เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2548 ได้จัดเวทีกระบวนการ AIC สำหรับระดมพลังกลุ่มของคณาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ศิริราช มหาวิทยาลัยมหิดล ในการถอดบทเรียนการขับเคลื่อนองค์กรสร้างเสริมสุขภาพ เรียนรู้วิธีการเชิงเทคนิคของการถอดบทเรียน ซึ่งเป็นการจัดการความรู้ในการปฏิบัติ และพัฒนาทักษะการจัดกระบวนการระดมพลังกลุ่ม ด้านหนึ่งก็เพื่อนำเอาประสบการณ์และการดำเนินงานที่ผ่านไปแล้วมาทบทวน เรียนรู้ และซาบซึ้งเกี่ยวกับองค์กรของตนเอง ด้วยการใช้ทั้งสมองและหัวใจ ส่วนอีกด้านหนึ่ง ก็เพื่อได้ข้อมูลและความเป็นจริงของการปฏิบัติ มาทำการสร้างยุทธศาสตร์และวางแผนให้จังหวะก้าวต่อไป เกิดความสืบเนื่องและยกระดับมากยิ่งๆขึ้นทั้งในเชิงคุณภาพและมาตรฐานการปฏิบัติ ซึ่งบ่งชี้ความคืบหน้าในการขับเคลื่อนการสร้างเสริมสุขภาพของกลุ่มเป้าหมายทางสุขภาพในองค์กร และใช้กระบวนการสร้างสุขภาพ พัฒนาองค์กรทุกๆด้านไปด้วย
การออกแบบกระบวนการให้ลงตัวในวันเดียว โดยยังคงสามารถบรรลุผลที่ต้องการได้ครบนั้น จัดว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก แต่ด้วยข้อจำกัดทางด้านเวลาของกลุ่มผู้ร่วมประชุม ก็จำเป็นต้องทำ โดยกรอบตัวแปรสำคัญที่นำมาออกแบบกระบวนการ คือ
(1) การขับเคลื่อนชุมชนปฏิบัติ (CoP:Community of Practice) ประกอบด้วยการเน้นการมีบทบาทและมีส่วนร่วมของบุคลากรทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้บริหาร คณาจารย์ นักวิจัย และบุคลากรสายสนับสนุนทางวิชาการ ในฐานะผู้ปฏิบัติ เน้นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การเสริมความคิด ความบันดาลใจ และเพิ่มพูนข้อมูลข่าวสารให้กัน ซึ่งจะทำให้กลุ่มปฏิบัติการมีโครงสร้างทางปัญญา ตลอดจนเกิดพลังเครือข่ายการปฏิบัติด้วยการจัดการความรู้สึกนึกคิด และการมีความรู้ความเข้าใจร่วมกัน พาองค์กรไปสู่จุดหมายที่ต้องการได้มากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากความที่ต้องร่วมมือกันเพราะการกำกับควบคุมด้วยโครงสร้างทางอำนาจ และตำแหน่งหน้าที่(Management Through Line of Command) ซึ่งทำได้ยากในสังคมมหาวิทยาลัยและชุมชนวิชาการ
(2) การเรียนรู้เชิงการวิจัยจากการปฏิบัติ (Research Oriented Learning through Action) ประกอบด้วยกระบวนการนำเอาประสบการณ์ตรงของคณะและบุคลากรของคณะในฐานะปัจเจก มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ตามแง่มุมต่างๆ เพื่อให้ความตระหนัก ความซาบซึ้ง และการเห็นคุณค่าต่างๆ (Appreciation) ถักทอขึ้นมาจากการใช้เหตุผล ปัญญา และความรู้ อย่างใคร่ครวญ มิใช่ชอบหรือเห็นว่าเป็นอุปสรรคปัญหาโดยการคิดเอาเองด้วยอารมณ์ จินตนาการ และความรู้สึกของแต่ละคนเท่านั้น การจัดกระบวนการเวที เพื่อให้ผู้ร่วมประชุมได้เรียนรู้เองในเรื่องกระบวนการถอดบทเรียน โดยการจัดกิจกรรมกลุ่มแต่ละขั้น ให้เป็นกระบวนการเชิงการวิจัยด้วย ได้จัดในรูปของ การผุดประเด็นสำคัญ การตั้งคำถาม การแสวงหาวิธีตอบและสร้างความรู้ขึ้นมาอย่างเป็นระบบจากข้อมูลเชิงประสบการณ์ที่คณะและคนของคณะได้สัมผัสมาจริงๆ การสรุปและสะท้อนการเรียนรู้ไปสู่สิ่งที่จะทำในอนาคต (Reflective Planing)
(3) การวางแผนและบริหารจัดการอย่างมีส่วนร่วม (Particpatory Planing Management) ประกอบด้วยการเรียนรู้เป็นทีมตลอดกระบวนการ ส่วนการแสดงออกเดี่ยวๆ ได้เปิดโอกาสให้ในช่วงสะท้อนความคิดเห็นและอยากมีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์เพิ่มเติม เสร็จแล้ว ได้จัดกระบวนการให้ค้นหาประเด็นเพื่อเป็นข้อตกลงร่วมกัน ที่จะนำประสบการณ์ต่างๆที่ผ่านมา รวมทั้งสิ่งที่กลั่นกรองขึ้นมาจากเวที สะท้อนกลับไปสู่การทำงานของทุกคน ทั้งในเรื่องการปฏิบัติทางสุขภาพ สร้างสุขภาพของตนเอง และการนำเอาการเรียนรู้ด้วยวิธีการใหม่ๆจากการปฏิบัตินี้ ไปสู่การพัฒนาการวิจัย การจัดการเรียนการสอน การบริการทางวิชาการ การบริหารจัดการ และอื่นๆ แต่เดิมนั้น ออกแบบให้ขั้นตอนท้ายนี้ เป็น Reflective Planing โดยใช้เทคนิคการทางานกลุ่มสร้าง Re-entry Plan
ผลของเวทีน่าสนใจมากทีเดียว (1) ได้ภาพผลกระทบและผลสืบเนื่องของกระบวนการสร้างสุขภาพทั้งโดยตรงและโดยอ้อม อันเกิดจากการที่หลายๆคน หลายๆฝ่าย นำมาปะติดปะต่อกัน ได้แจ่มชัดมากขึ้น บางประเด็นทำให้เห็นหลักฐานเชิงประจักษ์ของสิ่งที่บ่งชี้การพัฒนาคุณภาพที่เกิดขึ้นจริงจากการปฏิบัติ เช่น ความหมายของสิ่งที่บุคลากรใช้อธิบายความสุขและความพึงพอใจต่อองค์กรของตนเอง ผ่านกิจกรรมที่มีขึ้นในคณะและตนเองได้มีส่วนร่วม ทั้งการปฏิบัติและการมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนกันผู้อื่น (2) ได้ลำดับความสำคัญของประเด็นเพื่อวางแผนต่อไป 2 องค์ประกอบ คือ เหตุปัจจัยที่ทีมของคณะได้ระดมสมองกันแล้วว่า มีบทบาทมาก 4 ลำดับ ต่อการทำให้กระบวนการสร้างสุขภาพของคณะ ได้ผลออกมาดีในรอบครึ่งปีที่ผ่านมา และอุปสรรคปัญหาที่มีอิทธิพลมากอีก 4 ลำดับ ในการทำให้หลายอย่างไม่ออกมาตามที่คาดหวังกัน ทั้งสองส่วน นำไปสู่การได้กรอบในการสร้างเสริมปัจจัยที่เกื้อหนุนความเข้มแข็งและแนวทางควบคุมเพื่อลดเหตุปัจจัยที่เป็นอุปสรรค (3) ได้ข้อตกลงในการทำงานเดี่ยวหรือเกาะกันเป็นกลุ่มเล็กๆ เพื่อสร้างบทเรียน 1 เรื่อง และเขียนรายงานการถอดบทเรียน 1 เรื่อง เพื่อนำมาถอดบทเรียนอีกรอบในเดือนเมษายน ต่อไป
เวทีนี้ ทำให้ได้เรียนรู้ว่า การจัดการความรู้ (Knowlege Management) ซึ่งผสมผสานแนวทางการเรียนรู้และวางแผนอย่างมีส่วนร่วมของชุมชน (Particpatory Planing Management) เพื่อสร้างพลังการจัดการเป็นทีมในวิถีชุมชน (Community-Based Approach Organization Empowerment) ในองค์กรที่เป็นทางการนั้น สามารถทำได้และทำให้ครอบคลุมความจำเป็นทางด้านการบริหารจัดการ ตลอดจนการพัฒนาคุณภาพขององค์กรที่เป็นทางการ ดีขึ้น ทำให้การวิจัยชุมชนเพื่อสร้างสุขภาพในชุมชน สามารถนำองค์ความรู้และแนวทางการทำงาน มาสะท้อนสู่การพัฒนาคุณภาพองค์กรในฐานะที่เป็นชุมชนทางสุขภาพ (Health Community) อย่างหนึ่งได้ อาจจะเป็นแนวทางหนึ่งในการเป็นองค์กรบริการสาธารณะที่มีผลิตภาพ และทำให้ชุมชนในแหล่งประกอบกิจการมีความสุข สามารถหาความรื่นรมย์และความงอกงามในชีวิต เหมือนอยู่ในชุมชน
ไม่มีความเห็น