คนไร้บ้าน กับ การปกครองรูปแบบพิเศษ


คนไร้บ้าน กับ การปกครองรูปแบบพิเศษ

อยากเขียนถึงเรื่องนี้เพราะ เมื่อเช้าตรู่วันเสาร์ที่ 4 ต.ค. 2551 ผู้เขียนได้พาตัวเองไปโผล่ที่อนุสาวรีย์ชัยฯ กทม. (หลังจากทำงานจนถึงเย็นวันศุกร์ ที่โรงเรียนของผู้เขียน) ตอนนั้นจำได้ว่าประมาณเกือบๆ จะ 05.00 น. สิ่งที่สะดุดสายตาผู้เขียนเมื่อก้าวลงจากรถเมล์สาย 77 คือ คนที่นอนบนที่นั่งรอรถเมล์ เพื่อให้คนรอขึ้นรถไปยังจุดหมายของแต่ละคน และได้ยินเสียงตะโกนจากกลุ่มคนประมาณ 15 คน จากพื้นที่ว่างของวงเวียนอนุสาวรีย์ฯ เพื่อการประชาสัมพันธ์ผู้สมัครลงเลือกตั้งผู้ว่า กทม. (ที่จะมีขึ้นวันอาทิตย์ที่ 5 ต.ค.51) ผู้เขียนนั่งรอเพื่อนเพื่อจะเดินทางไปเกาะเสม็ด ซึ่งจะมีรถออกตอน 06.00 น. ระยะเวลา 1 ชั่วโมงที่นั่งอยู่ ผู้เขียนเห็นความเคลื่อนไหวของจุดสองจุดที่สะดุดตาตั้งแต่แรก คนที่นอนอยู่ตรงที่พักผู้โดยสารเข้าใจว่ามีคนเดียวในครั้งแรก...แต่ไม่ใช่ เมื่อนั่งมองสักพักก็รู้ว่าเริ่มมีจำนวนมากขึ้น ที่ผู้เขียนเห็นอยู่บริเวณนั้นมีจำนวนห้าคน สังเกตให้ชัดอีกครั้งหนึ่งในนั้นเป็นหญิง อายุไม่น่าจะเกิน 30 ปี ตามความคิดของผู้เขียนเธอมีรูปร่างหน้าตาดูดีทีเดียว แต่การแต่งกายและกิริยาอาการในระยะเวลา 1 ชั่วโมงที่สังเกตเห็น เช่น นอนโดยไม่สนใจคนที่เดินผ่านไปมา เมื่อตื่นใช้เท้าเขี่ยชายที่นอนอยู่อีกฝั่งหนึ่งของเก้าอี้ให้ตื่นด้วย เธอนั่งปัสสาวะหันหน้าเข้าเสาทางเดินสะพานลอย โดยไม่สนใจคนรอบข้าง (ที่ยืนรอรถเมล์และอยู่บริเวณนั้น มากกว่าสิบคนขึ้นไป) และโต้ตอบคำพูดที่...กับคนที่ทักท้วง (ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจ) ผู้เขียนจึงหันไปสนใจคนอีกกลุ่มที่กำลังประชาสัมพันธ์หาเสียง ประมาณอายุของคนกลุ่มนี้ น่าจะอยู่ในวัยไม่เกิน 30 ปีอีกเช่นกัน ถ้ามีโอกาสเข้าไปดูใกล้ๆ คิดว่าน่าจะลดลงอีก (น่าจะเป็นนักศึกษา)เพราะรูปแบบการหาเสียงใช้วิธีการตะโกนคำพูด สั้นๆ กระชับ เพราะบอกความสามารถของผู้สมัคร เหมือนการเชียร์การแข่งขันกีฬาในระดับต่างๆ ทั้งโบกธงสี(เขียว) การใช้ไฟกระพริบ ใช้สัญลักษณ์ฯ เพื่อการประชาสัมพันธ์ ดูมีสีสัน น่าสนุก (และเหนื่อย)

คนสองกลุ่มที่แตกต่างกันทั้งในด้าน ความคิด ทัศนคติ รูปแบบการดำเนินชีวิตและ... บนพื้นที่เดียวกัน และอีกหลายๆ ชีวิตที่ผ่านไปมาในสายตาที่เฝ้ามอง ทำให้ผู้เขียนระลึกว่าชีวิตของตนเองก็เป็นหนึ่งชีวิตที่ต้องก้าวผ่านวันเวลาร่วมกับอีกหลายๆ ชีวิตบนโลก... เมื่อเราเหนื่อยและเริ่มท้อ เมื่อได้หันมองชีวิตของหลายคนที่ต้องดิ้นรนมากกว่า มันทำให้ผู้เขียนรู้สึกว่า...ชีวิตนี้ก็ดีไม่ใช่น้อยเลยนะ...มันดีมากๆ เลย  อึม...คิดถึงคำพูดประโยคหนึ่งจัง "จงใช้ชีวิตให้คนอื่นอิจฉา และอย่าอิจฉาการใช้ชีวิตของคนอื่น" อึม...ชีวิตนี้...ก็ดีแล้วหล่ะ ...จริงไหม

                                                

หมายเลขบันทึก: 214952เขียนเมื่อ 8 ตุลาคม 2008 15:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:40 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
  • เขียนบ่อย ๆ นะ
  • ผู้สร้างบล็อกเกอร์หน้าใหม่ครับผม
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท