Things happen for a reason


ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น มีเหตุผล (เพียงแต่ว่าเราอาจจะยังไม่ถึงเวลารู้ หรืออาจจะไม่ได้รู้เลย....แต่ว่ามี..)

สองวันที่ผ่านมา มีหลายเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นเหตุให้ได้ไปทำความรู้จักกับคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่มีความรู้สึกเหมือนจะมีอะไรลึกๆเชื่อมโยงให้คิดถึง จนต้องปลดปล่อยออกมาเป็นการเขียน เป็นการเขียนหลายๆบล็อกได้โดยเชื่อมโยงกันเป็นสายใย สิ่งที่ต้องการเอามาเล่าในบล็อกนี้ก็คือ ชื่อบันทึกนี้เอง เป็น saying (สุภาษิต หรือ คำกล่าว) ที่เราสามารถเอามาเตือนตนเอง เวลาที่มีเรื่องทำให้เรารู้สึกไม่สบายใจ คับข้องใจ ทำอะไรไม่สำเร็จ (ไล่ใครบางคนยังไง เขาก็ไม่สนใจ จะไปกาไม่เลือกใคร ก็ไม่แน่ใจว่าจะโดนโกงแบบถูกกติกูอีกหรือเปล่า)

คำกล่าวที่ว่า "Things happen for a reason" นั้นดูเหมือนจะมีพื้นฐานมาจากความเชื่อเรื่องพระเจ้า คือให้ยอมรับสภาพไม่สิ้นหวัง เชื่อมั่นถึงแม้จะทุกข์ หรือเทียบเท่ากับที่พวกเราคนไทยพุทธเชื่อเรื่องพรหมลิขิต เรื่องดวงชะตา เชื่อว่าเรื่องบางเรื่องในชีวิตของเราได้รับการกำหนดไว้แล้ว เป็นดวงที่เราไม่สามารถจะฝืนได้ คิดว่าทุกคนจะต้องมีความคิดแบบนี้เกิดขึ้นกับตัวบ้างในบางครั้ง

เมื่อมองเรื่องบางเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วเราไม่เข้าใจว่า ทำไมเหตุการณ์ถึงไม่เป็นไปแบบที่เรามองว่ามันเป็นเหตุเป็นผลกัน มีเรื่องที่เรายังหาสาเหตุไม่ได้ว่าทำไมถึงเกิดขึ้น ยังหาสาเหตุไม่ได้ ไม่ว่าจะเกิดจาก"เขา" หรือ "เรา" ก็ตาม อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจ สิ่งที่เราจะทำได้ อาจเป็นเพียงรอดูว่า  "Things happen for a reason" จริงหรือไม่

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 21647เขียนเมื่อ 30 มีนาคม 2006 00:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 22:52 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ติดตามอ่าน อย่างชื่นชม

และรออ่าน คำต่อไป

 

บางครั้ง...

เราเอาเงื่อน...มาเป็นปม..ดำเนินชีวิต..
หาก ณ วันใดใด
ที่เรา..เลือกปลด  ปล่อย..พันธนาการ แห่ง "เงื่อน" นั้น
ที่หนักอึ้ง...ในความรู้สึก..
ดำเนิน..ทุกอย่าง..อย่างธรรมชาติ
และ...ทุกอย่าง
ก็เป็นธรรมชาติ..อย่างที่เรา..ยอมรับได้
โดยปราศจาก...เงื่อนใดใด...

ขอแก้ไขเล็กๆ จริงๆแล้วศาสนาพุทธหรือพระพุทธองค์ไม่ได้ทรงสอนให้เชื่อเรื่องพรหมลิขิตหรือดวงชะตาเลย ท่านไม่ได้สอนว่าทุกสิ่งถูกกำหนดไว้ด้วยพรหมลิขิต แต่หากคนไทยพุทธส่วนใหญ่เชื่อเรื่องพรหมลิขิตเนื่องจากบางสิ่งบางอย่างเราไม่สามารถเห็นหรือสัมผัสได้ พระองค์ทรงสอนว่าในทำนองที่ว่าผลแห่งกรรมย่อมเกิดจากเหตุแห่งกรรม เมื่อไม่มีเหตุย่อมไม่มีผล แต่พระองค์ก็ไม่ได้สอนให้เราไม่ทำอะไรเลยหรือให้รอแต่ผลของกรรม เราสามารถสร้างเหตุดีต่างๆเพื่อให้ได้ผลที่ดีได้ ถึงแม้ว่าบางครั้งเราจะยังไม่สามารถเห็นผลได้ทันทีหลังจากเหตุที่กระทำ นั่นก็แปลว่ายังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสมที่ผลจะเกิดด้วยเหตุปัจจัยหลายๆอย่าง
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท