เรื่องที่ (๓๕) เลือกคนดูหน้า
เรื่องราวนี้ได้มาจากหนังสือพงศาวดาร “สือจี้” อันเป็นหนังสือบันทึกประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยหวังตี้ ซึ่งรวบรวมโดย ซือหม่าเซียน นักประวัติศาสตร์โบราณคดีสมัยราชวงศ์ฮั่น
ในหนังสือเล่มนี้มีอยู่บทหนึ่งกล่าวว่า
จืออวี่ และ ใจ่อวี่ เป็นศิษย์รุ่นราวคราวเดียวกันของบรมครูขงจื้อ
ระยะแรกที่ศิษย์ทั้งสองมาสมัครเรียนวิชาความรู้กับบรมครูขงจื้อนั้น ได้รับท่าทีที่บรมครูแสดงออกแตกต่างกัน
จืออวี่เป็นผู้ที่มีหน้าตาไม่น่าดู ครั้งแรกที่เขาเข้ามาคุกเข่ามอบตัวเป็นศิษย์นั้น บรมครูขงจื้อก็มีความรู้สึกว่า
“เด็กคนนี้หน้าตาอัปลักษณ์นัก เรียนไปก็คงไม่ได้ดี”
เมื่อมีความรู้สึกเช่นนี้ จึงทำให้บรมครูขาดความเอาใจใส่และเฉยเมยต่อเขา จื่ออวี่เห็นดังนั้นจึงหมดความอดทนและเห็นว่าอยู่ต่อไปก็คงไม่ได้ความรู้ตามที่ตั้งใจมา จึงลาออกไปในที่สุด
ส่วยใจ่อวี่ นั้นเป็นชายหนุ่มที่หน้าตาดี บรมครูขงจื้อนึกรักตั้งแต่เห็นหน้าครั้งแรกและคิดว่า “เด็กคนนี้หน้าตาสะอาดหมดจด คงต้องมีอนาคตสดใสในการศึกษาเล่าเรียน”
ท่านจึงมีอุตส่าห์ตั้งใจอบรมสั่งสอนเป็นอย่างดี
แต่การณ์หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ ใจ่อวี่มีแต่ความเกียจคร้าน ตื่นสายไม่เอาไหนจนบรมครูขงจื้อเอือมระอาถึงกับขนานนามเขาว่า “ไม้ผุที่ใช้แกะสลักลวดลายมิได้”
ส่วนจื่ออวี่นั้นเมื่อเสียใจไปจากท่านบรมครูขงจื้อแล้ว ก็มุมานะศึกษาเล่าเรียนจนกระทั่งต่อมาเขาได้ประสบความสำเร็จ เป็นนักวิชาการศิลปศาสตร์ ตั้งตนเป็นครู มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ในที่สุด จื่ออวี่ได้เข้ารับราชการมีตำแหน่งเป็นถึงมหาอำมาตย์แห่งเมืองฉี
ท่านบรมครูขงจื้อได้บันทึกความผิดพลาดของท่านเอาไว้แต่ในหนหลังเพื่อเป็นบทเรียนสำหรับอนุชนรุ่นหลังโดยไม่อายที่จะบอกถึงความผิดพลาดของตนเองในครั้งนั้นว่า
“เรื่องของใจ่อวี่สอนให้ข้าพเจ้ารู้ว่าอย่าเลือกคนจากวาจาหรือชื่นชมหน้าตาอันน่าพึงใจ”
วาทะนี้จึงกลายมาเป็น “เลือกคนดูหน้า”
บันทึกหลังเรื่องเล่า
ไม้ผุแกะสลักไม่ได้
กำแพงดินโสโครกฉาบแต่งอีกไม่ได้
บางคนจะตำหนิอีกไม่ได้
ปัจจุบันคนก็ยังฝังใจอยู่กับภาพลักษณ์ภายนอก จึงได้มีการปรุงแต่งภายนอกเพื่อปกปิดภายในกันอยู่...