คลิปโฟร์-มด + ดาราเกาหลีฆ่าตัวตาย + ตำรวจคลั่งยิงเพือนร่วมงาน: อิทธิพลจากเน็ตและสื่อ
ในเดือนที่ผ่านมา มีข่าวเกี่ยวกับ นักร้องดูโอสาว โฟร์ มด ถูกแอบถ่ายตอนเข้าห้องน้ำ จนเป็นข่าวครึกโครม
สองสัปดาห์ก่อน มีข่าว ตำรวจที่ใต้ คลั่งยิงผู้่ร่วมงาน สันนิษฐานเครียดเรือง มีคนดูคลิปของภรรยา
อาิทิตย์นี้ มีข่าว ดาราเกาหลี ฆ่าตัวตาย เครียดเนืองจาก สื่อ และเน็ต ประโคมข่าวด้านลบมาตลอด
เช้านี้มีสกู้ปพิเศษ ลองเข้าไปอ่าน คลิกที่นี่
ทั้งสามข่าว แม้จะต่างกรรม ต่างวาระ แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ เกิดจาก ความเป็นส่วนตัวถูกละเมิดโดยสื่อ และแพร่กระจายไปเพราะเทคโนโลยี และอินเตอร์เน็ต
เจ้ากรรม ผมได้รับ forward mail ที่บอก คลิปโฟร์ มด ที่กำลังอื้อฉาว แต่พอเปิดดู ก็เป็น รูปคลิป กระดาษ เลขสี่ ตัวโตๆ และมีมด ไต่ยั้วเยียะ ก็ถือว่าเป็นความสร้างสรรค์ของคนทำ แต่กลับสร้างความหวั่นวิตก ให้กับ น้องโฟร์ มด ได้มาก เพราะ ไม่แน่ใจว่า อันไหนจริง อันไหนปลอม
ในแง่ของจิตวิทยา (ตามแนว Gestalt) ว่าด้วยเรืองของ กฏของการเติมเต็ม ก็สร้างความปวดหัวได้พอสมควร โดยกฎนี้ก็คือ ให้ข้อมูลไป อย่างละนิด ละหนอ่ย แล้วคนก็เติมเอาเอง
กฎข้อนี้มักเอามาใช้ใน การทำกอสสิบดารา โดยใช้อักษรย่อ แล้วก็บอก ไปโผล่ทีโน่น ดุหนังที่นี่ คนอ่านก็ช่างเก่ง คิดไป เม้าไป เป็นทีสนุกปาก
แต่คนเสียหายจะทำไรก็ไม่ได้ เพราะถ้าออกมาพูดอะไร ก็เหมือนร้อนตัว หรือจะไปตำหนิแหล่งข่าว คนเขียนก็อ้างว่า ไม่ได้บอกเลยว่าเป็้นเขา คนอ่านตีความไปเอง
กฎข้อนี้ จะเอามาใช้กับการเมืองตอนนี้ก็น่าจะได้ เพราะแต่ละ่ข่าว ที่มีจาก พันธมิตร หรือ จาก ทางรัฐบาล ก็เป็นข่าวแบบไม่เติมเต็ม แต่อาศัยการผูกโยงเรือง เพือสร้างความน่าเชือถือ
คนอ่าน คนฟัง ต้องใช้วิจารณญาน และฟ้ังความความเป็นกลาง
สนใจอ่านกฎอื่นๆ ของ Gestalt คลิกที่นี่
ความเห็น (5)
สวัสดีค่ะ อาจารย์หมอ
- จากเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเรานั้น เกิดจากความคิดที่แตกต่างกัน และจากสื่อฯ ที่คนบริโภคอย่างไม่มีวิจารณญาณ ทำให้ผลที่เกิดขึ้นตามมาร้ายแรงขึ้นตามลำดับ
- ประกอบกับ จริยธรรมในตัวบุคคลที่มีน้อยลง หรือแทบจะไม่มีเลย มาหยิบจับสื่อ อุปกรณ์ที่ดี ที่มีประโยชน์ ไปใช้ในทางที่ไม่ดี ก่อให้เกิดความเสียหายขึ้น ต่อผู้อื่น และต่อตนเองในภายหลัง
- จากนั้น ผลกระทบที่ตามมา ก็คือ สภาพจิต เสื่อมลง กลัว หวั่นวิตก
- ครูอ้อย ก็เป็นคนหนึ่งที่ กลัว ทั้งๆ ที่อายุเยอะแล้ว ไม่น่าจะกลัว แต่เพื่อความปลอดภัย ครูอ้อยก็ต้องกลัว และหาทางป้องกันให้ตัวเองปลอดภัย ไปไหนมาไหน อย่างไร ไปกับใคร สถานที่ใด ต้องรอบคอบเสมอค่ะ
- ปัจจุบันนี้ ไม่ได้ปลอดภัย เหมือนตอนที่ครูอ้อยยังเด็กแล้ว ไม่อยากให้เหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้นกับตนเอง ต้องพากัน ปิด ปัด เปิด
- ปิด คือ ปิดโอกาส ไม่ให้ มาทำอะไรกับเราได้
- ปัด คือ ไม่มีความจำเป็น ใดใด ก็รู้จักปัดไปบ้าง
- เปิด คือ เมื่อใครทำความผิด ต้องช่วยกะนเปิดโปงคสามชั่วร้ายของเขา อย่างแยบยล อย่าให้ตนเองเดือดร้อนได้
ขอบคุณค่ะ อาจารย์หมอ รักษาสุขภาพนะคะ
สวัสดีค่ะอาจารย์หมอ
ขอบคุณนะคะสำหรับความคิดเห็นที่ส่งมาให้ค่ะ
หวัดดีครับ ครูอ้อย
ขอบคุณมากนะครับสำหรับความคิดเห็น ผมชอบจัง ไอ้สโลแกน ปิด ปัด เปิด เลยทำให้ผมนึกถึง คำถามสนุกๆ กันว่า
สมมุติว่า ถ้าบังเอิญ ไอ้กางเกงหรือกระโปงที่เราใส่ เกิดหลุดลงมากองที่ตาตุ่ม เราจะปิดอะไร บางคนก็บอกว่า ปิดตรงส่วนนั้นไม่ให้คนอื่นเห็น แต่บางคนก็บอกว่าปิดตาตัวเองดิ จะได้ไม่ต้องรับรู้อะไร
ถ้ามาถามเด็กแถวๆ สยาม ก็คงใช้หลัก เปิด ปัด ปิด
เปิด อ้าซ่าเพือการแสดงออก
ปัด สิ่งที่อาจจะมาบดบังตัวเอง
ปิด ปิดตาตัวเองซะ
ที่เหลือ ใครอยากเห็น อยากมอง อยากถ่ายไรก็ทำกันไป หนูไม่สน อะไรทำนองนั้น
เฮ่อ อันนี้แค่ขำๆ เป็นตัวอย่างไม่ดีเลยนะครับ น้องๆ หนูๆ
ขอให้ครูอ้อย ทำงานอย่างมีความสุขนะครับ
สวัสดี และยินดีต้อนรับ คุณ peang
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมบันทึกนะครับ
สวัสดีครับ
เข้ามาเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎของการเติมเต็มครับ
ช่วงนี้การซุบซิบนินทาก็สามารถนำเอากฏนี้ไปใช้ประโยชน์ได้เป็นอย่างดีครับ ดังนั้นคนฟังคงต้องระวังให้ดีนะครับ
ขอบคุณครับ