หลังละหมาดอีชารอซีดี เลิศอริยพงษ์กุล ชวนผมไปมาแกแต (ดื่มชา)ที่ร้านสิโรรส 4 ซึ่งเป็นร้านประจำที่พวกเราแวะมาแกแตบ่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงวัยเรียนและทำกิจกรรม ช่วงที่รวมกลุ่มในนามยุวมุสลิมยะลา (ย.ม.ย.) ร้านแบเลาะฮฺ ซอย 4 หรือสิโรรส 4 เปรียบเสมือนสโมสรของนักกิจกรรมของ ย.ม.ย. ที่มีน้ำชากาแฟ ขนม นมวัว หรือชานมสด และอาหารครบสูตร แล้วแต่ชอบ พวกเราตอนนั้นมักจะมานั่งดื่มชา กาแฟกันเป็นกลุ่ม ดื่มไปคุยไปหลากหลายประเด็น ทั้งประเด็นที่ได้จากการอ่านหนังสือ บทความ หนังสือพิมพ์ หรือเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นที่สมาชิกในกลุ่มสนใจ หรือแม้แต่ประเด็นที่สมาชิกชงขึ้นสดๆก็จะร่วมกันถกและเถียงกันเป็นชั่วโมงๆเป็นที่รับรู้และเข้าใจของแบเลาะฮฺเจ้าของร้าน รวมถึงการประชุมย่อยๆ ซึ่งจากการที่พวกเรานั่งปรึกษาหารือกันที่ร้านก็แน่นอนว่ามีคนได้ยินได้ฟังสิ่งที่เราพูดคุยกัน หลายคนก็เข้ามาบอกว่า ยินดีให้การสนับสนุนบ้างก็สนับสนุนเป็นเงิน สิ่งของ บ้างก็อาสาให้บริการรถยนต์ บางคนไม่มีเงินก็ขอลงแรงช่วย รวมถึงเจ้าของร้านเองก็เป็นผู้ให้การสนับสนุนรายใหญ่ในการจัดค่ายอบรมเยาวชนของ ย.ม.ย.ในอดีต
คืนนี้ที่ร้านผมกับรอซีดีเจอกับคุณมันโซร์ สาและอดีตนายกสมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทย (ย.ม.ท.) หลายสมัยก็คุยกันหลายเรื่องโดยเฉพาะเรื่องหนังสือและการพิมพ์หนังสือซึ่งคุณมันโซร์ สาและรับพิมพ์งานด้านนี้อยู่ สักพักคุณมันโซร์ก็ลากลับ
ผมจึงสอบถามรอซีดีเกี่ยวกับงานที่เขารับผิดชอบอยู่ เขาดูแลเรื่องการให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันโรคติดเชื้อเอช.ไอ.วี.ในพื้นที่ภาคใต้รวมถึงสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย
ข้อมูลที่เขาให้ที่จำได้ก็คือ ในแต่ละวันทั่วโลกมีคนติดเชื้อเอช.ไอ.วี.วันละ 6,800 คน และตายจากเชื้อนี้วันละ 5,700 คน
เป็นสถิติที่ยังมากโขอยู่
และจากการพูดคุยได้ข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจและน่าตกใจไม่น้อย ทั้งในภาพรวมและในพื้นที่เอง
เป็นข้อมูลที่ทำให้คนทำงานอิสลามต้องทำงานเชิงรุกมากว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว
จะรอให้ความรู้ความเข้าใจในสถาบัน ในโรงเรียน หรือในมัสยิดอย่างเดียวคงไม่ทันกาลแล้วละครับ
ขออัลลอฮฺทรงปกป้องข้าพระองค์ ครอบครัวของข้าพระองค์ บรรดามุอฺมินีน มุอฺมีนาต บรรดามุสลีมีน และมุสลีมาตด้วยเถิด อามีน
สวัสดีค่ะ อาจารย์
ขอบคุณค่ะอาจารย์ สบายดีนะคะ
สมัยที่ผมทำงานกับสำนักงานคณะกรรมการอิสลาม ผมเคยเข้าร่วมโครงการลักษณะนี้อยู่เหมือนกัน คำถามที่เกิดขึ้นกับผมช่วงนั้น คือ ทำไมมุสลิม(หรือมุสลิมะฮฺ)เป็นเอ็ดส์ด้วย ? ก็พยายามคิดคำตอบด้วยตัวเอง เพราะการแก้ปัญหาต้องแก้ที่ต้นเหตุ
ผมว่าใครมีส่วนต้องช่วยเหลือกัน โดยเฉพาะฝ่ายปกครองอย่าให้เป็นปาว่าตาขยิบ
โห..เป็นตัวเลขที่น่ากลัวนะคะ..
อย่างนี้ต้องหาทางดูแล แก้ไข ร่วมด้วยช่วยกันทุกฝ่ายนะคะ..
ด้วยความระลึกถึงอาจารย์และครอบครัวอบอุ่นค่ะ..^^
สวัสดีครับครูอ้อย
การแก้โรคเอดส์ แก้ด้วย"ความรู้" อย่างเดียวไม่พอ
ต้องแก้ด้วย "ความรัก" จึงจะเห็นผลครับ
ขอบคุณครับ
ครับอาจารย์Ibm ครูปอเนาะ ที่น่าเศร้าก็คือ คนดีๆ กลับได้รับผลกระทบเพียงเพราะไม่ทราบ และไม่เคยคาดคิดว่าตนเองจะต้องเผชิญกับมัน ปัจจุบันแม้ใครจะคิดว่าตนเองไม่ใช่คนที่มีพฤติกรรมเสี่ยง แต่ก็ใช่ว่าจะปลอดภัยนะครับ คือถ้าดูจากพฤติกรรมภายนอกนี่ไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยครับ เท่าที่คุยนี่มีทุกเคส ที่ฟังแล้วน่าตกใจมากครับ
ผมชอบไอเดียนี่จัง "การแก้โรคเอดส์ แก้ด้วย"ความรู้" อย่างเดียวไม่พอ ต้องแก้ด้วย "ความรัก" จึงจะเห็นผลครับ"
ขอบคุณมากครับ