ช่วงเดือนนี้มีเหตุให้ได้ไปใช้เวลาอยู่กับสภาพรอบๆตัวที่ไม่ใช่งานประจำวันอยู่หลายๆครั้ง มีเรื่องติดใจอยู่เรื่องหนึ่งที่อยากเขียนเอาไว้ ได้โอกาสอ่านบันทึกที่พูดถึงการบริโภคเทียมของอ.ชาคริต ทองอุไรแล้วกระตุ้นให้ลงมือในวันนี้ค่ะ
เรื่องที่ว่าก็คือการรับประทานนี่แหละค่ะ ตั้งใจเอาไว้แล้วว่า ไม่ว่าจะไปประชุมอะไรที่ไหนที่เขาเลี้ยงอาหารว่าง อาหารกลางวันแบบที่ให้เลือกได้ จะพยายามไม่บริโภคเกินควร เพราะตอนที่กลับมาเมืองไทยใหม่ๆแล้วไปงานประชุมอะไรแบบนี้ จำได้ว่าอาหารว่างตอนเบรคมักจะเป็นของอร่อยๆที่เราไม่ได้เห็นมานาน ทำให้เห็นอะไรก็อยากชิมไปหมด พออาหารกลางวันก็เหมือนกัน เห็นอะไรก็เป็นของที่อยากเอาใส่ปากไปเสียทั้งนั้น ผลก็คือ ไปร่วมงานประชุมอะไรทีไรก็บริโภคเกินพอดีอยู่เสมอ มาเริ่มสังเกตคนอื่นรอบๆตัวก็จะเห็นเหมือนกันว่า ลักษณะสิ่งแวดล้อมแบบนี้ทำให้เราเห็นคนบริโภคเกินพอดีกันเยอะมากๆ เคยเห็นขนาดที่ว่ามีคนตักโน่นตักนี่มามากเกินต้องการแล้วก็เหลือทิ้งขว้างอีกต่างหาก
ทำให้มาคิดว่า เราน่าจะต้องหยุดคิดสักนิดเวลาที่ไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบนี้นะคะ ชอบที่อ.ชาคริตเขียนไว้ในบันทึกว่า
“ของฟรี” ทำให้เกิดการบริโภคที่เกินความจำเป็น ความต้องการ"การบริโภคเทียม" มนุษย์เราสามารถตัดสินการต้องการที่แท้จริงได้ จาก”การยอมจ่าย”ครับ ถ้าเรายอมจ่ายเงินจากกระเป๋าของเรา ก็แสดงว่ามันน่าจะคุ้มค่า แต่ถ้า”ฟรี”เราจะหยิบมาก่อน แล้วทิ้งไปใน 10 นาที หลังจากนั้น เช่น การแจกโบรชัวร์ เอกสาร แผ่นพับต่างๆ ฟรี
ซึ่งผลของการที่เรา บริโภคเกินพอดีนี้ นอกจากจะทำให้สูญเสียทรัพยากรเกินสมควรแล้ว ผลเสียแน่ๆที่ตกมาถึงตัวเราก็คือ ภัยเงียบจากการบริโภคเกินพอดีในร่างกายเราเองนี่แหละค่ะ
ก็เลยอยากเขียนบันทึกนี้ไว้เพื่อเตือนตัวเองค่ะ ดีใจที่จากการไปงานต่างๆทั้งหลายในระยะปีกว่าๆที่ผ่านมา พบว่าตัวเอง "กำหนด" การบริโภคได้เป็นอย่างดีค่ะ มีน้อยครั้งที่รับประทานเกินพอดี (เพราะเป็นของอร่อยที่คิดถึง) แต่ก็ยังคงตั้งใจอยู่เสมอที่จะ "พออิ่ม" และ "พอเพียง" ไม่ว่าจะไปงานไหนๆค่ะ
เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับพี่โอ๋ว่า ของฟรีทำให้เราบริโภคเกินความจำเป็น จนนำพาให้เกิดdemandเทียม ตัวอย่างที่พี่โอ๋ยกตัวอย่างมานี้ชัดเจนมากครับ ว่าพวกเอกสารแจกฟรีทั้งหลาย พวกเราหยิบมาแล้วอ่านไม่ถึง 5นาทีก็ทิ้ง พวกbrochure ขายสินค้าของห้างยักษ์ใหญ่ต่างๆที่ส่งมาทั้งทางmail และตั้งให้หยิบในห้าง ล้วนแต่ทำให้เกิดการทำลายป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติอีกหลายๆตัว
แต่คำถามตัวโตๆก็คือ แล้วสังคมจะทำยังไงถึงจะแก้ไขปัญหาต่างๆเหล่านี้ครับ