การบริหาร “คน” บนฐานของ “ทุน”ที่แตกต่าง (HR Differentiation/Segmentation)
ในปัจจุบันองค์กรหลายแห่งได้นำแนวคิดเรื่องการการบริหารคนบนฐานของความแตกต่างของ“ศักยภาพ” และ “ผลงาน” มาใช้แล้ว ดังจะเห็นได้จากการจัดให้มีโครงการพนักงานผู้มีศักยภาพหรือผลสัมฤทธิ์สูง (Talent Management) หรือ Hipps ในระบบราชการ เป็นต้น การที่จะระบุว่าใครอยู่ในกลุ่มพนักงานผู้มีศักยภาพและทักษะสูง จำเป็นต้องมีการแบ่งประเภทของทุนมนุษย์ในองค์กร (Human Capital Segmentation) โดยมีมิติที่ใช้ในการพิจารณา 2 มิติ คือ ระดับความเฉพาะเจาะจงของทุนมนุษย์ (Uniqueness) และระดับของคุณค่าของทุนมนุษย์ที่มีต่อองค์กรและลูกค้า (Value) มิติแรกมุ่งตอบคำถามว่า ทุนที่พนักงานหรือเจ้าหน้าที่มีอยู่ (ซึ่งก็คือ ความรู้ ความสามารถ ทักษะ สมรรถนะและประสบการณ์) นั้น สามารถนำไปใช้ในองค์กรอื่นได้หรือใช้เฉพาะในองค์กรหรืออุตสาหกรรมเดียวกันเท่านั้น มิติที่สองมุ่งตอบคำถามที่ว่า หากไม่มีทุนดังกล่าวแล้ว จะกระทบต่อธุรกิจขององค์กรมากน้อยเพียงใด
หากใช้กรอบแนวคิดดังกล่าวข้างต้นในการวิเคราะห์ ก็จะสามารถแยกทุนมนุษย์ในองค์กรออกได้เป็น 4 กลุ่ม คือ (1) กลุ่มทุนมนุษย์ที่มีความเฉพาะและมีคุณค่าสูง เช่น นักวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ยา ในบริษัทยาข้ามชาติ ถือเป็นกลุ่มที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เพราะมีผลต่อความอยู่รอดและเติบโตของธุรกิจ (2) กลุ่มทุนมนุษย์ที่ไม่มีความเฉพาะเจาะจงแต่มีคุณค่าต่อองค์กรสูง เช่น กลุ่มพนักงานขับรถของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจขนส่ง (3) กลุ่มทุนมนุษย์ที่มีความเฉพาะเจาะจงสูงแต่ไม่ส่งผลต่อความสำเร็จขององค์กรมากนัก เช่น กลุ่มนิติกร ซึ่งต้องผ่านการศึกษาอบรมด้านกฎหมาย แต่การที่องค์กร(ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการใช้กฎหมาย) ขาดนิติกรหรือนักกฎหมาย ก็ไม่ได้ทำให้ธุรกิจล้มเหลว และ (4) กลุ่มทุนมนุษย์ที่ไม่มีความเฉพาะเจาะจงและไม่ส่งผลต่อความสำเร็จขององค์กรมากนัก เช่น กลุ่มพนักงานธุรการ เสมียนหรือช่างซ่อมบำรุง เป็นต้น
การจำแนกทุนมนุษย์ในองค์กรออกเป็น 4 กลุ่มดังกล่าว จะช่วยให้การบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลขององค์กรมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น เพราะนอกจากจะช่วยให้องค์กรดูแลและตอบสนองความต้องการของทุนมนุษย์ในองค์กรแบบตัดเสื้อให้พอดีตัวแล้ว (Customised HRM) ยังช่วยให้การสินใจลงทุนในการพัฒนาทรัพยากรบุคคล (Human Capital Investment) มีความเหมาะสมกับสภาพธุรกิจขององค์กรด้วย
ไม่มีความเห็น