52 : ตัดสินใจอยู่นานว่าจะโชว์แผลที่ก้นกบตัวเองดีไหม


ผมลองเสนอดูนะครับ เพราะชีวิตคนเรา แม้แต่คนปกติ ถ้าป่วย วันหนึ่งมีแค่ 24 ชั่วโมง เราคงหมดไปกับความกังวลใจ เสียเวลากับการที่จะต้องมาดูแล หรือเอาใจใส่ จึงเสนอให้รักษาให้หายขาดไปเลยครับ

52 : ตัดสินใจอยู่นานว่าจะโชว์แผลที่ก้นกบตัวเองดีไหม

สวัสดีครับ เพื่อนๆ ทุกคน ผมตัดสินใจอยู่นานพอสมควรว่าจะนำภาพแผลเป็นที่ก้นกบ ที่เกิดจากแผลกดทับ มาให้เพื่อนๆ ได้ดูกันดีไหม มันจะดูอุจาดตารึเปล่า ผมพยายามตัดต่อรูปให้ดูดีที่สุด ไม่น่าเกลียด และให้มีรอยแผลเป็นอยู่ครบถ้วน เชิญดูกันเลยครับ


 

ภาพที่เห็นนะครับ ขอยืนยันว่าเป็นก้นกบผมเอง เพื่อไม่ให้น่าเกลียดจึงตัดต่อภาพมาให้แค่นี้นะครับ แต่ผมคิดว่าก็มีความจำเป็นสำคัญอีกที่ทุกคนควรจะจินตนาการต่อ เพื่อให้ได้นึกภาพออกว่า แผลเป็นนี้ใหญ่ขนาดไหนนะครับ

เริ่มจากตามภาพผมกำลังนอนตะแคงอยู่ บนและล่าง ถ้านึกต่อจะเป็นแก้มก้นครับ ด้านขวาคือตั้งแต่เชิงกรานไปแผ่นหลังครับ ส่วนด้านซ้าย (นึกแล้วหวาดเสียวครับ ไม่อยากให้นึกอะไรไปมากกว่านี้) เป็นส่วนที่เชื่อมต่อผ่านก้นไปยังช่วงขาหน่ะครับ ถ้านึกภาพตามแล้วจะเห็นว่า แผลเป็นตามรูปข้างบนนั้น ในสมัยแรกๆ ที่ผมเป็นแผลกดทับนั้นมันใหญ่จริงๆ เป็นไข้ 39.5 องศาเซลเซียสทุกวัน ร่วม 2 เดือน

จริงๆ แล้ว ผมเคยเขียนบทความเรื่องนี้มาแล้ว แต่ผมใช้ภาพที่ผมวาดเองประกอบการเขียนบทความ ตอนนั้นใจยังไม่กล้าพอ ก็คือเขียนแล้ว แล้วก็คงไม่จำเป็นต้องเขียนอะไรอีกมากมาย แต่เป็นเพราะผมได้มีโอกาสไปฝึกอบรม การใช้โปรแกรมปฏิบัติการบนเว็บไซต์ให้เพื่อนผู้พิการที่ชลบุรี ผมจึงได้ทราบว่า คุณ อ. (ขอเลียนแบบหนังสือพิมพ์ครับ) เพื่อนร่วมโครงการ Caller Ring ได้เป็นแผลกดทับเรื้อรัง

ซึ่งก็สามารถสร้างความหนักใจให้กับผมมากๆ เพราะ พี่ อ. เป็นแผลกดทับแบบลึก คือเป็นข้างใน เพราะหนังด้านนอกมันปิดเนื้อที่ตายอยู่ จึงเป็นอยู่อย่างนี้เป็นปี ผมว่านะ ถ้าผมต้องเป็นอย่างงั้น ผมควรจะทำอย่าไร

หลังจากพิมพ์บทความนี้เสร็จสมบูรณ์ ผมจะรีบส่งลิ้งค์บทความนี้ให้ พี่ อ.ทันที เพราะผมจะเสนอ พี่ อ.ว่า ถ้าเป็นผม ผมจะผ่าตัดเล็กเพื่อเปิดเนื้อออกเป็นในแนวกว้าง คือไม่ใช่คว้านเนื้อ เพราะ พี่ อ. อาจจะร่างกายแข็งแรง เพราะแกเคยคว้านเนื้อแล้ว เนื้อด้านนอกก็ดี แต่ข้างในไม่ดี ดังนั้นถ้าเป็นผมก็จะเปิดให้ใหญ่ไปเลย อาจเป็นเพราะว่า ผมเคยเป็นแผลใหญ่มากมาแล้วตามภาพ

ผมลองเสนอดูนะครับ เพราะชีวิตคนเรา แม้แต่คนปกติ ถ้าป่วย วันหนึ่งมีแค่ 24 ชั่วโมง เราคงหมดไปกับความกังวลใจ เสียเวลากับการที่จะต้องมาดูแล หรือเอาใจใส่ จึงเสนอให้รักษาให้หายขาดไปเลยครับ

ขอย้ำครับ เป็นแค่ข้อเสนอแนะเฉยๆ ครับ สุดท้ายขึ้นอยู่กับองค์ประกอบส่วนบุคคลอยู่แล้วครับ

ขอบคุณครับ

ปรีดา ลิ้มนนทกุล (ผู้ทุพพลภาพมืออาชีพ)

หมายเลขบันทึก: 220167เขียนเมื่อ 1 พฤศจิกายน 2008 15:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 มิถุนายน 2012 10:23 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

-ขอบคุณค่ะ เรื่องเจ็บไข้ ได้ป่วยนี้ เป็นเรื่องสำคัญจริงๆ มีผลไปถึงจิตใจได้

-ขอให้หายเร็วไวนะคะ อย่าได้เจ็บไข้ได้ป่วยกันเลย

  • มาเป็นกำลังใจให้คุณปรีดาค่ะ

ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้คุณปรีดาหายไว ๆ นะคะ

สู้ ๆ ค่ะ

 

เป็นกำลังใจให้หายไวๆ นะครับ

อ่านบล๊อกของคุณปรีดา

ให้ความรู้อย่างยิ่ง

สำหรับการเตรียมตัวดูแลคุณแม่ที่ป่วย

และช่วยเหลือตัวเองได้น้อย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท