Management Retreat


ประสิทธิภาพในการทำงานของคนในองค์กร ที่สามารถเรียนรู้ให้ตนเองผ่อนคลายได้ ละวางความเครียดได้ จะเป็นเช่นไร

เมื่อวันที่ 20-21 กันยายน 2551 ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปช่วย คุณวิเชียร ตั้งอุทัยศักดิ์ ประธานกรรมการ บริษัทแห่งหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์ ทำกิจกรรม Management Retreat ให้กับบรรดากรรมการ และผู้บริหาร

 

วัตถุประสงค์หลักคือ เป็นกิจกรรมที่เชิญชวนให้ท่านผู้เข้าร่วมทั้งหลาย ที่คร่ำเคร่งกับการทำงาน หันมาอยู่กับตนเอง ผ่อนพัก และเรียนรู้การฟังอย่างลึกซึ้ง

 

กิจกรรมที่เลือกมาใช้ ซึ่งออกแบบโดยคุณวิเชียรเอง (ดิฉันแค่เป็นตัวช่วย) ประกอบไปด้วย 3 ส่วน คือ กิจกรรมจาก Creativity Workshop ของ Mr. Gil Alon กิจกรรม Body Work และกิจกรรม สุนทรียสนทนา

 

การดำเนินกิจกรรมก็ง่ายๆ สบายๆ  เมื่อทุกคนเข้ามาในห้อง ก็แจกหมอนคนละใบ เลือกเอาตามใจชอบ จะนั่ง จะนอน ตามสะดวก ไม่มีถูก ไม่มีผิด

 

กระบวนกรทั้งสองคน แค่อยากเป็นเพื่อนใหม่ มาชวนให้ทำโน่น ทำนี่ ไปเรื่อยๆ สบายๆ พยายามบอกว่าไม่มีหัวโขน แต่ดิฉันว่า คงมีเกร็งๆ กันบ้างหรอกน่า ก็ประธานบริษัทคนใหม่ ออกโรงมาเป็นกระบวนกรเองนี่น่า

 

แต่เมื่อเวลาผ่านๆ ทุกอย่างก็ผ่อนคลายไปค่อนข้างมาก

ผู้เข้าร่วม แสดงอาการผ่อนคลาย ความรู้สึก ตัวตนที่มี ลดลงไปเยอะ หลังผ่านกิจกรรม สบตา และ กอด

 

ประเด็นหนึ่งที่อยากเล่าให้ฟังตรงนี้คือ

ผู้คนช่างเครียดกันเหลือเกิน

 

ดิฉันได้รับมอบหมายให้ทำกิจกรรม Body Work ตามที่ออกแบบไว้ จะทำตามแนวทางคุณวิจักขณ์ พานิช แต่ดิฉันประเมินคนเข้าร่วมแล้วว่า แบกทุกข์มากันมากเหลือเกิน (จริงๆ แล้วไม่ได้ประเมินด้วยการคิดหรอก แต่เป็นความรู้สึกที่บรรยายไม่ได้ในตอนนั้น) แล้วอยู่ดีๆ ดิฉันก็แหกคอก ไม่ทำตามที่เจ้าของงานออกแบบกิจกรรมไว้ ...อิ อิ อันนี้นิสัยไม่ค่อยจะดีเลย

 

ลองทำกิจกรรมที่ดิฉันผสมผสาน ระหว่าง ผ่อนคลายร่างกายตามที่ได้แอบเรียนรู้ของ อาจารย์สุมนา พิศัลยบุตร ทองเล็น ของวัชรยาน ที่ได้เรียนรู้มาจากคุณวิจักขณ์ พานิช และ การแผ่เมตตา ตามแบบที่ตนเองทำอยู่

 

ง่ายๆ แค่การชวนให้รู้จักการ นอนผ่อนคลาย  ด้วยการมีสติรู้ทีละส่วนของร่างกาย ตรงไหนเกร็ง ก็ผ่อนคลายตนเอง ไล่ตั้งแต่ปลายเท้า ไปจนจรดศรีษะ

 

เมื่อผ่อนคลายแล้ว ก็ให้อยู่กับลมหายใจเข้าออกตามจริง

สักพัก เมื่อความคิด หรือความเครียด ความโกรธ  ความรู้สึกต่างๆ นาๆ ผ่านเข้ามาในความคิด ก็แค่รู้ แล้วก็หายใจเอาความรู้สึกเหล่านั้นเข้าไปในร่างกาย

 

แล้วก็หายใจออก เอาความรู้สึกดีๆ ทีมีอยู่ในตัวเอง (ความรัก ความปรารถนาดี ความหวังดี ความเมตตาฯลฯ ) ออกมา แล้วแผ่ออกไปให้กว้างไกลที่สุด

