มอราน (Moran) เป็นตำบลหนึ่งของอำเภอดิบรูการฮ์ (Dibrugarh) ซึ่งเป็นเมืองที่มีความสำคัญด้านอุตสาหกรรมน้ำมันและชาของอินเดีย เมืองไม่ใหญ่โตนัก ตัวเมืองคือส่วนที่อยู่ติดถนนใหญ่ สภาพร้านรวงเป็นตึกแถวชั้นเดียวบ้าง สองชั้นบ้าง มีสินค้าขายทุกอย่าง ตลาดสดก็อยู่ติดถนนนั่นเอง พลุกพล่านในวันที่ไม่มีการบังคับหยุดงานเพื่อประท้วง แต่สภาพสิ่งแวดล้อม สุขอนามัย ความสะอาดเรียบร้อยของภูมิทัศน์ยังไม่ดีพอ ถนนหน้าตลาดยังเป็นหลุมบ่อเป็นที่น้ำขังเฉอะแฉะเวลาฝนตก หรือฝุ่นฟุ้งเวลาไม่มีฝน
วันนี้เป็นวันหยุดชดเชยที่เมืองไทย ที่มอรานก็หยุดเหมือนกัน แต่หยุดเพราะถูกพวกหัวรุนแรงประกาศล่วงหน้าบังคับให้กิจกรรมทุกอย่างหยุดหมด ที่เรียกว่า เบินดฮ์ (bandh) ดิฉันตื่นตอน 6 โมงเช้า หลับสบาย อากาศดีมากเหมือนหน้าหนาวที่กรุงเทพฯ ทั้งๆที่เป็นเดือนเมษายนแล้ว ดิฉันนั่งอ่านหนังสือเพื่อเตรียมบรรยายเรื่องสังคมและการเมืองไทยแม้จะไม่ใช่ field ดิฉันแต่ก็ผสมผสานไปกับประสบการณ์ที่มีอยู่ นั่งทำไปได้ส่วนหนึ่ง ราวๆ 8 โมงเช้าอาจารย์ ก เรียกให้ไปทานอาหารเช้าเริ่มด้วยขนมปังปิ้ง+ชานมร้อนๆ อร่อยมาก เรานั่งคุยกันที่โต๊ะอาหาร ท่านเปรยๆ ว่าอยากพาครอบครัวไปเที่ยวเมืองไทย ดิฉันก็รับฟังไว้ ยังไม่ทราบว่าจะช่วยอย่างไร
อาจารย์ท่านนี้แม้จะเป็นชาวไทอาหม แต่บรรพบุรุษท่านได้แต่งงานผสมผสานกับชาวอินเดียที่เป็นฮินดูจนหน้าตาท่านรวมถึงลูกๆ ท่านคล้ายคนอินเดียมากกว่าคนไท แต่วิถีบางอย่างตลอดจนผลงานวิชาการของท่านเน้นไปที่กลุ่มไท
ดิฉันขออนุญาตท่านไปใช้ internet ลูกชายไปช่วยเปิดให้ เพราะต้องเปิดหลายปุ่มมาก ตอนหลัง
ดิฉันเรียนรู้ก็ทำเองได้ ดิฉันไปค้นงานที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อการเตรียมบรรยาย ท่านเองก็ติดต่อประสานงานกับพรรคพวกที่เป็นไทอาหม ท่านบอกว่าแม้ว่าวันนี้จะหยุดประท้วง ท่านจะพาดิฉันไปเยือนพวกที่เรียกว่าเป็นพวกก่อการร้าย (insurgency) ดิฉันคิดว่าท่านพูดทีเล่นทีจริงหรือเปล่า นึกสยองๆ ในใจว่าจะเกิดอะไรไหม ท่านบอกว่าเขาไม่ทำร้ายมองโกลอยด์ (พูดเล่นๆ มากกว่า) เพราะเขาต้องการปกป้องทรัพยากรที่มีอยู่ อาจารย์ดูจะต่อต้านพวกเมืองหลวงมากๆ พวกเมืองหลวงถึงไม่อยากให้ดิฉันมา หรือเขาเองก็อาจจะไม่กล้ามาด้วย ดิฉันว่าสภาพที่ชนกลุ่มชาติพันธุ์รู้สึกว่าถูกอำนาจรัฐกดขี่ ขูดรีดเอาผลประโยชน์ไป แต่กลับไม่ได้รับความเป็นธรรม และการพัฒนาอย่างที่ควรจะเป็น พวกเขาจึงต้องต่อสู้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง โดยหลักการตอนแรกๆ เป็นอย่างนั้น ต่อมาอุดมการณ์อาจเปลี่ยนไปกลายเป็นการใช้ความรุนแรงเพราะมีหลายฝักหลายฝ่าย และกลายเป็นผลประโยชน์ของกลุ่มมากกว่าทำเพื่อส่วนรวม พวกหัวรุนแรงจึงกลายเป็นก้างชิ้นใหญ่ทั้งของรัฐอัสสัม รัฐอื่นๆ ในอีสานโดยภาพรวมและรัฐบาลกลาง
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มิได้หมายความว่ารัฐบาลกลางไม่ได้เอาใจใส่นะคะ รัฐบาลกลางทุ่มเทงบประมาณให้เจ็ดศรีพี่น้องทั้งอีสานของอินเดียได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเดินทาง การลดภาษี การศึกษา ตลอดจนงบการพัฒนามากมาย รวมถึงการสนับสนุนให้พวกเราเข้าไปร่วมมือกับรัฐในภาคอีสานเหล่านี้ในการพัฒนา ฯลฯ แต่เท่าที่เห็น รัฐบาลประจำรัฐยังไม่สามารถกำกับ ดูแลช่วยเหลือในด้านต่างๆ ให้ตกไปถึงมือประชาชนอย่างเท่าเทียมและมีประสิทธิภาพ เนื่องจากมีความไม่สงบเกิดขึ้นบ่อยๆ มีกลุ่มผู้หวังดีประสงค์ร้ายต่อบ้านเกิดตนเองที่เป็นเนื้อร้ายคอยบ่อนทำลายบ้านตัวเอง กัดกินเนื้อตัวเอง ทำให้การ
พัฒนาที่รัฐตั้งใจจะมอบให้กลายเป็นการด้อยพัฒนาไป งบประมาณหมดไปกับการพัฒนาแบบไม่มีคุณภาพและไม่ยั่งยืน ดิฉันไม่อยากเทียบว่าสถานการณ์ที่นี่อาจจะน้องๆ สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ไม่แรงเท่าของเรา คนที่นี่คุ้นชินกับความรุนแรงมาโดยตลอด จนเขารู้ว่าทำอย่างไรจึงจะปลอดภัย
กลับเข้ามาที่ฉากบ้านอาจารย์ต่อนะคะ อาจารย์ช่วยกรุณาโทร. ไปจองตั๋วรถให้ดิฉันกลับวันที่ 15 เมษายน เพราะท่านอยากให้อยู่ร่วมฉลองเทศกาลบิฮูที่นี่ ไหนๆ มายากแล้วต้องอยู่จนวินาทีสุดท้าย ท่านบอกว่าถ้าเกิด bandh วันที่ 15 อาจต้องไปขึ้นรถที่ Jorhat เพื่อนั่งแท็กซีกลับไปกุวาฮาตี ดิฉันก็ภาวนาว่าขออย่าให้ประท้วงในวันนั้นเลยเกรงจะตกรถ แต่คนที่นี่เขาจะมีวิธีการแก้ปัญหาได้ในที่สุด
ปัญหามีไว้ให้แก้ จริงไหมคะ
------------------------
ขอเชิญท่านที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับอินเดีย สมัครเรียนในหลักสูตรปริญญาโท สาขาวัฒนธรรมและการพัฒนา วิชาเอกอินเดียศึกษา ตั้งแต่บัดนี้ถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2551 โปรดเข้าชมรายละเอียดใน www.lc.mahidol.ac.th โทร. 02-800-2308-14 ต่อ 3101 โทร. 02-800-2323
แวะมาอ่านและทักทาย
ขอบคุณค่ะ
มีความสุขในทุกๆวัน นะคะ
เรียนคุณสายธาร
ขอบคุณมากค่ะ ขอให้พรนั้นสนองคุณเช่นกันค่ะ
อาจารย์โสภนาครับ
อัสสัมยังต้องการการพัฒนาอีกมากและก็น่าจะเป็นโอกาสของนักธุรกิจไทย
เข้าไปในรูปแบบที่เหมาะสมกับระดับของความต้องการและสอดคล้องกับวิถีชีวิต ซึ่งคงไม่ใช่การลงทุนรายใหญ่ แต่น่าจะเป็น SME และใช้เวลาพอสมควร
ที่ผมเห็นว่าน่าสนใจคือการท่องเที่ยวทางด้านวัฒนธรรม น่าจะมีศักยภาพครับและที่ทราบก็คือเคยมีสายการบินไทยบินไปลงที่กูวาฮาตี แต่เลิกไปแล้ว ดังนั้นหากการเดินทางไปได้สะดวกก็น่าจะทำให้การท่องเที่ยวของเมืองเจริญขึ้นครับ
ที่อยากทราบคือมีวัดพุทธศาสนามากไหมครับ
เรียน ท่านพลเดช
ยังมีวัดพุทธศาสนาในหมู่บ้านไทคำตี่ ไทพ่าเกซึ่งอยู่ไกลมาก และหนทางเข้าหมู่บ้านแสนจะกันดารมากค่ะ หมู่บ้านไทอาหมมีแต่วัดฮินดูเท่านั้นค่ะ
เห็นด้วยค่ะ ดิฉันว่า SME น่าจะสอดคล้องกับความต้องการของเขา ขอเชิญชวนท่านพลเดช และนักธุรกิจให้ไปสำรวจพื้นที่เพื่อหาลู่ทาง ดิฉันว่าเขาต้องการการพัฒนาอีกมากค่ะ