ตัวอย่างของการจัดการความรู้ขยายผลได้เอง
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ บางเขน ศูนย์อนามัยที่ 1 กรมอนามัย
เป็นตัวอย่างของการจัดการความรู้ ที่สามารถนำความรู้และ แนวคิดวิธีการ
มาใช้ในงานประจำ ดังตัวอย่างของ
อัญชิษฐา วงศ์บุญมี เจ้าหน้าที่คลินิกสุขภาพตรวจโรคทั่วไป
รพ.ส่งเสริมสุขภาพฯ เล่าว่า
“หลังจากที่กรมอนามัย จัดเวทีให้ รพ. นำร่องกว่า 30
โรงพยาบาลในสังกัดกรมอนามัย มาทำเรื่องการจัดการความรู้กันขึ้น
ก็มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันในเวที
ซึ่งตนได้นำเครื่องมือและองค์ความรู้ต่างๆ ที่ได้จากเวทีครั้งนั้น
กลับมาใช้กับผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่กลุ่มเสี่ยงที่เป็นโรคเบาหวาน
โดยวิธีการจัดเวทีจริงแล้วผู้ป่วยโรคเบาหวานทุกคนมีศักยภาพในการดูแลตัวเองอยู่แล้ว
ทุกคนรู้ว่าอะไรควรกินหรือไม่กิน แต่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
แต่เมื่อมีการตั้งกลุ่มผู้สูงอายุขึ้นมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน
ทำให้เห็นมุมมองในการดูแลตัวเอง การควบคุมน้ำตาลในเลือด
ทำให้ผู้ป่วยการมีเพื่อนร่วมคิดร่วมทำ
มีมุมมองและวิธีการในการดูแลตัวเองมากขึ้น
ซึ่งเมื่อเข้ากลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้แล้ว
ทุกคนมีเรื่องเล่าและวิธีการลดน้ำหนัก
และทุกคนก็มีเรื่องเล่าที่จะมาแลกเปลี่ยนกันในเวทีทุกวันจันทร์
หลังจากเวทีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ผู้ป่วยก็สามารถลดน้ำตาลในเลือดได้มากขึ้น
มีสุขภาพที่ดีขึ้น”
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเปิดเผยว่า “หลังจากได้ร่วมเวที
การแลกเปลี่ยนเรียนรู้สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
เดิมตัวเองมีปัญหาเรื่องน้ำตาลสูง น้ำหนักเยอะ ไขมันในเลือดมาก
ซึ่งจะส่งผลให้เจ็บป่วยบ่อย จากนั้นก็เลยมาสมัครเข้ากลุ่ม
เพื่อเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่ง
เพราะตนเองก็ยังไม่มีความรู้ในด้านนี้
ซึ่งปกติเราเป็นคนไม่ทานผักผลไม้เลย
ไม่ได้ปลูกฝังลูกด้วยที่บ้านไม่เคยทานเลย หมอก็เริ่มแนะนำ
การกินและจัดโปรแกรมมาว่าวันหนึ่งทานอะไรบ้าง
แล้วพี่ก็มาสรุปให้ฟังว่าวันนี้ไม่ใช่แล้วนะวันนี้กินอันนี้เยอะไป
วันนี้อันนี้น้อยไปก็เริ่มใหม่อีกครั้ง
อีกเดือนหนึ่งก็เริ่มปรับตัวใหม่เริ่มทานตามที่หมอบอก กินผัก
ผลไม้ก็เริ่มทานมากขึ้น จากเมื่อเดือนกรกฎาคมถึงกันยายนคอเลสเตอรอล
200 กว่าๆก็ลดลง และกรดก็ลดลงมาเยอะ
ทำให้เอวจาก 33
เหลือ 29 ยังตกใจเลย ว่าหมอวัดผิดหรือเปล่า
ซึ่งไม่ใช่เฉพาะอาหารเท่านั้น แต่ยังแนะนำเรื่องออกกำลังกาย
ในท่าที่ไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน รู้สึกว่ามันสบายไม่เครียด
นอนทำก็ได้ นั่งทำก็ได้ ทำตอนมีเวลาว่าง
เพราะหมอและเพื่อนก็ให้กำลังใจตลอดเวลา”
คุณอัญชิษฐา กล่าวและว่า
ภายหลังจากที่โครงการเริ่มต้นไปได้ระยะหนึ่งเครื่องมืออย่างหนึ่งของ
สคส. คือการเล่าความสำเร็จ
เพราะเวลาถกปัญหาก็จะมีแต่ความถดถอยไม่มีกำลังใจ
แต่ถ้าหากเล่าถึงความสำเร็จ ก็จะทำให้เกิดกำลังใจทำให้เรามีแรงกระตุ้น
ที่จะพัฒนางานพัฒนาตัวเองให้มากขึ้น
ซึ่งนอกจากการนำเครื่องมือการจัดการความรู้มาใช้ในองค์กรแล้ว
ยังทำให้หน่วยงานอื่นๆในโรงพยาบาลหันมาสนใจการจัดการความรู้มากขึ้น
โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนางานของตัวเองให้ดีขึ้นต่อไป
ศรีวิภา
เลี้ยงพันธุ์กุล กรรมการและเลขานุการ
สำนักที่ปรึกษาคณะทำงานส่งเสริมกิจกรรมสร้างความรู้ กรมอนามัย เล่าว่า
โดยช่วงแรกๆ การจัดการความรู้ ยังไม่ค่อยชัดเจน
และบุคลากรจะเกร็งกับการนำเครื่องมือมาใช้
และต้องทำความเข้าใจและตีความกันว่า การจัดการความรู้ คืออะไร
ซึ่งตนเห็นว่ากระบวนการจัดการความรู้จริงๆ
