บทเรียน AAR สิ่งที่ไม่ควรทำ


ใครไม่ชม ไม่ว่าดี คนทำดี ก็รู้เองว่าดีค่ะ

 ระวัง

อย่าเอา ประเด็นนำเสนอขึ้นมาพร้อมกันทั้ง เกินคาด  ต่ำกว่าคาด และ สิ่งที่จะทำต่อไป 

จะเจอว่า ข้อ แรก เกินคาด   คนไม่ค่อยให้ความสำคัญ ที่จะพูด ประเด็นนี้เลย  ไม่ชื่นชม ยินดี ไม่พูดถึง ในสิ่งที่เราทำกันดีๆ เท่าที่ควร  บรรยากาศ AI น้อยมาก จนสำหรับคนตั้งใจทำงาน น่าใจหาย

ข้อ 2 ต่ำกว่าคาด  เพียบ  เยอะมากกว่าที่คิด คำติ(ไม่ชมเลย)  มากมาย และยังมีรายการ รวมหัวกัน สนับสนุนและซ้ำเติม

3 สิ่งที่จะทำต่อไป เยอะดี

 

 

ต้อง แก้ใหม่ ต้อง เริ่มจาก ความสำเร็จ

ตอนเริ่ม ไม่ควรให้โอกาสคนในห้องคิด เรื่องความผิดพลาด 

ถ้าผิดพลาดมาก่อน ความสำเร็จ

บรรยากาศ จะกลายเป็นคาดโทษ  ตำหนิ ต่อว่า รุม ซ้ำเติม

ตอนเกิดบรรยากาศตำหนิ    พยายามดึงคืนได้ในภายหลังนิดหน่อย

อยากบอกว่า    คนทำเหมือนโดน น็อคเอาท์ เลย มึน งง

ถ้า self esteem ไม่ดี คงจะหยุดทำ สิ่งที่คิดว่าดี

ต้องดึงความรู้สึก ลึกๆในใจ มาให้กำลังใจตัวเองว่า ใครไม่ชม ไม่ว่าดี คนทำดี  ก็ต้องรู้เองว่าดีค่ะ

หมายเลขบันทึก: 215402เขียนเมื่อ 10 ตุลาคม 2008 06:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 02:38 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

สวัสดีค่ะ คุณหมอ

แวะมาติดตาม ขอบคุณมากๆ ค่ะ ที่ได้ถอดบทเรียนการทำ aar มาให้อ่านกันนะคะ ^_^

ขอบคุณค่ะ น้องมะปรางเปรี้ยว ที่รัก

ทำ AAR บ่อยมาก เพิ่มมาเจอ pitfall อย่างจั๋งหนับ ก็ ครั้งนี้

ตอนแรก จะเก็นเป็น อนุทิน เตือนใจ ตน นึกไปมาเลย เอาใส่บล็อก ดีกว่า

ได้เมนท์ จาก มะปรางเปรี้ยวอีกต่างหาก

สวัสดีครับ

  • เห็นใจ และเข้าใจครับ
  • เป็นสิ่งที่หยั่งรากลึกมานาน ที่ฝ่ายปฏิบัติก็มักตั้งการ์ดสูง เตรียมพร้อมที่จะต้าน และหาเหตุผลมาหักล้างให้ได้ทั้งหมดหรือมากที่สุด ต่อข้อวิจารณ์ ข้อชี้แนะเพื่อการปรับปรุง .. แม้แต่ได้กล่าวชื่นชมในส่วนที่เป็นความสำเร็จไปแล้วก็ตาม
  • เชื่อว่าคงเป็นเพราะเคยชินกับการรับฟังถ้อยคำที่เป็นพิษเมื่อเกิดพลั้งผิด ตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ หรืออยู่กับเจ้านายที่ไม่เคยรู้จักใช้ AI
  • เชื่อว่ายังคงต้องใช้เวลาอีกไม่น้อย ที่จะทำให้ผู้คนเปิดใจ ยอมรับทั้งความสำเร็จ และความล้มเหลวตามที่มันมีมันเป็น .. และถือเป็นโอกาสอันมีค่ายิ่งต่อการเรียนรู้ โดยไม่ต้องมาเพ่งโทษ หรือคอยถามหาจำเลย เพื่อนำขึ้นเขียงแล้วช่วยกันสับ อย่างที่นิยมทำกันมา
  • ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ช่วยกันพัฒนา .. พรุ่งนี้ย่อมต้องดีกว่าเมื่อวานครับ .. แต่จะดีกว่ามากน้อยแค่ไหน เราก็คงทำความพอใจตามที่มันเป็น ใช่มั้ยครับ

ได้รับ ความรัก ความปรารถนาดี หอบใหญ่ จาก อาจารย์ Handy

รู้สึกทุกครั้ง ไม่ว่าจะตามอ่านในบล็อก หรือ อ่านความเห็น ของ อาจารย์ ที่กรุณามาเมนท์

