เรื่องราวจาก น้องหนุ่ม นิลตา หนุ่มน้อยวัย ๑๔ ปี จากจังหวัดเชียงราย กับการเริ่มต้นพัฒนาเว็บไซด์เรื่องราวของ สิทธิเด็ก เว็บไซด์ เล่าให้ทีมงานฟังว่า เว็บนี้ เกิดจากการรวมตัวของเด็กซึ่งมีปัญหาเรื่องสิทธิด้านต่างๆ ที่สำคัญคือเรื่องสัญชาติ เด็กหลายคนมีปัญหาเรื่องความยากจน ปัญหาด้วยการศึกษา ปัญหาด้านการเดินทาง ซึ่งรากของปัญหาแล้วคือเรื่องของ การไม่มีสัญชาติ นั้นเอง ด้วยความคิดของเด็กที่ว่า "หนูอยากให้เว็บนี้เป็นเว็บที่ช่วยผลักดันให้เด็กทุกคนในประเทศไทยและบนโลกนี้มีแต่รอยยิ้ม ได้เรียนหนังสือ ได้มีอิสระ มีความคิดสร้างสรรค์ และไม่มีความแตกแยก ในเรื่องสัญชาติ เชื้อชาติ และวัฒนธรรม"
กิจกรรม “เด็กดอยสร้างเว็บเพื่อสิทธิเด็ก”โครงการดังกล่าวนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ICT เพื่อการพัฒนา ของมูลนิธิกระจกเงา ซึ่งได้รับการสนับสนุนการองค์การแพลน ประเทศไทย เริ่มต้นเมื่อต้อนปี ๒๕๕๑ได้รวบรวมเด็กนักเรียนใน ๓ เขต ได้แก่ อ.แม่สาย อ.แม่ฟ้าหลวง และ อ.แม่จัน จาก ๖ โรงเรียนจำนวนทั้งหมด ๑๘ คนในจังหวัดเชียงราย มาอบรมการทำเว็บไซด์ประมาณหนึ่งเดือน โดยแนวคิดที่ต้องการสื่อสารผ่านระบบ internet ให้บุคคลภายนอกได้รับรู้สิ่งต่าง ๆที่มูลนิธิทำอยู่ ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสารในมุมอับของสังคมให้บุคคลทั่วไปได้รับรู้เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในอีกมุมหนึ่งของสังคม ใช้เป็นช่องทางในการระดมทุนช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสในการศึกษาในชนบท โดยทีมงานมูลนิธิกระจกเงา เป็นผู้อบรมให้และเป็นที่ปรึกษาในการดูแลเว็บไซด์
กระบวนการลงมือพัฒนาเว็บไซต์ของน้องๆ
จากการอบรมน้องๆทั้ง ๑๘ คน ได้เริ่มต้นระดมสมองในการพัฒนาเว็บไซด์ของตัวเองในเรื่องการเนื้อหา รูปแบบเว็บไซด์ โดยได้ทำการเปิดเว็บไซด์ จดชื่อโดเมนว่า “www.dekyim.org” เมื่อเดือนเมษายน ๒๕๕๑ ที่ผ่านมา โดยโครงสร้างเว็บไซด์ดังต่อไปนี้
หน้าแรก โดยหน้าแรกจะประกอบไปด้วยข่าวคราวความเคลื่อนไหวต่างๆ ในเรื่องเด็กไร้สัญชาติ
เกี่ยวกับเรา แนะนำเกี่ยวกับโครงการและทีมงาน (ซึ่งเว็บเพจนี้กำลังอยู่ในช่วงปรับปรุง)
กิจกรรม ภาพข่าวและกิจกรรม ทั้งของโครงการและ ข่าวต่างๆที่เกี่ยวข้องกับสัญชาติ
สมุดเยี่ยม บอร์ดให้สมาชิกหรือผู้เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซด์ฝากข้อความไว้ได้
สาระน่ารู้ ข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับกฎหมายสัญชาติ
ซึ่งน้องหนุ่มได้เล่าให้ฟังว่า การทำงานดังกล่าวพบอุปสรรค ประการแรก ในเรื่องของการนำข้อมูลมาใส่ในเว็บไซด์มากเช่นกัน เนื่องจากเรื่องการตรวจสอบความถูกต้อง ไม่ได้มีผู้ทรงคุณวุฒิมาตรวจสอบ ทำให้การหาข่าวลง
ประการถัดมาคือเรื่อง ของโครงสร้างของทำงาน ที่ทีมงานมาจากหลากหลายโรงเรียน ซึ่งในระยะเริ่มต้นทางมูลนิธิกระจกเงาจะสามารถช่วยเหลือให้เด็กได้มีโอกาสประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไปก็จะไม่สามารถจัดการประชุมระดมสมองได้เลย เนื่องจากอยู่กันคนละพื้นที่ แนวทางในการแก้ปัญหาดังกล่าวของน้องๆ คือ กลุ่มของน้องหนุ่มเอง ที่อยู่อำเภอเดียวกันประมาณ ๕ คนดำเนินการไปก่อน เพื่อให้เว็บไซด์ยังคงมีการอัพเดทตลอดเวลา และ ประสานงานกันผ่านทางบอร์ดของเว็บไซด์ ซึ่งไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควรตลอดระยะเวลาการทำงานมาประมาณ ๖ เดือนน้องหนุ่มเล่าว่ายังไม่สมารถจัดการนัดประชุมเพื่อวางแผนในการทำงานเว็บไซด์เลยแม้แต่ครั้งเดียว
ประการที่สาม คือ เรื่องของการเข้าถึงคอมพิวเตอร์ และ Internet ของเด็กๆเนื่องจากแต่ละคนไม่มีคอมพิวเตอร์ส่วนตัว จึงต้องใช้ที่โรงเรียน ซึ่งบางโรงเรียน (แม้เป็นโรงเรียนที่ส่งเด็กเข้าอบรม) ก็ไม่ยอมให้มีการลงโปรแกรมต่างๆเพื่ออำนวยความสะดวกต่อเข้ามาทำงานของเด็กๆ ซึ่งเด็กก็จะต้องไปใช้บริการร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่บ้างซึ่งก็จะทำได้แค่สื่อสารนัดหมายงานเท่านั้น เพราะไม่มีโปรแกรมที่ใช้ทำงานได้เช่นกัน แนวทางในการแก้ปัญหานี้ของน้องๆ ยังไม่ชัดเจน เพียงแต่เล่าว่าถ้ามีโอกาสก็อัพโหลดข่าวและงานที่โรงเรียน
ประการสุดท้าย ปัญหาเรื่องการประชาสัมพันธ์ เนืองจากเว็บไซด์ดังกล่าวเป็นเว็บไซด์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสิทธิเด็ก ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายเฉพาะทางมาก คนทั่วไปมองว่าเป็นเนื้อหาที่ยากต่อการเข้าถึงทำให้ไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร ซึ่งวัตถุประสงค์หลักของน้องๆ คือ ต้องการให้คนทั่วไปทราบเรื่องราวที่ตนกำลังทำอยู่ เมื่อไม่สามารถทำได้ดีก็ทำให้น้องๆเริ่มหมดกำลังใจเหมือนกัน ขั้นตอนในการแก้ปัญหาเองได้ก็จะจัดการตัวเองก่อนที่จะปรึกษาพี่ๆทีมงานกระจกเงา ซึ่งยังรอคอยการประชุมเพื่อสร้างการประชาสัมพันธ์นี้อยู่
ซึ่งหากถามว่าตอนนี้เด็กๆน้องการสนับสนุนในเรื่องอะไรก็คงจะเป็นเรื่องราวของช่วยประชาสัมพันธ์เว็บไซด์และการจัดค่ายอบรมทีมงานต่อเนื่องไปอีก เพื่อจะได้มีสมาชิกอาสามาช่วยกันพัฒนาเว็บไซด์
อีกประการคือเรื่องของอุปกรณ์ในการทำงานที่มีประสิทธิภาพเพียงพอต่อการทำงาน เช่นคอมพิวเตอร์ กล้องถ่ายรูป เป็นต้น นอกจากนั้นจะเป็นเรื่องของอุปกรณ์การสื่อสารที่น้องๆบอกว่าต้องการโทรศัพท์มือถือไว้สำหรับประสานงานกันระหว่างทีมงานด้วย
สำหรับเรืองงบประมาณ น้องหนุ่มก็บอกว่า จำเป็นในส่วนของการจ่ายค่าจดโดเมนเนมและค่าhost เท่านั้น
ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายว่าปัจจุบันนี้แม้หน้าเว็บยังคงไม่หมดอายุแต่เว็บดังกล่าวก็ไม่ได้มีการอัพเดทมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว
เด็กยิ้ม อีกหนึ่งโครงการที่เด็กทำเพื่อเด็ก
เด็กทำแล้ว มีคุณค่า โดยเฉพาะ เด็กเห็นคุณค่าในตัวเอง
น่าสนใจครับ
จะพยายาม หารูปเด็กยิ้มๆ มาให้ดูนะคะ
พอดีเป็นที่ปรึกษาของกลุ่มเด็กยิ้ม
ปัญหาของกลุ่ม นอกจากที่น้องหนุ่ม บอกมา
"สำหรับเรืองงบประมาณ น้องหนุ่มก็บอกว่า จำเป็นในส่วนของการจ่ายค่าจดโดเมนเนมและค่าhost เท่านั้น"
ยังมีเรื่องของ งบประมาณการจัดการประชุมเพื่อระดมสมองกันต่อ ในการดำเนินเว็บไซต์ เพราะน้องๆกลุ่มเด็กยิ้ม กลุ่มเด็กที่มีปัญหาด้านสัญชาติอยู่คนละอำเภอ ซึ่งการที่เด็กมาต่างอำเภอกันแต่มีปัญหาคล้ายกันมานั้งคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน ทำให้เข้าใจถึงปัญหาของแต่ละพื้นที่ และสามารถช่วยกันหาทางออกของปัญหาร่วมกัน ดังนั้นระยะทาง จึงเป็นปัญหาหนึ่งในการประชุมกันของเด็กๆ ค่าใช้จ่ายการเดินทาง ที่เกิดขึ้น ยกตัวอย่าง หากมีการประชุมแต่ละครั้ง หมายถึงว่าเด็กๆ ต้องใช้เวลา 2 วันเลยทีเดียว ใช้เวลาครึ่งวันแรกในการเดินทาง ประชุมกันเริ่มในช่วงบ่าย ต่อด้วยกลางคืนอีกนิดหน่อย ต่อด้วย ตอนครึ่งวันเช้าของอีกวัน ส่วนครึ่งวันบ่ายเดินทางกลับ จึงเกิดค่าใช้จ่ายระหว่างการดำเนินการเพื่อให้เว็บเดินหน้าได้มีประสิทธิภาพของกลุ่ม
ค่าเดินทาง
ค่าที่พักระหว่างประชุมงาน
ค่าอาหาร
ค่าอุปกรณ์ประกอบการประชุม
ซึ่งส่วนมากแล้วเราใช้เสาร์อาทิตย์ในการประชุมอัพเดจความเคลื่อนไหวต่างๆของกลุ่มและปัญหาเรื่องสัญชาติของคนในชุมชนและเพื่อนคนอื่นๆ ที่อยู่ในชุมชนเดียวกัน
ขอบคุณมากจ๊ะคุณพีระพล
อ่านเร็วนะเราเนี่ย...
ผมเห็นว่า กลุ่มเด็กยิ้ม
ถ้าได้รับการสนับสนุนในเรื่องของอุปกรณ์ และ งบประมาณ เพื่อให้เด็กรันกิจกรรมต่อได้ ก็จะทำให้น้องๆที่มีปัญหาเรื่องสัญชาติได้มีเว็บที่เข้าใจเขา และบอกเราเรื่องราวปัญหาของเขาได้อย่างแท้จริง