา www.pantip.com

คำสำคัญ (Tags): #utm - unified threat management
หมายเลขบันทึก: 225910เขียนเมื่อ 27 พฤศจิกายน 2008 21:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:55 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

ความปลอดภัยสุงขนาดนี้ องค์การได้ใช้คงจะปลอดภัยน่าดูนะครับ คุณภาพสมบัติขนาดนี้ไม่รู้จะราคาสักเท่าไร

Fortinet เป็นผู้บุกเบิกและผู้นำด้านเทคโนโลยี ASIC - accelerated unified threat management หรือ ระบบรักษาความปลอดภัยแบบ UTM ที่ถูกเลือกใช้ในองค์กรธุรกิจและผู้ให้บริการ Fortinetช่วยเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้นในขณะที่ช่วยลดต้นทุนโดยรวมให้ระบบจัดการปัญหาที่ Fortinet สร้างขึ้นมานั้นเป็นการรวบรวมการป้องกันการรักษาความปลอดภัยทุกระดับ -- ที่รวบรวมทั้ง firewall, การต่อต้านไวรัส, การป้องกันการบุกรุก, VPN, การป้องกันสปายแวร์ และ การต่อต้านสแปม -- ออกแบบมาเพื่อช่วยลูกค้าในการปกป้องต่อต้านภัยคุกคามต่างๆที่เข้าโจมตีเครือข่ายและจำกัดระดับการคุกคาม ด้วยความสามารถของ ASIC และ การตอบสนองแบบรวมเข้าด้วยกัน เทคโนโลยีของ Fortinet นั้นนำเสนอสิ่งที่เรียกว่าเป็นที่สุดแห่งการรักษาความปลอดภัยที่ขยายขอบเขตไปยังสำนักงานสาขา ด้วยระบบการจัดการแบบเดิมที่ได้รวมเอาการบริหารจัดการและการรายงานผล ระบบของ Fortinet ได้รับรางวัลมากมายจากหลายองค์กรทั่วโลก และเป็นผลิตภัณท์เดียวที่ได้รับประกาศนียบัตรถึง 7 ใบจากสถาบันวิจัย ICSA (Firewall, Antivirus, IPSec, SSL, Network IPS, Anti-Spyware and Anti-spam) Fortinet มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองซันนี่เวล รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา มีสำนักงานตั้งอยู่ในบังกาลอร์, กรุงเทพฯ, ปักกิ่ง, ฮ่องกง, กัวลาลัมเปอร์, มะนิลา, โซล, สิงคโปร์, ซิดนี่ย์, ไทเปและโตเกียว

โห...ความปลอดภัยรอบด้านจริงๆ

อย่างนี้ต้องเหมาะกับบริษัทและผูใช้อินเตอร์เนต

ป้องกันความปลอดภัยได้สูงขนาดนี้

บริษัทใหญ่ๆน่าจะนำไปใช้ในองค์กรน่าจะมีประสิทธิภาพดีทีเดียว

แต่ราคาจะคุ้มค่าไม่เนาะ

เป็นเทคโนโลยีที่ดีทำให้การรักษาข้อมูลขององค์กร มีความปลอดภัยมากขึ้น และป้องกันความเสียหายจากภัยคุกคาม ซึ่งมีตัวอย่างภัยคุกคามจาก บริษัทฟอร์ติเน็ตกล่าวว่ากว่าว่า 60% แอพพลิเคชั่นรักษาความปลอดภัยปลอมคือภัยร้ายรุนแรงสูงสุดขององค์กรเมื่อเทียบกับภัยคุกคามทั้งหมดในโลกไซเบอร์ด้วยกัน

พัฒนาใหม่แต่ยังคงประสิทธิภาพที่สูงบริษัทไหนหรือองค์กรใดต้องการความปลอดภัยจากการคุกคามคงต้องลองใช้กันแล้วละค่ะ

กลุ่ม1-3

ดีกับระบบขององค์กรแต่ทำให้การจ้างผู้ดูแลระบบลดลงเพราะมีsoftware มาแทน

เป็นข่าวดีมากกับนวัตกรรมการรักษาความปลอดภัย ที่มีอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยระดับสูง และสมบูรณ์แบบ เหมาะกับองค์กรที่ต้องการการรักษาความปลอดภัยระดับสูง

ขอชมตรงที่ออกแบบมาให้มีความปลอดภัยสูง

ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากในระบบเครือข่าย

เหมาะกับองการขนาดใหญ่แต่

องการขนาดเล็กคงใช้ยากเพราะต้นทุนสูงเกิน

ขอให้พัฒนาถูกลงเรื่อยๆนะ

เป็นข่าวดีกับบริษัทที่ต้องการความปลอดภัยรอบด้านและมีประสิทธิภาพ

ฟอร์ติเน็ต ผู้บุกเบิกและผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชั่นการบริหารจัดการป้องกันภัยแบบ เบ็ดเสร็จ หรือที่เรียกว่า ยูทีเอ็ม (Unified Threat Management) เปิดเผยถึงข้อมูลวิจัยล่าสุดโดย IDC ระบุว่า บริษัทฯ ยังคงรักษาอันดับหนึ่งด้านยอดรวมเครื่องจัดจำหน่ายและรายได้ (Factory Revenue) ในส่วนของระบบยูทีเอ็มโดยรวมทั่วโลกในไตรมาส 3 ของปี 2008 ไว้ได้ ทั้งนี้ เป็นผลจากการที่มียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีลูกค้าระดับเอ็น เทอร์ไพรซ์ให้ความสนใจใช้ระบบจัดการภัยคุกคามรุ่นใหม่ๆ ของบริษัทฯ มากขึ้น ช่วยให้ฟอร์ติเน็ตยังคงครองความเป็นผู้นำในตลาดยูทีเอ็มเหนือคู่แข่งสำคัญ อย่างเช็คพอยต์, ซิสโก้, ครอสบีม, จูนิเปอร์ และโซนิควอลล์

ข้อมูลในรายงานวิจัย “IDC Worldwide Quarterly Security Appliance Tracker” ฉบับล่าสุดที่เผยแพร่เมื่อเดือนธันวาคม 2008 ระบุว่า

* ฟอร์ติเน็ตมียอดรวมเครื่องจัดจำหน่ายและรายได้ (Factory Revenue) ในส่วนของระบบยูทีเอ็มโดยรวมทั่วโลกในไตรมาส 3 ของปี 2008 เป็นอันดับ 1 เหนือคู่แข่งสำคัญอย่างเช็คพอยต์, ซิสโก้, ครอสบีม, จูนิเปอร์, โซนิควอลล์ และอื่นๆ

* ฟอร์ติเน็ตเป็นผู้ให้บริการระบบยูทีเอ็มสำหรับกลุ่มเอ็นเทอร์ไพรซ์ใน ช่วงราคา 25,000 – 49,000 เหรียญสหรัฐ เป็นอันดับ 1 ทั้งในส่วนของยอดรวมเครื่องจัดจำหน่ายและรายได้ (Factory Revenue) และปริมาณขาย

* ฟอร์ติเน็ตมียอดรวมเครื่องจัดจำหน่ายและรายได้ในส่วนของระบบยูทีเอ็มโดยรวมทั่วภูมิภาคยุโรปตะวันตกในไตรมาส 3 ของปี 2008 เป็นอันดับ 1

“ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันกระตุ้นให้บริษัทต่างๆ วิเคราะห์มูลค่าและผลตอบแทนการลงทุนของแผนการใช้จ่ายแต่ละแผนอย่างถี่ถ้วน และได้นำมาซึ่งการตระหนักถึงประโยชน์ในแง่ของค่าใช้จ่าย ความปลอดภัย และความสามารถในการรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น (Scalability) ซึ่งจะได้มาจากการใช้ระบบป้องกันภัยแบบเบ็ดเสร็จที่ฟอร์ติเน็ตเป็นผู้ บุกเบิก” มร. เค็น ซี ประธาน ผู้ก่อตั้ง และซีอีโอของฟอร์ติเน็ต กล่าว “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่สามารถรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดยูทีเอ็มได้อีก ครั้ง และยังมองไปถึงอนาคตว่าจะครองตำแหน่งผู้นำตลาดเช่นนี้ไว้ได้อย่างแน่นอน ซึ่งตอกย้ำว่ากลุ่มองค์กรระดับเอ็นเทอร์ไพรซ์กำลังเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีของ ฟอร์ติเน็ตในสัดส่วนที่มากกว่าผู้ให้บริการรายอื่นๆ ในตลาดยูทีเอ็ม เพื่อตอบสนองความต้องการด้านความปลอดภัยที่หลากหลายของพวกเขา”

IDC ระบุอีกว่า อุปกรณ์รักษาความปลอดภัยสำหรับระบบยูทีเอ็ม ประกอบด้วย คุณสมบัติด้านการปกป้องและจัดการภัยคุกคามหลากหลายที่รวมไว้ในหนึ่งเดียว ดังนั้น เพื่อให้ถูกจัดอยู่ในประเภทนี้และแตกต่างจากอุปกรณ์จัดการภัยคุกคามในเซ กเม้นต์อื่นๆ อุปกรณ์ประเภทยูทีเอ็มจะต้องมีขีดความสามารถด้านการปกป้องเครือข่าย ตรวจจับและป้องกันการบุกรุก รวมถึงจัดการไวรัสให้กับเกตเวย์ของเครือข่าย โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องใช้ขีดความสามารถทั้งหมดที่มีอยู่ แต่ตัวอุปกรณ์ต้องมีคุณสมบัติจำเป็นครบถ้วนเมื่อต้องการใช้งาน นอกเหนือจากอุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ แล้ว อุปกรณ์ประเภทยูทีเอ็มอาจมีคุณสมบัติด้านความปลอดภัยหรือระบบสนับสนุนการทำ งานของเครือข่ายอื่นๆ อยู่ด้วยก็ได้

ฟอร์ติเน็ตนำเสนอแพลตฟอร์มระบบจัดการภัยคุกคามที่ยืดหยุ่นผ่านเทคโนโลยี รักษาความปลอดภัยสำหรับเกตเวย์รุ่นใหม่ในตระกูลฟอร์ติเกท (FortiGate®) ซึ่งช่วยให้องค์กรระดับเอ็นเทอร์ไพรซ์และผู้ให้ บริการเครือข่ายทุกขนาดสามารถผนวกรวมเทคโนโลยีด้านการจัดการความปลอดภัยและ บริการต่างๆ เข้าไว้ด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มระดับการปกป้องเครือข่ายให้สูงสุดและลดค่าใช้จ่ายรวมในการเป็น เจ้าของและใช้งานระบบ

อุปกรณ์จัดการภัยคุกคามแบบ ASIC ดังกล่าวได้ผนวกรวมแอพพลิเคชั่นและบริการด้านการรักษาความปลอดภัยต่างๆ ไว้ในหนึ่งเดียว ได้แก่ แอนตี้ไวรัส ไฟร์วอลล์ วีพีเอ็น (VPN) ระบบป้องกันการบุกรุก ระบบ Web Filtering แอนตี้สแปม และระบบ Traffic Shaping ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ในตระกูลฟอร์ติเกททั้งหมดถูกอัพเกรดให้ทันสมัยตลอดเวลาด้วย FortiGuard® Network ซึ่งป้อนโปรแกรมอัพเดทให้อย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้ผู้ใช้แน่ใจว่ามีการปกป้องเครือข่ายจากภับคุกคามแบบ Content-based ที่สร้างความเสียหายร้ายแรงที่สุดได้ ทั้งจากอีเมล์และการเข้าใช้เว็บไซต์ เช่น ไวรัส เวิร์ม การบุกรุก และการเข้าใช้เครือข่ายในลักษณะที่ไม่พึงประสงค์ ตลอด 24 ชั่วโมงครอบคลุมทั่วโลก นอกจากนี้ อุปกรณ์จัดการภัยคุกคามของฟอร์ติเกทยังมีคุณสมบัติเสริมอื่นๆ อีกมากมาย อาทิเช่น โซลูชั่นด้านเมสเสจจิ้ง การจัดการ การวิเคราะห์ระบบ และซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยแบบ End-point security

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของฟอร์ติเน็ต โปรดเยี่ยมชมที่ http://www.fortinet.com/products

เกี่ยวกับ Fortinet (www.fortinet.com)

ฟอร์ติเน็ตเป็นผู้บุกเบิกและผู้ให้บริการชั้นนำด้านระบบจัดการภัยคุกคาม แบบรวม หรือที่เรียกว่า ยูทีเอ็ม (Unified Threat Management) แบบ ASIC ซึ่งใช้ในองค์กรธุรกิจและผู้ให้บริการเครือข่าย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยควบคู่ไปกับการลดต้นทุนการ ดำเนินการ โซลูชั่นของฟอร์ติเน็ตพัฒนาขึ้นโดยคำนึงถึงการประสานระบบป้องกันภัยหลากหลาย ระดับเข้าด้วยกัน อันประกอบด้วยไฟร์วอลล์ แอนตี้ไวรัส ระบบตรวจสอบและป้องกันการบุกรุกเข้าสู่ระบบเครือข่าย (Intrusion Prevention - IPS) ระบบเครือข่ายส่วนตัวแบบเสมือน (Virtual Private Network - VPN) การป้องกันสปายแวร์ และแอนตี้สแปม ซึ่งออกแบบขึ้นเพื่อป้องกันเครือข่ายและองค์ประกอบที่มีความสำคัญจากภัยคุก คาม ทั้งนี้ ด้วยการใช้เทคโนโลยี ASIC และส่วนติดต่อเดียวร่วมกันทำให้โซลูชั่นของฟอร์ติเน็ตสมบูรณ์ด้วยความสามารถ ในการรักษาความปลอดภัยตั้งแต่การดูแลผ่านเครือข่ายสำนักงานย่อย ไปจนถึงโซลูชั่นที่ต้องพร้อมสำหรับการขยายตัวอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ สูง เช่น chassis-based solution ร่วมกับระบบการจัดการแบบบูรณาการในการทำรายงานและจัดเก็บข้อมูลจราจรทาง คอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ โซลูชั่นของฟอร์ติเน็ตได้รับรางวัลจากสถาบันต่างๆ ทั่วโลกและเป็นผลิตภัณฑ์ด้านการรักษาความปลอดภัยเพียงหนึ่งเดียวที่ได้รับ การรับรองจาก ICSA Labs ถึงเจ็ดกลุ่มแอพพลิเคชั่น (ไฟร์วอลล์, แอนตี้ไวรัส, IPsec, SSL, Network IPS, แอนตี้สปายแวร์ และแอนตี้สแปม) สำนักงานใหญ่ของฟอร์ติเน็ตตั้งอยู่ที่เมืองซันนี่เวล รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริก

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท