ในปี พ.ศ.2536 ฉันสอบได้ หลักสูตรประกาศนียบัตรสาธารณสุขศาสตร์ ซึ่งจะต้องเดินทางไปเรียนที่ วสส.ขอนแก่น ฉันสงสัยเหมือนกันว่าหลักสูตรนี้สอนให้เราไปทำหน้าที่อะไร จนวันที่ฉันไปถึงขอนแก่น พ่อแม่เหมารถกะบะไปส่งถึงขอนแก่น เพราะคิดว่ายังไงฉันก้อคงไปไม่ถูก อีกอย่างเพราะฉันไม่กล้าไปไหนมาไหนคนเดียวตั้งแต่สมัยเด็กๆแล้ว ก่อนเดินทางแม่ฉันขายผ้าไหมหมดบ้าน ประมาณ เกือบ 20 ผืน เพื่อเอาเงินไปให้ลูกสาวลงทะเบียนเรียน ฉันเศร้ามากๆ แต่ความรู้สึกตอนนั้นคิดว่า ก็ยังดีกว่าพ่อแม่ไปหยิบยืมเงินคนอื่นแล้วกัน เพราะยังไงผ้าไหมเหล่านี้ก็เป็นของเรา ขายเพื่อสร้างอนาคตให้ลูกน่าจะดีกว่า (คิดแทนแม่ตอนนั้นนะคะ)
และแล้วเมื่อมาถึงฉันก็รู้ว่า ฉันมาเรียนเป็นพนักงานอนามัย เป็นหมออนามัย ฉันต้องเรียนเรื่อง สรีรวิทยา เรื่องการพยาบาล เรื่องจิตเวช การใช้ยา การอนามัยสิ่งแวดล้อมและอื่นๆอีกมากมายภายใน 2 ปี รวมถึง 1 ปีแรกก็มีการออกไปฝึกงานที่โรงพยาบาลชุมชนด้วย เป็นระยะเวลา 6 เดือน หมายถึงว่าเรียนภาคทฤษฎี 6 เดือน ฝึกปฏิบัติอีก 6 เดือน ฉันก็ได้ไปฝึกงานที่ โรงพยาบาลโนนไทย อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา ที่นั่นทำให้ฉันพูดภาษาโคราชได้ ทำให้ฉันทำคลอดได้ เย็บแผล ผ่าฝี ตัดไหม ฉีดยาและอื่นๆอีกมากมาย ที่หมออนามัยควรทำได้ ฉันทำได้ทุกอย่าง
ในการฝึกงานในโรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลจะจัดให้เราฝึกหมุนเวียนกันไป เช่นว่า อาทิตย์อยู่ห้องคลอด อาทิตย์หน้าอยู่ห้องฉุกเฉิน พวกเราก็ต้องรีบเก็บ Case ให้ครบทำที่ทางวิทยาลัยกำหนดให้ ในตึกผู้ป่วยใน ฉันต้องทำแผนให้สุขศึกษาหรือให้ความรู้แก่ผู้ป่วยด้วย ภาษาที่ใช้ส่วนใหญ่ก็ใช้ทั้งภาษากลางและภาษาท้องถิ่น นั่นคือ ภาษาโคราช ฝึกงานที่นี่ประสบการณ์ไม่น้อยเลยทีเดียว สนุกมากๆบรรยากาศอบอุ่นเสมอ เมื่อคิดถึง ความเมตตาปราณีที่พี่ๆ พยาบาล เจ้าหน้าที่และคนงานใน โรงพยาบาลมีให้มาตลอด 6 เดือน ขอขอบคุณย้อนหลังไปเมื่อ 14 ปีที่แล้วด้วยนะคะ ณ.วันนี้ยังรำลึกถึงเสมอ
ไม่มีความเห็น