24.คิดบวกกับฝรั่งคนแรกในชีวิตฉัน


This is my family

 ว่าไปแล้วในสมัยที่ผู้เขียนเป็นเด็ก ก็ได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดกับ WHO นะ พ่อบอกว่าเขาเป็นเจ้าหน้าที่จากอนามัยโลก จะมาช่วยงานด้านอนามัยพื้นฐาน  ให้เรียกเขาว่าสำลี เป็นชื่อที่คุณพ่อตั้งให้ เรียกง่ายกว่าชื่อจริง

เวลานั้น(ผ่านมา เกิน40ปี) ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช รวมทั้งจังหวัดอื่นๆทั่วประเทศไทย ยังใช้ส้วมซึม (ส้วม คอห่าน) กันน้อยมาก  จะมีใช้ก็เฉพาะเขตเทศบาลเท่านั้น แต่ก็ไม่ทุกบ้าน คุณพ่อคงได้รับมอบหมายในโครงการเผยแพร่การใช้ส้วมซึมให้ประชาชนรู้จักและเลิกใช้ส้วมหลุมซะ เพื่อเป็นการลดการระบาดของเชื้อโรค และเพื่อสุขลักษณะที่ดี มีอนามัยที่ดี ทำนองนั้น ก่อนวันที่เจ้าหน้าที่อนามัยโลกจะเดินทางมา พวกเราก็ได้มีโอกาสกินนมผงจากอเมริกา เขาบรรจุลงในกล่องกระดาษที่หนามาก เรากินกันจนเกิดอาการเอียน คุณแม่ของผู้เขียนเห็นว่า พวกเราเริ่มเบื่อนมผงชงกันแล้ว เพราะกว่าจะได้กินนมชงต้องใช้เครื่องตีให้นมแตกตัวกระจาย และละลายไปในที่สุดจึงจะดื่มได้ จึงเอานม มากวนเป็นท๊อฟฟี่ ใส่นำกะทิ และนำตาลปี๊บอร่อยมาก หนักๆเข้า เราก็ขี้เกียจช่วยกันกวน ก็เอานมผงใส่จานแล้วก็เอานำตาลทรายโรยแล้วก็เอาช้อนตักรับประทานกัน น้องๆของผู้เขียนซนมาก ทานไปก็พ่นใส่กันเป็นที่สนุกสนาน เวลาไปล้างตัวก็จะลงในกะละมังซักผ้าใบโต นำก็จะเป็นสีขาวเหมือนแช่นำนมกันจริงๆ แต่ตอนเด็กๆ เราไม่รู้ ไม่เข้าใจอะไรมากไปกว่าคิดหาเรื่องเล่นให้สนุก

พอถึงวันที่เราจะได้เจอคุณสำลี ทุกคนตื่นเต้นมาก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่บ้านของเราจะมีอาสาสมัครชาวอเมริกัน มาอยู๋กับเรา !

และแล้วเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง ผู้เขียนเห็นรถแลนด์สีเทา มีประทุนสีกากีคุณแม่บอกว่าเป็นรถหลวงหมายถึงรถทางราชการวิ่งมาจอดหน้าบ้าน คุณพ่อเป็นคนขับ มีคุณป้า ช.วิไล บุญพันธ์ แล้วก็นิโกรดำๆ  ส่วนอีกคนเป็นเพื่อนคุณพ่อจำชื่อไม่ได้แล้ว มองไม่เห็นฝรั่งที่คุณพ่อเล่าให้ฟังเลย ก็รู้สึกผิดหวังนิดๆ คิดว่าคุณสำลีคงมาเครื่องบินอีกลำ กำลังเซ็งๆ นึกจะเดินกลับเข้าบ้านแล้ว แต่ก็ต้องหันกลับไปดูอีกครั้งเพราะได้ยินคุณพ่อแนะนำนิโกรว่า This is my family, ....ตอนนั้นจำไม่ได้ว่าพูดอะไรกันมากมาย ฟังไม่ออกด้วย และได้ยินคุณพ่อบอกว่า สำสี เอ๊ะชื่อฝรั่งที่คุณพอเรียกนี่ ไงดำปิ๊ดปี๋ แต่ฟันขาวจั๊วะ แต่งกายผูกเน็คไทสีแดงแสบตาเลย เขายิ้มแล้วก็ทักทายพวกเรา เป็นอันว่าฝรั่งคนแรกที่เข้ามาในชีวิตผู้เขียนคือคุณสำลี วันหลังกลับบ้านที่กรุงเทพฯต้องไปค้นรูปเก่าๆดู ถ้าเจอก็เฮงละ

อาหารมื้อแรกของคุณสำลีเป็นอาหารอ่อนๆที่คุณแม่ทำให้ ก็ไม่วายที่คุณสำลีจะท้องเสีย วันต่อๆมา คุณพ่อก็หาขนมปังมาให้คุณแม่ทำขนมปังย่างทาเนย ขนมปังหน้าหมูสับทอด ทานกับแตงกวายำ อันหลังน่าจะทำให้พวกเรามากกว่าเพราะทานแก้เลี่ยน แล้วก็ขนมปังทานกับนำพริกเผา เมนูหลังนี่คุณสำลีชอบมาก พวกเราก็ชอบเพราะเป็นนำพริกเผาที่ไม่เผ็ดเลย จะเผ็ดได้ยังไงก็เห็นคุณแม่ผ่าเอาเมล็ดออก แล้วเอาพริกไปแช่นำ แล้วไปตากแดดพอหมาดๆ แล้วเอาไปคั่ว หลายขั้นตอน แต่หอมมาก เมื่อทานำพริกเผาแล้วก็ยังมีหมูเส้นโรยอีก อร่อยมากค่ะ ขอบอก

เราพูดภาษาไทย คุณสำลีพูดภาษาอังกฤษมีคุณพ่อกับพีน้อยพูด พูดภาษาอังกฤษเวลาคุณสำลีพูดคุณพ่อจะคอยเตือนให้เราตั้งใจฟัง แล้วเราก็จะยิ้มเพราะขำแล้วก็รูสึกตลกมาก ที่จริงก็อยากจะหัวเราะดังๆ แต่คุณพ่อดุมากเรื่องมารยาทในการต้อนรับเพื่อนบ้านไม่ว่าไทย จีน แขก ฝรั่ง ไม่อนุญาตให้เราหัวเราะขำผู้ใหญ่เลย ดังนั้นเมื่อเราอยู่กันตามลำพังเราก็จะเล่นล้อเลียน ทั้งคำพูด นำเสียงลีลาท่าทาง หากคนไหนทำได้เหมือน ก็จะเป็นที่ถูกใจพี่ ๆน้องๆมาก และจะถูกยุให้พูดบ่อยๆ ทำบ่อยๆ สำหรับการทำเช่นนี้มันตื่นเต้นมากยิ่งเวลาผู้ใหญ่หันหลังให้ ทั้งผู้ล้อเลียนและผู้ชม พวกเราจะต้องรีบแสดงให้เร็วที่สุด มันเป็นการรีบบริโภคอารมณ์ขันที่พวกเราสร้างมันขึ้นมา เพราะถ้าช้า คุณพ่อ หรือคุณแม่เห็นจะถูกลงโทษ แล้วผู้เขียนเองก็เป็นนักแสดงด้วย

 ชอบมากเวลาที่คุณสำลีอุทาน OOP! ท่าทางตลกมากเขาจะเขย่งขาเล็กน้อย ตาโตๆ ทำตัวโก่งๆ มือทั้งสองยกขึ้นประมาณหัวไหล่ อีกคำที่พวกเราติดปากมากก็คือ All right เพราะคุณสำลีพูดคำนี้เมื่อเขามองเราทำอะไรที่เขาสอนแล้วเราทำถูก เขาพอใจ ก็จะพยักหน้า และพูด มองดูเท่ห์จริงๆ ผู้เขียนเองประทับใจในไมตรีจิต จนลืมความเป็นคนดำของเขา มองเห็นแต่ความน่ารัก ขำ พวกเรามีความสุขมาก  มีครั้งหนึ่งคุณสำลีอยากทานอาหารไทยแล้วคุณแม่ก็ทำนำพริกปลาทู คุณสำลีพูด Yum Yum  Ah...Ah...hot!  Spicy ก็ขำกันทั้งบ้านเพราะไม่รู้ว่าเขาเผ็ดจริง คุณพ่อบอกว่าเขาอร่อย แต่เผ็ดมาก ก็ถึงบางอ้อ คุณพ่อมองคุณสำลีด้วยความเป็นห่วง แต่ คุณสำลีพูดว่า I'm Okey.

ความเป็นสุภาพบุรุษของคุณสำลี ที่จดจำมิรู้ลืม เมื่อคุณสำลีหยิบแก้วนำแล้วหันมาทางพวกเราพร้อมกับพูดว่า Would you like some water?ผู้เขียนจะชิงตอบเลย Thank you.แล้วก็ยิ้มด้วยความภาคภูมิใจว่า วันนี้ฉันขอพูดบ้างฟังมานานแล้ว  และวันนี้ฉันจะได้ดื่มนำก่อนใคร เพราะฉันพูดขอบคุณก่อน แต่คุณสำลีพูดใหม่ว่า "Would you like some water? Yes or NO เฮ้ยทำไมเป็นงี๊หว่า..ก็งง ก็ขอบคุณแล้วไง ต้องพูดอีกหรือว่า เอาหรือไม่เอา  พี่ชายผู้ เขียนเห็นน้องบ่น เลยพูดว่า Yes,please.thanks . ปรากฏว่าพี่ชายได้ดื่มนำก่อน

 ตอนเย็นอยากจะพูดแก้ตัวผู้เขียนก็เดินไปหาคุณสำลีที่กำลังเปิดวารสารภาษาอังกฤษดูอยู่กับคุณแม่ ก็ลองพูดเรียนแบบคุณสำลีบ้างว่า WOULD YOU LIKE SOME COFFEE ?คุณสำลีตอบว่า NO,thank you. นึกในใจ เอ...เขาส่ายหน้า แปลว่าไม่เอาแต่ทำไมจึงขอบคุณ เอ??? ฝรั่งนี่แปลกน๊ะ ไม่เอาก็ขอบคุณ

 ตกเย็นคุณพ่อคุยเรื่องแปลนส้วมกับสำลีมีพี่ชายซึ่งตอนนั้นเรียนอยู่มัธยมที่โรงเรียนเบญจมราชูทิศที่นครศรีธรรมราช นั่งอยู่ข้างๆคุณพ่อ ผู้เขียนก็สกิดให้พี่ชายถามเรื่องกาแฟตอนเย็น ว่าทำไมไม่เอายังขอบคุณ พี่ชายก็ทำท่าเก้งๆกังๆ คุณพ่อคงได้ยินก็หันมาตอบว่ามันเป็นวัฒนธรรมการสื่อสารของเขา เขามีมารยาท และรู้สึกขอบคุณที่เรามีนำใจ อ้อ ....(ผู้เขียนร้อง)แต่ก้ยังไม่ get ในเวลานั้น

 

 

 

 ภาพนี้เป็นของฝากจากเด็กๆ มอบให้ผู้ที่สอน ให้krutoi เขียนบล็อกเป็น

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 215977เขียนเมื่อ 12 ตุลาคม 2008 11:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:42 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)
  • สนุกจังเลยครับ
  • เป็นประสบการณ์ที่ดี
  • สำหรับคนสอนภาษานะครับ
  • รออ่านอีกครับ

แอบมาก็ไม่บอก ดีใจที่อ.มาเดี๋ยว krutoiมีสาวจากเขาเขียวมาฝาก โปรดรอสักครู่

เข้ามาเยี่ยมชมสาระที่ดีๆครับ

ขอบคุณที่มาเยี่ยม วันหน้ามาใหม่นะคะ คุณ small man

สาระดีดี มีให้ชม

ต้องแวะมาเช่นกันครับ อิอิ

ปิดเทอมหรือยังค่ะ krutoi แว่วๆ ข่าวดี ว่าสอบอะไรผ่านนะคะ สำเร็จแล้ว ยินดีด้วยค่ะ ปิดเทอมนี้ จะไปป่าไหน ดูรูปแล้วคิดว่าต้องรักษ์ป่าแน่เชียว

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท