93. ผลกระทบจากแสดงแดดต่อผิวหนัง

ผลกระทบจากแสดงแดดต่อผิวหนัง

ขอเสนอต่อเนื่องจากครั้งก่อน เนื่องจากคุณ krutoi ได้ให้ข้อคิดเกี่ยวกับเรื่องของวิตามิน Dจากแสงแดดว่า “ช่วงเวลาที่ควรรับวิตามิน D จากแสงแดด ควรเป็นช่วง เวลาก่อน 9โมงเช้า และหลัง 3โมงเย็น แต่ krutoiว่า ปัจจุบันนี้ 8 โมงเช้า ก็ร้อนมากแล้ว และหลัง 4 โมงเย็นก็ยังร้อนมากอยู่เลย”

จึงเห็นว่าควรเสนอให้ต่อเนื่องกับคุณ krutoi ดังนี้

แสงอาทิตย์ประกอบด้วยรังสีต่างๆ ที่สามารถมองเห็นและมองไม่เห็นด้วยตา รังสีที่สำคัญ

คือ Ultraviolet-A (UVA), Ultraviolet-B (UVB) ซึ่งมองไม่เห็นด้วยตาและเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดโรค

ทางผิวหนังบางชนิดได้

ผลกระทบจากแสดงแดดต่อผิวหนัง
1. ผิวไหม้จากแดด ช่วงเวลา 10.00-15.00 น. เป็นเวลาที่แสงแดดมีความรุนแรงมากที่สุด หากต้องอยู่กลางแจ้งในช่วงเวลานี้นานๆ จะมีโอกาสผิวไหม้ แดง จากแดด บางคนอาจเกิดอาการบวม แดง พอง หรือมีไข้ คลื่นไส้ได้
2. อาการแพ้แดด อาการที่สำคัญ คือ ผื่น หรือผื่นพอง โดยส่วนใหญ่เกิดจากปฏิกิริยาเสริม

เช่น ยาหรือสารเคมีบางชนิด เช่น น้ำหอม เครื่องสำอางบางชนิด
3. มะเร็งผิวหนัง น่ากลัวที่สุดจากแสงแดด คือ มะเร็งผิวหนัง หากได้รับแสงแดดแรงเกินไป หรือได้รับเป็นเวลานาน โดยไม่ได้ทาครีมป้องกันแสงแดด อาจก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังชนิดต่างๆ ซึ่งผิวส่วนที่ไม่ถูกแดดก็อาจเป็นมะเร็งผิวหนังได้ จากสถิติพบว่ามะเร็งผิวหนังที่เกิดกับผิวส่วนที่ถูกแดดจริงๆ มีเพียง 22% เท่านั้น ที่เหลือจะเกิดกับผิวส่วนที่ไม่ถูกแสงแดดสม่ำเสมอ เช่น จากไฝหรือผิวที่มีเม็ดสีผิดปกติต่างๆ แม้ในร่มผ้าก็มีสิทธิ์เป็นมะเร็งได้เช่นกัน เพราะแสดงแดดจะทำให้ความต้านทานของผิวทั้งหมดลดลง ไม่ใช่แค่เฉพาะส่วนที่ถูกแดดเท่านั้น ไม่ว่าผิวส่วนไหนก็อาจเป็นมะเร็งได้ หากพบจุดด่างดำที่ผิดปกติบนผิวหนังที่แผ่กว้างขึ้น หรือมีเลือดออก เปลี่ยนขนาด รูปร่างหรือสีที่ผิดไป ให้รีบไปพบแพทย์ อย่าปล่อยทิ้งไว้
4. ตีนกา รอยย่น ตีนกาที่เกิดบนใบหน้า นอกจากการสูบบุหรี่ที่ส่งผลดังกล่าวแล้ว แสงแดดก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งโดยเฉพาะผู้ที่ไม่ได้ป้องกันด้วยการทาครีมกันแดด เมื่อต้องทำงานกลางแจ้ง จะทำให้ผิวหนังมีรอยย่อ ตกกระ ดูแก่ก่อนวัย ซึ่งการป้องกันควรทำตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 20 ปี

5. กระ มักพบในผู้ที่มีผิวขาว ผิวบาง และเกิดขึ้นกับบริเวณผิวหนังที่ถูกแสงแดดมาก เช่น ใบหน้า กระจะมีสีและต่างกัน กระไม่เป็นอันตรายต่อผิวหนังเนื่องจากไม่กลายเป็นเนื้อร้าย แต่หากเกิดผื่นขึ้นควรปรึกษาแพทย์เพื่อวิเคราะห์ว่าเป็นมะเร็งผิวหนังหรือไม่ สาเหตุของกระมาจากแสงแดด และกรรมพันธุ์ สามารถป้องกันได้โดยการหลีกเลี่ยงแสงแดด และทาครีมป้องกันแดด

วิธีปกป้องผิวจากแสงแดด
          1. ทาโลชั่นหรือครีมกันแดดก่อนออกแดดอย่างน้อย 2 ชั่วโมง และควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีค่า SPF (Sun Protect Factor) อย่างน้อย 15 เท่า เพราะค่า SPF ที่สูงจะสามารถปกป้องคุณจากแสงแดดได้ดีกว่าครีมกันแดดที่มีค่า SPF ต่ำกว่า กรณีว่ายน้ำควรเลือกผลิตภัณฑ์ป้องกันแสดงชนิดกันน้ำ
          2. ผู้ที่ทำงานในที่ร่มหรือในห้องปรับอากาศก็ควรทาครีมป้องกันแดด เพราะที่ที่มีแสงแดดลามเลียเข้ามาได้ย่อมมีรังสี UV เสมอ
            3. ควรสวมหมวกหรือกางร่มเมื่อจำเป็นต้องสัมผัสแดด การสวมหมวกไม่สามารถปกป้องผิวในช่วงหูและคอได้ ควรสวมหมวกปีกกว้างจะดีกว่า
            4. สำหรับริมฝีปากควรทาลิปสติกที่มีสารกันแดด และควรสวมแว่นตากันแดดเพื่อถนอมสายตา
            5. หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งช่วงเวลาแดดแรงจัดระหว่าง 10.00 – 15.00 น.
            6. ผู้ที่หลงใหลในการอาบแดด หรือชอบให้ผิวเป็นสีแทน ไม่ควรให้ส่วนใดส่วนหนึ่งโดนแสงแดดเพียงด้านเดียวเป็นเวลานานเกินไป

วิธีการเลือกใช้ครีมกันแดด
            1. เลือกให้เหมาะกับสภาพผิว
                      ครีมกันแดดที่มี SPF15++ ขึ้นไป ที่ระบุว่าป้องกันได้ทั้งรังสี UVA (ที่ทำให้เกิดรอยย่น) และ UVB (ที่ทำให้ผิวไหม้แดด) เลือกชนิดกันน้ำได้ (Water Resistane) หากต้องสัมผัสน้ำ เช่น การว่ายน้ำ และหากมีผิวบอบบาง แพ้ง่าย ให้เลือกที่มีส่วนผสมของไททาเนียมไดออกไซด์และปราศจากน้ำหอม
          2. เลือกตามประเภทกิจกรรม
                      เช่น ตากแดดมากควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงขึ้น หรือว่ายน้ำควรใช้ครีมกันแดดที่กันน้ำได้ เป็นต้น
          3. เลือกตามกำลังทรัพย์
                      บางคนชอบซื้อขวดเล็กเพราะประหยัด ที่ถูกคือต้องซื้อขวดใหญ่และทาให้ทั่วก่อนออกจากบ้าน อย่าลืมทาบริเวณที่นึกไม่ถึง เช่น หลังใบหู เปลือกตา และด้านหลังน่อง ควรทาซ้ำ ทุกๆ 90 นาทีหากอยู่กลางแดดตลอดเวลาและไม่ควรใช้หลายยี่ห้อผสมกัน เพราะส่วนผสมในครีมกันแดดจะมีความเข้มข้นไม่เท่ากัน เนื่องจากพื้นฐานของสารเคมีต่างกันจึงควรใช้ยี่ห้องเดียวจะได้ผลกว่า

ที่มา : วารสารข่าวธรรมนิติ ฉบับที่ 30 / มิถุนายน 2549