 

แค่นี้เองจริงๆ ค่ะ

 

ปรากฏว่า ผู้เข้าร่วมมาให้เสียงสะท้อนกลับในเช้าวันรุ่งขึ้นว่า

  • เป็นครั้งแรกในชีวิตการทำงาน ที่ไม่ต้องอาศัยแอลกอฮอล์ เพื่อที่จะทำให้ตัวเองสามารถนอนหลับได้ในยามค่ำคืน
  • อีกท่านบอกว่า ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า วิธีนอนให้ตัวเองผ่อนคลายเป็นแบบนี้ ผมไม่เคยผ่อนคลายได้เลยแม้แต่เวลาที่นอนจริงๆ  แต่แค่ทำตามที่บอก แม้เวลาเพียง 5 นาที ก็รู้สึกว่า ได้พักผ่อนจริงๆ
  • คนที่เคยปวดหลัง ไม่สามารถนอนราบกับพื้นได้ ก็สามารถนอนได้ อาการปวดหลังไม่มากอย่างเคย

ดิฉันก็รู้สึกทึ่งเหมือนกันว่า ชีวิตเมืองใหญ่ นี่มันทุกข์จริงหนอ

 

ผู้คนทำงาน ทำงาน และทำงาน ลืมแม้กระทั่งการให้โอกาสตนเองที่จะผ่อนพัก

แต่ละคนแบกความเครียดกลับบ้าน และนอนหลับไปพร้อมกับมัน (โดยที่ยังเครียดอยู่จนถึงเช้า)

 

แค่กิจกรรม ที่ชวนให้กลับมาอยู่กับตนเอง (กับลมหายใจของตนเอง) กลับมาอยู่บ้านที่แท้จริง ที่เราจะสามารถเยียวยาตัวเราเองได้  ก็สามารถทำให้หลายท่านที่เข้าร่วมกิจกรรมนี้ มีเครื่องมือ ที่จะพักผ่อนจริงๆ หลังเลิกงานได้แล้ว

 

เป็นความปิติ ที่บอกไม่ถูกเลยค่ะ กับความดื้อ แหกกฎของดิฉันในครั้งนี้

 

ปกติเป็นคนที่หากมีการตกลงตามแผนงาน แล้วจะค่อนข้างเป๊ะๆ แข็ง ไม่ยืดหยุ่น ทั้งกับตนเอง และกับทีมงานค่ะ ใครแหกกฎ มีสิทธิ์โดนดิฉันเล่นงานน่วม  คนที่จะประเมินสถานการณ์ และเปลี่ยนแปลงกิจกรรมได้คือ หัวหน้าโครงการ หรือผู้รับผิดชอบงานโดยตรงคนเดียวเท่านั้น

 

ก็ต้องขอขอบคุณ คุณวิเชียร Leader งานนี้ที่ยอมยึดหยุ่นให้ดิฉันอย่างมากมาย

ทำให้ดิฉันค้นพบเครื่องมือแสนเรียบง่ายนี้

 

ปรากฏว่า ภายหลังการอบรมเสร็จสิ้นท่านผู้บริหารงานโรงงานของบริษัทนี้ ก็ติดต่อมาให้อบรมให้กับทีมผู้บริหารโรงงานอีกชุดหนึ่งในเดือนถัดมา คือวันที่ 25-26 ตุลาคม 2551

 

แล้วก็เหมือนเดิมค่ะ

ยิ่งคนทำงานโรงงาน ทำงานกับเครื่องจักร ดื่มเยอะทีเดียวค่ะ

เขาบอกว่า ทดลองนอนแบบที่ดิฉันแนะนำ ทำให้นอนหลับได้ในรอบหลายปี โดยไม่ต้องพึ่งพาน้ำเปลี่ยนนิสัยค่ะ

 

 

ก็หันมานึกเล่นๆ ดูค่ะ ว่า

ประสิทธิภาพในการทำงานของคนในองค์กร ที่สามารถเรียนรู้ให้ตนเองผ่อนคลายได้ ละวางความเครียดได้ จะเป็นเช่นไร

ท่านผู้บริหารรุ่นแรก ท่านที่บอกว่าเอาไปทดลองนั้นเป็นผู้เรียนรู้ที่ดิฉันรักมากที่สุดเลยค่ะ