คงไม่ใช่เรื่องที่ต้องนั่งทำความเข้าใจกัน หากแต่เริ่มทำ
ก็จะรู้ว่าไม่ได้เป็นภาระงานที่แยกส่วนกันเลย
ซึ่งหากทำแล้วเกิดปัญหาอะไรก็จะนำมาคุยกันมากกว่า
มีการโดยมีหน่วยงานกว่า 30 หน่วยงาน สังกัดกรมอนามัย
มาร่วมเรียนรู้กัน
ในลักษณะตลาดนัดความรู้ซึ่งเป็นประเด็นที่พูดถึงการพัฒนางาน
ซึ่งมีเป้าหมายเดียวกันคือให้งานสำเร็จ แต่วิธีการอาจจะต่างๆกัน
ซึ่งโดยรวมแล้วเป็นการเคลื่อนงานของทั้งองค์กร โดยหน่วยงานย่อย
และส่วนกลาง เพื่อเป็นการพัฒนางานอย่างต่อเนื่องและทันสถานการณ์
โดยมีขั้นตอนการดำเนินงาน
1. จัดอบรมผู้บริหารของหน่วยงานในสังกัดกรมอนามัย
ว่าด้วยการบริหารจัดการความรู้
2. ประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ
เพื่อจัดทำแผนบริหารจัดการความรู้ของหน่วยงาน
3. ประสาน สนับสนุน
ให้เกิดการพัฒนาเป็นชุมชนแนวปฏิบัติบริหารจัดการความรู้
และพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ของหน่วยงาน ( COP-CKO
กลุ่มแกนนำในการบริหารจัดการความรู้)
4. การจัดเวทีแลกเปลี่ยนบทเรียน
การบริหารจัดการความรู้ของหน่วยงาน โดยแลกเปลี่ยนBest Practice
Model
5.การศึกษาดูงานหน่วยงานที่ประสบผลสำเร็จ
เกี่ยวกับการบริหารจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างวิสัยทัศน์ของบุคลากร
6. จัดให้มีการประเมินผลการบริหารจัดการความรู้ของกรมอนามัย
ทั้งในระดับหน่วยงาน และระดับกรม
เพื่อให้เกิดการพัฒนาจัดการความรู้อย่างต่อเนื่อง
ซึ่งโดยรวมแล้วคณะทำงานหวังว่าตัวอย่างของการจัดการความรู้
ที่กรมอนามันอยากให้เป็น คือ
ผู้ปฏิบัติคนนั้นทำเรื่องการจัดการความรู้โดยคิดว่าเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตการทำงาน
ซึ่งน่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ได้ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันมากขึ้น
และสิ่งหนึ่งที่วิชาการชอบทำเสมอๆ คือการแปลงความรู้ (Explicit
Knowledge) ให้สามรถนำมาใช้ประโยชน์ได้
อย่างไรก็ตามกรมอนามัย
ได้รับความร่วมมือจากสถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม(สคส.)
เป็นที่ปรึกษาในการให้แนวทางการดำเนินการเรื่องการจัดการความรู้ในองค์กร
ซึ่งมีเครื่องมือที่สามารถเชื่อมโยงองค์ความรู้ได้หลากหลาย
และกรมอนามัยก็เลือกเครื่องมือที่สอดคล้องกับบริบทของตนเองในการปรับประยุกต์ใช้ในองค์กรตามความถนัด
และแม้ว่าจะเป็นแค่การเริ่มต้นที่ต้องการจะนำเรื่องการจัดการความรู้มาใช้ในทุกภาคส่วนขององค์กร
แต่ในอนาคตการจัดการความรู้ในกรมอนมัยจะถูกขับเคลื่อนด้วยหน่วยเล็กๆในองค์กร
ที่สามารถใช้การจัดการความรู้มาใช้กับการพัฒนาหน่วยงานย่อยทุกหน่วยงาน
จนสามารถนำจิ๊กซอว์เล็กๆ
ที่จะนำประสบการณ์ความสำเร็จในเรื่องการจัดการความรู้
มาต่อเป็นภาพใหญ่ของกรมอนามัย
ที่กำลังย่างก้าวสู่การจัดการความรู้ได้อย่างเต็มรูปแบบได้ในไม่ช้า.
พญ.นันทา
อ่วมกุล
ผู้อำนวยการสำนักที่ปรึกษา คณะกรรมการพัฒนาระบบบริหารความรู้
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ถนนติวานนท์
จ.นนทบุรี
โทร.02-5918147
E-mail : nanta@health. moph.go.th
น้องเป็นพยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานในศูนย์สุขภาพชุมชนแห่งหนึ่งในจังหวัดสงขลา ได้มีโอกาสเข้าอบรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้และถอดบทเรียน จึงทำให้เกิดความสนใจในการนำ km มาประยุกต์ใช้ในการทำงานแต่การทำค้นข้างยุ่งยากและไม่เข้าใจเนื้อหาเท่าที่ควรประกอบกับภาระหน้าที่ที่มากพอสมควรทำให้การสร้างโอกาสเรียนรู้กันระหว่างเจ้าหน้าที่มีน้อยและเมื่อนำมาใช้กับผู้ป่วยและคนในชุมชนทำให้ความเข้าใจของเจ้าหน้าที่บางครั้งจูนกันไม่ได้ จึงต้องการคำแนะนำในกลวิธีในการทำkm เพื่อเพิ่มความเข้าใจและความรู้ ขอบคุณค่ะ ....น้องไอติม