วันที่ 3 ของการเดินทาง วันนี้คณะทัวร์เรา ต้องอำลาฮานอย ประเทศเวียดนามสู่มณฑลหนานหนิง ประเทศจีน โดยจุดหมายปลายทางในวันนี้คือ จังหวัดกุ้ยหลิน พวกเราออกเดินทางตั้งแต่ 7 โมงเช้าเพื่อไปถึงด่านมิตรภาพเวียดนาม-จีน
ถ่ายภาพกับพี่จันทร์ ไกด์ชาวเวียดนาม (คนกลาง) ผู้ที่มีจิตวิณญาณของไกด์จริงๆ
สภาพการจราจรในฮานอย มองดูก็รู้ว่ายุ่งๆ วุ่นวายแค่ไหน
ในระหว่างการเดินทาง พวกเราก็ได้ฟังพี่จันทร์ (ไกด์ชาวเวียดนาม) เล่าเรื่องราวของชาวเวียดนาม โดยเฉพาะเกี่ยวกับสงครามและชะตากรรมของชาวเวียดนาม ซึ่งพี่จันทร์ มีความรู้ในเรื่องประวัติศาสตร์มากเพราะ พี่จันทร์เติบโตและใช้ชีวิตวัยรุ่นอยู่ในช่วงเกิดสงครามพอดี ตอนอายุ 18 ปีเคยไปเป็นอาสาสมัครพยาบาลช่วยเหลือทหารในสงครามที่โฮจิมินทร์ และก็พบรักในสงครามนี้ด้วย เมื่อสงครามจบลงพี่จันทร์ก็เรียนต่อและเป็นครูสอนประวัติศาสตร์จนกระทั่งปลดเกษียณ จึงมาเรียนภาษาไทยเพื่อเป็นไกด์ จากการเล่าเรื่องราวต่างๆ ทำให้รู้ว่าพี่จันทร์เป็นคนที่มีอุดมการณ์ รักชาติ และมีจิตวิณญาณของไกด์อย่างแท้จริงระหว่างการฟังเรื่องราวจากพี่จันทร์สลับกับการชมทัศนียภาพสองข้างทาง ซึ่งมีภูเขาสูงใหญ่สลับซับซ้อนสวยงามมาก จนถึงด่านมิตรภาพเวียดนาม-จีน ในเวลา 11 โมงเช้า ก็ถึงขั้นตอนการผ่านแดนซึ่งไม่ยุ่งยากมากนัก อีกทั้งมีรถขนสัมภาระและผู้โดยสารที่มารับอย่างสะดวก
เมื่อผ่านข้ามมาถึงเขตประเทศจีน พวกเราก็พบกับจูหมิง หรือภูผา ไกด์จีน มารอรับคณะทัวร์และพาขึ้นรถเพื่อเดินทางต่อ ซึ่งที่เห็นได้ก็คือความแตกต่างของสองประเทศ สิ่งก่อสร้างและถนนหนทางของประเทศจีนดีกว่าที่เวียดนามมาก โดยเฉพาะห้องน้ำที่ ผู้เขียนรู้สึกกังวลเพราะเคยฟังจากผู้ที่มาเที่ยวประเทศจีนแล้วมักจะบอกว่าห้องน้ำของจีน ไม่มีประตูปิดกั้นบ้าง เหม็นมาก และอีกหลายๆ อย่าง แต่สิ่งที่พบก็แตกต่างจากที่เคยฟังมา เพราะห้องน้ำทันสมัยมีประตูปิดมิดชิด แต่เป็นโถแบบนั่งยอง และใช้เท้าเหยียบชักโครก
จูหมิง หรือ ภูผา ไกด์ชาวจีน ผู้มีเชื้อสายของจักรพรรดิ์องค์สุดท้ายของจีน
ภูผา เล่าว่าเขาเป็นชาวฮั่น แต้จิ๋ว และมีเชื้อสายของจักรพรรดิ์องค์สุดท้ายของจีนด้วย เดิมนั้นเขามีอาชีพเป็นตำรวจ แต่ไม่ชอบใจระบบการทำงาน (เหมือนตำรวจไทย) จึงลาออกและตัดสินใจมาเป็นไกด์ โดยเลือกเรียนภาษาไทย ภูผาพูดไทยชัดมากเหมือนกับพี่จันทร์ และหน้าตาก็เหมือนคนไทยมาก
ภัตราคารจีน มื้อแรกที่เมืองจีน
คณะทัวร์ ได้แวะทานอาหารจีนมื้อแรกที่เมืองหนานหนิง เมืองเอกของมณฑลกวางสี แล้วก็ได้พบความต่างจากเวียดนามคือ ที่นี่ไม่มีน้ำแข็ง แต่จะเสริฟน้ำชาแทน และอาหารก็มันมากต่างจากเวียดนาม ทุกมื้อมีมีผัดผักไม่ต่ำกว่า 3 อย่าง ส่วนต้มจืดที่เมืองจีนนี่ขอบอกว่าเป็นของแท้ เพราะจืดจริงๆ จากนั้นก็เดินทางต่อไปกุ้ยหลิน ซึ่งกว่าจะถึงที่พักก็เกือบ 4 ทุ่ม
สรุปว่าวันนี้ไม่ได้ลงแวะเที่ยวที่ไหน ได้แต่ชมทัศนียภาพสองข้างทางเท่านั้น แต่วันรุ่งขึ้นคณะทัวร์เราจะได้ตื่นตาตื่นใจกับความสวยงามของสถานที่เที่ยวที่อเมซิ่งมากๆ ติดตามตอนต่อไปนะคะ
ตอนหน้าจะพาไปเข้าถ้ำจ้า
ดีจังค่ะ.... ได้เที่ยวทีเดียว 2 ประเทศเลย