นอกจากทดลองเรื่องการนอนแล้ว ท่านยังทดลองเรื่องการฟังด้วยค่ะ

ลูกน้องโทรมาบอกว่าที่โรงงานมีปัญหา

ท่านบอกว่า ปกติหากรับรู้แค่เพียงสองสามประโยค ท่านก็จะเลิกฟังแล้วค่ะ จะสวนกลับทันที จะค่อนข้างออกแนวโวยวาย ..... แต่ครั้งนี้ทดลองฟังลูกน้องให้จบ..... อ้าว ...ปรากฎว่า ประโยคหลังๆ คือ บอกว่า ทุกอย่างแก้ไขได้แล้ว แค่โทรมาให้ทราบ...... ท่านเลยมาเล่าให้กระบวนกรฟังว่า .... เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ฟังจบ 5555 แล้วไม่ต้องทำอะไรเลย ไม่โกรธ ไม่โมโห แถมลูกน้องยังแปลกใจว่า งวดนี้นายมาแปลก 555

ทำให้นึกเล่นๆ อีกแล้วว่า

ไม่เห็นจะต้องอบรมอะไรที่มันหนักหนา วิชาการมากมายเลยค่ะ ในการพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงาน  

แค่เรื่องง่ายๆ นอนให้เป็น ฟังให้เป็น แค่นี้เองจริงๆ ค่ะ

 

หมายเลขบันทึก: 222196เขียนเมื่อ 11 พฤศจิกายน 2008 15:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน 2012 20:22 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

สวัสดีคะ

ตามมาอ่าน กระทู้ ที่น่าสนใจในนี้

เพิ่งอ่านมาเจอ :P

น่าสนใจจริงๆ กับเรื่องง่ายๆ

การนอนผ่อนคลาย เหมือนที่นำไปสอนที่วังยาง ใช่หรือไม่คะ

อื่ม ใช่ ข้าพเจ้า มิได้นอน เนื่องจากปัญหากายภาพ แต่ใช้นั่งสมาธิตามก็ได้ผลจริงๆเช่นกัน อื่ม แต่พบว่าตัวเองนอนยากทีเดียว พอนำมาลองใช้ก่อนนอนในชีวิตจริงๆก็ดีขึ้นนะ

แค่เรื่องง่ายๆ นอนให้เป็น ฟังให้เป็น แค่นี้เองจริงๆ ค่ะ

จะลองปฎิบัติดูคะ

เพราะตอนนี้เห็นว่ายากทั้งสองเรื่องง่ายๆนี้เลย

ขอบคุณน้องผึ้งนะคะ ที่ติดตามอ่าน

เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้เขียนเลยค่ะ

ใช่ค่ะ ที่นำไปทดลองให้นอนที่วังยาง ค่ะ แต่เวอร์ชั่นนั้นเวลาน้อยมากค่ะ

ถ้าจะทำจริงต้องเตรียมความพร้อมนานกว่านั้นค่ะ

ต้องมีการโอ้โลม ปฏิโลม กันเล็กน้อยก่อน

เป็นการแสดงความรัก ความเมตตา ทั้งกับตัวเราเอง และคนที่เรากำลังรู้สึกอยู่จนทำให้เรานอนไม่หลับ

เตรียมความพร้อมต้องเตรียมทั้งกาย และเตรียมทั้งใจค่ะ

แล้วเราก็จะผ่อนคลายอย่างแท้จริง

นอนอย่างนี้ หากนอนเพียงแค่ สิบ หรือ สิบห้านาที ก็ถือว่าได้พักผ่อนเต็มที่แล้วค่ะ อันนี้ท่านผู้บริหารโรงงานรุ่นที่1 ท่านกลับมาบอกว่า นำไปลองตอนพักทานข้าวกลางวัน ก็ได้ผลดียิ่งเช่นเดียวกันค่ะ (อิ อิ ท่านมีห้องทำงานส่วนตัวก็แอบนอนได้สบายดิ....)

สิ่งง่ายๆ นี้ที่มันจะยาก คือ การให้โอกาสตัวเอง ที่จะทำค่ะ

เมื่อยอมให้โอกาสตัวเองที่จะทำ (โดยลืมๆ คำว่า "ไม่มีเวลา" ทิ้งไป

ณ วินาทีนั้นก็จะอยู่กับ "ปัจจุบันขณะ" ที่เรารับรู้ การหายใจ เข้า และ ออก ตามที่มันเป็นจริงค่ะ

รับรู้อย่างต่อเนื่อง เราเรียกว่า "สติ สัมปชัญญะ" (เขียนถูกหรือเปล่าเนี่ยะ)

ฝึกวันละนิด วันละหน่อย จิตแจ่มใสค่ะ

จะลองดูคะ

เปนคนนอนยาก

เวลาทำงานก็เครียดเกินไปไม่ผ่อนคลาย

แต่ละวันตึงตลอด

จะทดลองก่อนนอนทุกคืนมันก็ผ่อนคลายลง

เหมือนผ่อนคลายกล้ามเนื้อประมาณนั้น

ชอบมาอ่าน อะไรใน gotoknow นี้เขียนบ่อยๆนะคะ

แต่งานเขียนนี้น่าสนใจ จริงๆ เรื่องเล็กๆง่ายๆลองดู จะไป share กับเพื่อนๆ

น้องผึ้งลองรวมกลุ่มเพื่อน แล้วนัดพี่นุชไปทำให้เต็มรูปแบบ ประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ได้ค่ะ

ยินดีเสมอ

พี่นุชเรียกกิจกรรม การเรียนรู้การ นอน นี้ว่า "การผ่อนคลาย กาย ใจ" ค่ะ

จริงๆ แล้วหากผึ้งเคยเข้า "ผ่อนพัก ตระหนักรู้" ของเสมสิกขาลัย ก็ไม่ต่างกันมากนักค่ะ ต่างแค่สไตล์ของกระบวนกร เท่านั้นเอง

-ขอบพระคุณมากคะ

แวะมาเยี่ยม ทักทายสวัสดีปีใหม่คุณอัญชลี อุชชิน ด้วยเลยคะ

เขียนบอกเล่าเรื่องราวดีดีให้ฟังอีกนะคะ

สวัสดีค่ะอ.อัญชลี

เคยมาอ่านแล้วค่ะ แต่ไม่ได้ทิ้งร่องรอยเช่นกันค่ะ เพราะเป็นบันทึกที่มีความสมบูรณ์แล้ว....^_^....

ชอบตรงนี้ โดนใจมาก ๆ เลยค่ะ.....ให้นึกเล่นๆ อีกแล้วว่า  ไม่เห็นจะต้องอบรมอะไรที่มันหนักหนา วิชาการมากมายเลยค่ะ ในการพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงาน  แค่เรื่องง่ายๆ นอนให้เป็น ฟังให้เป็น แค่นี้เองจริงๆ ค่ะ

(^___^)

สวัสดีค่ะพี่นุช

ชอบจังเลยเห็นด้วยคนกรุงเทพมีชีวิตที่ยุ่งยาก เร่งรีบเหลือเกิน เพียงแค่วันละ 1 นาทีในการทำใจให้สงบยังลำบากเลยเนอะ ขอบคุณสำหรับการเล่าเรื่อง แลกเปลี่ยนที่ดีๆค่ะ

เศรษฐกิจ และสังคมไปไวมากคนปรับตัวไม่ทัน

เครียดกันมาก น่าขอบคุณนะ ที่บ้านเรายังมี

องค์กรดีดี ช่วยเหลือคนอยู่ ขอบคุณคุณนุชที่ส่งข่าวดีสู่กันเสมอ

สวัสดีค่ะอ.อัญชลี

แวะมาทักทายค่ะ ...

อาจารย์สบายดีนะคะ

ระลึกถึงค่ะ

(^___^)

  • อิ อิ อายจัง ไม่ค่อยได้เข้ามาบล๊อกตัวเองเลย
  • ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาทักทายนะคะ
  • คุณนันทนัชคะ  ทราบข่าวการอบรมของท่านสันติกโรหรือยังคะ เป็นโอกาสอันดีที่จะเก็บข้อมูลนพลักษณ์สำหรับงานวิจัยนะคะ
  • คิดถึง
    P
    เก็จถะหวา อาจารย์ดอกไม้นะคะ ดิฉันชื่นชมคุณครูทุกท่านที่อุทิศตัวเพื่อเด็กๆ ค่ะ
  • ขอบคุณ คุณ
    P
    คนไม่มีราก  ที่แวะมาทักทาย และห่วงใยค่ะ .... ดิฉันสบายดี มีอบรมนพลักษณ์ทุกสัปดาห์เลย  ... ทำให้ห่างหายจากการเข้ามาเขียน มาคุยในบล๊อก เหนื่อยกาย แต่สุขใจค่ะ .... ทุกครั้งที่จบการอบรมแล้วมีผู้เข้าร่วมมากอด มาบอกว่า ตั้งแต่โตมา ก็เพิ่งได้เห็นตัวตนของตนเอง และพร้อมจะปรับปรุงตนเอง เพื่อการอยู่ร่วมกับคนอื่นๆ อย่างสงบสุข .... ถือเป็นน้ำทิพย์ชะโลมใจดิฉันเป็นอย่างยิ่งเลยค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท