94. 9 วิธีหนีอ้วน


9 วิธีหนีอ้วน

              9   วิธีหนีอ้วน                  

          แน่นอนว่าถ้าสาวๆ ถ้าไม่เลือกอดอาหารยอมหิวจนตาลาย   ก็ต้องโหมออกกำลังอย่างหนักเพื่อลดน้ำหนักเพราะไม่อยากอ้วน  แต่มีทางเลือกให้คุณผอมหุ่นเพียวสวยด้วยวิธีง่ายๆ  ที่สำคัญไม่ต้องอดอาหารและไม่จำเป็นต้องโหมออกกำลังกาย  แค่เปลี่ยนพฤติกรรมแสนง่าย 9 อย่าง  ดังนี้

9 วิธีหนีอ้วน9 วิธ

1.  นอนหลับให้เต็มอิ่ม
            จากการวิจัยของสถาบัน Howard Hughes Medical มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด พบว่ายิ่งคุณนอนน้อยเท่าใด ร่างกายของคุณก็ดูเหมือนว่าจะยิ่งผลิตฮอร์โมน leptin ได้น้อยลงเท่านั้น ซึ่งนั่นก็จะมีผลต่อน้ำหนักตัว เนื่องจาก leptin จะเป็นตัวช่วยกระตุ้นน้ำหนักให้ลดลงได้ถึง 2 ทาง คือ มันจะช่วยลดความอยากในการรับประทานได้ โดยการบอกสมองว่า "นี่! หยุดเคี้ยวซักทีเถอะ อิ่มจนท้องจะแตกอยู่แล้วนะ" และอีกด้านหนึ่งมันก็จะกระตุ้นให้คุณใช้พลังงานมากขึ้นซะอีกด้วย ยิ่งกว่านั้นยังเห็นได้ชัดอีกว่าเมื่อเรานอนน้อยร่างกายก็จะไปต้านการลดลง ของน้ำหนัก จากการที่ ghrelin ฮอร์โมนซึ่งทำหน้าที่กระตุ้นความอยากอาหาร จะมีปริมาณสูงกว่าในบรรดาผู้ที่นอนไม่พอ (แต่ถ้าเกิดคุณนอนไม่พอในคืนหนึ่ง ลองพยายามงีบหลับให้ได้ในวันต่อมา เพราะฮอร์โมนจะไปทำให้คุณต้องปิดตาหลับภายใน 24 ชั่วโมงแน่นอน)

2.   ปิดวิทยุซะ
            ตามร้านอาหารต่างๆ ถ้าเขาอยากจะให้ลูกค้าภายในร้านจัดการกับอาหารตรงหน้าให้เสร็จเรียบร้อย แล้วก็รีบออกจากร้านไปโดยเร็วนั้น ทางร้านก็จะเปิดเพลงจังหวะเร็ว (ประมาณ 120-130 จังหวะต่อนาที) ซึ่งหากมองอีกมุมหนึ่งถือว่าเป็นเหตุผลที่ดี  เพราะว่าจังหวะเพลงที่เร็วนี้จะทำให้คุณใส่ใจกับการรับประทานอาหารตรงหน้า มากขึ้น
            ฉะนั้นก่อนมื้ออาหารถ้าอยากผอมจงเลือกเอาว่าจะปิดวิทยุของคุณซะ หรือจะบรรเลงใส่แผ่นเพลงเบาๆ ใส่เครื่องเสียงของคุณระหว่างทานอาหารมื้ออร่อย

 

3. กินให้ครบทุกมื้อ
            สำหรับสาวๆ ที่ชอบอดอาหารมื้อเช้าเพื่อความผอมนั้นไม่มีประโยชน์หรอก ซ้ำยังทำให้คุณอ้วนขึ้นอีกด้วย ซึ่งก็ไม่แปลกหรอก  ในเมื่อเช้าคุณไม่ได้ทานอะไรด้วยเหตุอยากผอม แต่กลายเป็นว่าตกกลางวันคุณกลับหิวไส้แทบขาด ฉะนั้นไม่ว่าอะไรที่คุณหยิบจับขึ้นมาได้ ก็ขนใส่ปากไปไม่บันยะบันยัง ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากเหตุผลหลายๆ อย่าง อาทิ เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดลดต่ำลง คุณก็จะรู้สึกโหยหาอาหารอย่างแรง  ซึ่งเป็นกลไกธรรมชาติของร่างกาย  และด้วยกลไกทางด้านความรู้สึกนึกคิด เมื่อคุณไม่ได้ทานอาหารมื้อเช้า มื้อถัดมาคุณก็จะทานมากขึ้น เพราะคิดว่า "เอาเถอะน่าเมื่อเช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ชดเชยซะหน่อยแล้วกัน" ที่สำคัญร่างกายของคุณก็จะยิ่งคิดว่าตอนนี้คุณอยู่ในภาวะขาดอาหาร ฉะนั้นระบบเมตาโบลิซึมของคุณจะค่อยๆ ทำงานช้าลง นั่นแปลว่าการเผาผลาญพลังงานก็จะต่ำลงไปด้วย เข้าใจง่ายๆ ก็ "คราวนี้แหละคุณขา อ้วนแน่ๆ"

 

4. อย่าเอะอะอะไรก็ใช้รถๆ หัดเดินซะบ้าง
            อย่าปฏิเสธว่าข้อนี้ไม่จริงเลย เพราะการใช้รถในแต่ละวันจะเป็นการเพิ่มอัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนได้ถึง 6% ต่อชั่วโมง แต่ในทางกลับกันทุกๆ ไมล์ในการเดินของคุณในแต่ละวันจะกลับเป็น

การลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วน ได้ถึง 8 % แล้วจะทำอย่างไรดีล่ะ ง่ายๆ  ก็คือเวลาคุณคุยโทรศัพท์เม้าส์กับเพื่อน  แค่คุยไปคุยมาแล้วเดินวนรอบห้องเผลอแป๊ปเดียวก็เดินเป็นกิโลๆ  แล้ว  ยิ่งถ้าเราจะขว้างแคลอรี่ไปไกลๆ จากเราจริงๆ ล่ะก็ เวลาดูทีวีพอถึงช่วงเบรคโฆษณาก็ลุกขึ้นย้ายตัวเองไปรอบๆ บ้าง หรือไม่ก็ลองขึ้นๆ ลงๆ บันไดบ้านนี่ล่ะดู ผลัดกับการเดินเร็วๆ จากห้องหนึ่งไปยังห้องหนึ่งในบ้านดูสิ หรือเด็ดสุดก็อีตอนช้อปปิ้งนี่แหละ เซย์โนลิฟท์และบันไดเลื่อนสิคะ รับรองผอมแน่

5. แค่โดนแดดบ้างก็ผอมแล้ว
            คุณคงไม่รู้มาก่อนว่าแสงแดดทำให้ผอมได้  เพราะร่างกายของเราต้องการแสงแดดเหมือนกัน เพื่อไปผลิตฮอร์โมน serotonin ซึ่งมีส่วนในการไปช่วยลดความอยากน้ำตาลและอาหารอย่างอื่นด้วย ดังนั้นเมื่อคุณเริ่มที่จะอยากทานพวกขนมก็เดินออกไปรับแดดแทน  แม้แต่ช่วงอากาศเย็นๆ ก็เถอะหากเปิดผ้าม่าน บานเกล็ด ระหว่างวันซะบ้างก็ยังดีนะ (แต่อย่าอยากขนมมากทั้งวันนะ ไม่งั้นคงต้องไปตากแดดจนมะเร็งผิวหนังถามหาแน่ๆ )

 

6. อย่าเก็บคุ๊กกี้หรืออาหารอย่างอื่นไว้ในโถแก้ว
            เพราะ ถ้าคุณเก็บอาหารไว้ในที่ๆ ไกลสายตาหน่อย มันก็ง่ายที่จะป้องกันไม่ให้ของอ้วนๆ มาเย้ายวนเรา ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยคอร์แนลได้แนะว่าสาวๆ จะกินของหวานได้มากขึ้นเมื่อเห็นมันจัดวางอยู่บนโต๊ะเด่นชัดสวยงาม  ดังนั้นมาลองเก็บของหวานทั้งหลายไว้ในภาชนะทึบแสงหรือไปวางไว้ไกลๆ ตาไกลๆ จมูกจะดีกว่า

7. วางส้อมลงทุกครั้งที่เคี้ยว
            ช่วง เวลา 20 นาที เป็นเวลาที่กระเพาะอาหารจะส่งสัญญาณไปบอกสมองว่าอิ่มแล้ว ดังนั้นเมื่อคุณทานอาหารเร็วเกินไป  ร่างกายของคุณก็จะไม่มีเวลาพอที่จะรับรู้ได้ว่าถึงเวลาที่ควรอิ่ม  ผลที่ตามมาก็คือคุณทานมากไป  การทานช้าลงเท่านั้นที่ช่วยได้  คุณอาจจะใช้ตะเกียบมาเป็นตัวช่วยในการทานอาหารก็ได้  จะทำให้คุณทานอาหารได้ช้าลง  (ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะมัวแต่สาละวนอยู่กับการใช้ตะเกียบให้ถนัดมือ) หรือลองอีกวิธีที่จะทำให้คุณรับรู้ได้ถึงรสอร่อยของอาหารมากขึ้น โดยเคี้ยวแต่ละคำให้ได้เวลาราว 30  วินาที แค่นี้คุณก็จะเห็นได้เลยว่าการทานอาหารช้าๆ ทำให้รับรู้ถึงรสชาติอาหารดีขึ้นและผอมลงด้วย

 

8. เปิดไฟทานอาหาร
            ในห้องที่มืดสลัวจะทำให้คุณทานได้มากขึ้น  เพราะมีทฤษฎีหนึ่งที่กล่าวไว้ว่าแสงไฟมืดสลัว

จะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและเพลิดเพลินกับการรับประทานมากขึ้น ในทางกลับกันมีการวิจัยว่าเมื่อคุณทานอาหารในห้องที่สว่าง ก็ดูเหมือนว่าคุณจะทานอาหารได้ลดลง

9. แค่โกรธก็อ้วนแล้ว
            ถ้า คุณไม่รู้จักระงับอารมณ์คุณก็มีสิทธิ์อ้วนได้  เพราะเวลาที่คุณเกิดอารมณ์โกรธขึ้นมา ระดับของฮอร์โมน cortisol ในร่างกายก็จะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้

จากผลงานวิจัยพบว่า  เมื่อคนเราโกรธและหากยิ่งโกรธถี่ขึ้นเท่าไหร่  ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นการเพิ่มน้ำหนักและรอบเอวหนาๆ ในทางอ้อม (แถมยังเพิ่มอัตราเสี่ยงต่อปัญหาของระบบหัวใจอีกต่างหาก)     

             ดังนั้นคราวหน้าถ้าใครมายั่วอารมณ์คุณ ก็นับ 1-10 สูดหายใจลึกๆ ตั้งสติดีๆ แค่นั้นเอง นึกซะว่าเพื่อผอมๆๆๆ หรือใช้นิ้วโป้งนวดคลึงเบาๆ บริเวณขมับเพื่อการผ่อนคลายก็ได้

 

ที่มา  :  Thaiware.com

คำสำคัญ (Tags): #9 วิธีหนีอ้วน
หมายเลขบันทึก: 222030เขียนเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2008 21:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:50 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)
  • สวัสดีค่ะ
  • ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆเพื่อสุขภาพค่ะ

อยากหนีความอ้วนแต่ทำไม่ได้สักที จะพยายามทำให้ได้สัก 5-6 วิธีเผื่อว่าจะหนีความอ้วนได้บ้าง

พี่ประกายกำลังจะหนีความอ้วน

ขี้เกียจออกกำลังด้วย

มาอ่านได้ข้อปฏิบัติเพิ่มคะ

ไม่เก็บสะสมขนมไว้ พี่เลิกทำงานแล้ว

กินให้ครบ Ok ทำได้

นอนหลับให้อิ่ม ตก

เดินบ้าง ทำได้

ข้อ 2 เปิดทีวีได้ไหม

หนีความอ้วนแล้วไปหาสาวสวยมวยไทยได้หรือเป่ากั๊บ

-วิ่งหนีความอ้วนมา ...สนุกดีค่ะ  ขอบคุณค่ะ 

เพิ่งรู้ว่าโกรธแล้วอ้วน ....น่าคิดนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท