(๔) เล่นเกม กรวดน้ำ น่าขำหรือสังเวช
ตอนขึ้นยถานั้น จะมีการกรวดน้ำ เพื่ออุทิศผลบุญให้แก่พวกเปรต พอถึงสัพพีก็หยุดกรวดน้ำ แล้วพนมมือรับพร ดังคำที่เขาว่า ยถาให้ผี สัพพีให้คน เวลาเขากรวดน้ำ เห็นเขาจับต่อ ๆ กัน บางคนจับมือ บางคนแตะไหล่ บางคนยุดชายเสื้อต่อกันเป็นพรวน เห็นแล้วทั้งขำทั้งน่าสังเวช
ที่ว่าขำนั้น ก็เพราะเหมือนเขาเข้าไปเล่นเกม อะไรสักอย่างหนึ่ง รีบวิ่งกันเข้าไปแตะ บางทีก็ว่าขอแตะหน่อย
ที่น่าสังเวชก็คือคนเหล่านี้ กระทำไปเพราะความไม่รู้ ไม่ยอมเสาะแสวงหาความจริง ทำตามเขาไป
พระพุทธองค์เคยตรัสว่า อย่าเชื่อโดยจำสืบต่อกันมา โดยไม่ได้พิสูจน์เสียก่อน แท้จริงแล้วบาปบุญไม่ได้ผ่านโดยการสัมผัสทางกาย พระพุทธศาสนาของเรา ถือใจเป็นสำคัญ เวลากรวดน้ำก็เหมือนกัน ไม่ต้องเอามือรองรับน้ำ เพราะเราประสงค์จะให้น้ำบริสุทธิ์เพื่อเป็นสื่อของบุญ แล้วทำไมต้องเอามือไปรองอีก ให้น้ำเปรอะเปื้อนด้วย เล่ากันว่า นำแบบอย่างมาจากพระเจ้าแผ่นดิน เพราะที่กรวดน้ำของพระเจ้าแผ่นดิน มีลักษณะปากกว้าง เมื่อเทน้ำแล้วจะกระจาย จึงต้องใช้มือรองเพื่อให้น้ำไหลไปในทางเดียว คนไม่ทราบเหตุจึงทำตามกันมา
บางครั้ง แก่น จะอยู่ได้ ต้องมี กระพี้ มาห่อหุ้ม ไว้ครับ
เรียนคุณ Small man
สิ่งที่วุ่นวายของโลกมนุษย์ และ ความสงบสุขของโลกมนุษย์
อยู่ที่ ศรัทธา ครับ
หากศรัทธา ปราศจาก ปัญญา ก็ลุ่มหลง วุ่นวาย
แต่หาก ศรัทธา ประกอบ ด้วยปัญญา คงจะนำมาซึ่งความสงบสุข
ไม่มีแสงสว่างใด เกินกว่า ปัญญา
ขอบคุณครับ คุณ Small Man
สวัสดีค่ะ..คุณกานท์กวี
ใช่แล้วครับ
ทางพระพุทธศาสนานั้น ถือเอาใจเป็นสำคัญ
การกรวดน้ำก็คงจะต้องอยู่ที่ใจเป็นสำคัญครับ
แต่น้ำเป็นสิ่งสำคัญของชีวิต
หลายศาสนาจึงมักนำมาเป็นสิ่งยึดเหนี่ยว
เช่น พราหมณ์ก็มีไหว้พระแม่คงคา ล้างบาปด้วยน้ำ
คริสตร์ก็มีพิธีเกี่ยวกับน้ำ
เราก็มีพิธีบูชาพระแม่คงคา ลอยกระทง
แม้การประกาศอิสรภาพของสมเด็จพระนเรศวร
ก็ทรงใช้น้ำเป็นสัญญลักษณ์
รวมกระทั่ง สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า
ก็ทรงใช้น้ำเป็นสักขีพยาน ในการทำบุญกุศลของพระองค์ต่อหน้าพญามาร
.......
ขอบคุณคุณครูแม่มดครับ