ว่าอาจารย์ ช่าง เข้าใจ และเห็นใจ และมีความรัก ความปรารถนาดี ต่อมนุษย์ ทั่วไปยิ่งนัก

ความเห็นที่ให้ เปลี่ยนความรุนแรงของคำว่าทุกข์ :( :( :(

เป็นสุขน้อย :)

ความรู้สึกแบบเดียวกันนี้ เรียกได้ว่าเกิดทุกครั้ง

รู้สึกว่ามีคนรัก มีคนที่ปรารถนาดีต่อกัน มีคนเห็นอกเห็นใจ ช่วยเหลือกัน โดยไม่มีข้อแม้

 เพิ่มความมั่นคงของจิตใจ ความวางใจในโลกมนุษย์ ที่เชื่อว่าคนส่วนมากมุ่งมั่นทำดี ของคนที่โชคดีที่ได้อ่าน 

และโชคดียิ่งนักของคนที่ได้รู้จัก

 อาจารย์ และ บล็อกเกอร์ อีกท่าน อ โอ๋ ค่ะ

ขอบคุณครับ

  • ตามไปหาน้องสาว คือ อ โอ๋ ในบันทึกของเธอ
  • จะแจ้งให้มาอ่านบันทึกนี้ แต่ช้ากว่าครับ
  • ความรู้สึก ความประณีต ความละเอียดอ่อนในใจคนเรา หากใครสามารถสื่อสาร รับรู้กันได้ง่ายๆ ด้วยถ้อยคำไม่กี่คำ และเป็นอยู่สม่ำเสมอ นั่นคือคำตอบว่าเป็นผู้มี "ศีลเสมอกัน" หรือมีความ "เป็นญาติอย่างยิ่ง" โดยมิต้องป่าวประกาศครับ
  • ด้วยความรัก และปรารถนาดี

อ่านแล้วเห็นใจพี่หมอหน่อยจังเลยค่ะ แต่นับถือความเข้มแข็ง ความตั้งใจของพี่หมอหน่อยที่อ่านแล้วรู้ว่า ยังมีกำลังใจจะทำต่อไป ชื่นชมมากๆค่ะ

มายิ้มรับความรู้สึกดีๆจากพี่หมอหน่อยและพี่ Handy ด้วยค่ะ ต้องบอกว่าโอ๋โชคดีที่ได้อ่านบันทึกพี่หมอหน่อยบันทึกนี้และบันทึกก่อนหน้านี้อาการ "จิตห่อเหี่ยว" หายไปพลันเลยค่ะ สติมา ปัญญาเกิดจริงๆ ต้องขอบคุณพี่หมอหน่อยมากๆนะคะ

เห็นจริงอีกอย่างว่า การเขียนของเรานี่ บางทีสร้างผลดีอะไรที่เรานึกไม่ถึงให้กับใครบางคนได้จริงๆนะคะ มีอะไรติดอยู่ในใจนี่ลงมือเขียนได้เลย เหมือนที่บันทึกพี่หมอหน่อยช่วยปลุกสติโอ๋นี่แหละค่ะ

ขอบคุณ อ handy น้องจิ  และ อ โอ๋ มากๆค่ะ

ราวกับกระแสจิต ต่อกันได้ กับ อ handy และ อ โอ๋

จริงๆเลย ค่ะ สะท้อน ความดี ความงามของสิ่งที่ท่านทั้งสองเขียนในบล็อกกลับมาให้  กลับมาซ้ำแล้วซ้ำอีก

จิตสว่างสดใส มีความสุข และ มีสติ

มีแต่ต้องเตือนตัวเองว่า อย่าหลง อย่าติดสรรเสริญ ทำดี คนชม มีความสุข

ให้เรามีกำลังใจทำดีต่อ  ถึงคนไม่ชม เราก็จะทำต่อ

และมีความสุขในตนเอง

เติมน้ำมันในตะเกียงเรา ให้เกิดความสุขความปิติ ความมีสติในตัวเราเอง

 โดยไม่ต้องมีคนชมตลอด

และ ต้องให้น้ำมันในตะเกียงคนที่ผ่านไปมาเพียงพอ คอยเติม ให้มีกำลังใจเกิดความสุขในการทำความดี ความงามต่อ

เหมือนที่สังคม G2K ของเราได้ทำกันเป็นประจำ

พี่หมอหน่อยเปรียบเทียบได้ดีจังเลยค่ะ เลยมาอ่านเพื่อเติมน้ำมันตะเกียงอีกรอบ :-) วันนี้ มี"พลัง"เต็มใจเลยค่ะ ขอบคุณจริงๆ

เติมไป เติมมา น้ำมันทบเท่าทวีคูณ ทั้งคนมาเติม และคนรับ นะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท