"ใครก็มักจะคิดว่า แม่ผัว หรือ เรียกให้สุภาพว่า แม่สามี กับลูกสะใภ้ มักจะไม่ค่อยลงรอย หรือญาติดีกัน เท่าไหร่นัก แต่ข้อสบประมาทนั้นอาจยกเว้นสำหรับฉันและแม่สามีไว้คู่หนึ่ง " เราคล้ายกันหลายอย่าง อย่างแรกคือ อยากทำอะไรต้องทำให้ บางคนเขาว่า ดื้อ ฮา...สอง ชอบเจ๊าะแจ๊ะกับคน สาม ชอบอ่าน สนใจใครรู้ สี่ ไม่กลัวใคร
ฉันเรียกท่านว่าแม่ เหมือนที่เรียกแม่ของตัวเอง คนแถวนี้บอกให้ฉันเรียกท่านว่า " ย่า" แต่ฉันไม่ค่อยได้ทำแบบนั้นเท่าไหร่นัก เพราะฉันคุ้นกับการเรียกท่านว่าแม่มากกว่า ตั้งแต่เป็นลูกสะใภ้ของท่าน ฉันเห็นว่าแม่เป็นคนไฮเปอร์เอ็กทีพมาก ท่านไม่ชอบอยู่เฉยๆ ยกเว้นเวลาท่านอ่านหนังสือ และสวดมนต์ เท่านั้น ฉันกลับมาอยู่บ้านเพื่อทำนาใหม่ๆ ใครๆก็ถามฉันว่าเป็นใคร พอรู้ว่าฉันเป็นลูกสะใภ้ "ยายหลอด หรือ ลอด "เท่านั้นแหละ เขาไม่ถามต่อเลย ที่เป็นแบบนี้เพราะว่า ชื่อเสียงของแม่เกี่ยวกับการทำนาและความเจ๋งนั้น เลื่องลือมาถึงรุ่นฉัน ลูกสะใภ้มือใหม่หัดทำนา ฮา...
ป้าเล่าให้ฟังว่าแม่เป็นคน "ดู๋ "มาก (ดู๋ หมายถึง ขยัน) แกทำงานรับจ้างไปด้วยทำนาไปด้วย แกตื่นไปนาตั้งแต่ตี 4 แถมยังปลุกลูกๆไปด้วย (อันนี้สามีก็เล่าให้ฟัง) ไปถอนหญ้า ไปดำนา พอถึงเวลาซัก 7 โมงเช้า ก็พาลูกๆกลับบ้าน มาทำอาหารและให้ลูกไปโรงเรียน ตกเย็นลูกเลิกเรียน แม่เลิกงาน ก็พากันไปนาอีก วันไหนลูกขี้เกียจ แม่ก็ไปคนเดียว และกว่าแกจะขึ้นจากนาได้ก็ตะวันตกดินไปแล้ว คนที่ทำนาด้วยกันเขากลับกันตั้งแต่ตะวันยังไม่ตกดิน เห็นแกยังอยู่ในนาก็ชวนกลับบ้าน แกก็ไม่กลับ แกต้องให้เสร็จตามที่แกตั้งใจไว้ก่อน ค่ำมืดนั้นอีกเรื่องนึง
ในวันที่เป็นข้างขึ้นแม่ยิ่งไฮเปอร์มาก แกไปนาตั้งแต่ตีสองตีสาม ลูกๆไม่มีใครไปด้วย แกก็ไปคนเดียว ไปถอนหญ้า ฉันฟังแล้วต้องร้องโห....ออกมาด้วยความทึ่ง แกทำได้ไง ป้าบอกว่า มันว่าเดือนแจ้ง (สว่าง) ไปถอนหญ้าก็มองเห็นสบายๆ แถมไม่มีแดดด้วย " ฉันถามป้าว่า แล้วแกไม่กลัวผีเหรอ
"มันสิไปย่านอิหยัง ขนาดพ่อใหญ่ขุนศรี มันยังกล้าเว่านำ"
พ่อใหญ่ขุนศรีเป็นผีเจ้าที่
"หือ....กล้าเว่ากั๊บผี"
คืนเดือนแจ้งประมาณตี 2 แม่ขี่จักรยานมานาคนเดียวเพื่อมาถอนหญ้า ถอนไปได้ซักพัก ก็เห็นใครไม่รู้นั่งตะคุ่มๆ อยู่ที่โคนต้นตาล พี่แกห่มผ้าคลุมโปง ส่งเสียงครางเบาๆ เหมือนคนหนาว แม่ได้ยินก็รู้ว่า คงโดนผีหลอกเข้าแล้ว แต่แทนที่แกจะกลัวกลับพูดกับผีซะงั้น
"พ่อใหญ่อย่ามาหลอกลูกหลานเถอะ ให้ลูกหลานได้เฮ็ดงานแน ลูกหลานบ่ย่านดอก"
ได้ยินอย่างนี้ ถ้าใครเป็นผี จะทู่ซี้หลอกท่านไปทำไม คงไม่... คนอะไร...ผีหลอกก็ไม่กลัว
ฉันว่าท่านมีเป้าหมายของท่านชัดเจนมาก อะไรก็มาขวางท่านไม่ได้ ใครๆก็รับประกันคุณภาพท่าน
คราหนึ่ง มีคนอยากแกล้งแม่ (เป็นญาติกัน)เขาไปแจ้งความข้อหาแม่รุกที่ดินสาธารณะ ที่จริงแม่เกดนาของตัวเองเพื่อทำทางเดินให้คนต่างหาก แต่คนที่ไปแจ้งความเขาไม่ค่อยชอบแม่เลยทำแบบนั้น เมื่อแม่รู้ว่าเขาไปแจ้งความท่าเลยไปหาที่ดินอำเภอให้มารางวัดที่ดิน และไปเรียกชาวบ้านให้มาเป็นพยานมากมาย
เมื่อที่ดินรางวัดเสร็จปรากฎว่า ที่ดินบนถนนนั้นเป็นของแม่เกินครึ่ง เท่ากับว่าแม่สละที่นา ไปเป็นของสาธารณะ ไม่ใช่รุกที่สาธารณะ ลุงคนที่แกล้งแม่เลยหน้าแตก....
ยุดสมัยเปลี่ยนไป จากรุ่นแม่ มาถึงรุ่นลูก รุ่นฉันไม่มีใครแกล้งแรงๆแบบรุ่นแม่ อาจเพราะยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว หรืออาจเพราะฉันไม่มีอะไรให้แกล้ง ฮา....เขาชอบแซวฉันมากกว่า ว่าฉันขี้เหนียวบ้าง,ขี้เกียจบ้าง ก็แล้วแต่จะว่ากันไป ใครๆใคร่คิดอย่างไร คิด ...นานาจิตตัง จริงไหม.......
+ สวัสดีค่ะ...
+ อืม..สำหรับอ๋อยก้เป็นคู่ยกเว้นเหมือนกันค่ะ....
+ เพราะเราเข้ากันเป้นปี่เป็นขลุ่ยค่ะ...
+ ...ว้าว...ท่านพี่หัดทำนาเหรอค่ะ
+ มาชื่นชมคุณแม่ผู้ขยันค่ะ...
*คุณลำดวน
ด้านเทคนิคยังไม่ค่อยเป็นหรอกคะ เพราะว่าเพิ่งหัดทำ แต่ถ้าโดยรวมแล้วคิดว่าน่าจะทำได้ และทำต่อไปเรื่อยๆคะ
*แม่ย่าดู๋ คะ ป้าแดง ดู๋ แปลว่า ขยัน ท่านขยันมาก หนูได้ไม่ถึงเสี้ยวท่านเลยคะ
*แม่ย่าเข้าใจและให้โอกาสก็ดีสำหรับลูกสะใภ้อย่างเราคะ * *
สวัสดีค่ะ
* เข้ามาดูลูกสะใภ้ค่ะ
* ต้องยกให้เป็นลูกสะใภ้หัวใหม่ .....แม่สามียุคโลกาภิวัฒน์
* คุณยุวดีต้องทำนาเป็นและทำได้อย่างมีความสุขด้วย
* เพราะยายหลอดนี่แหละ ( หลอดมีไว้ดูดน้ำหวาน ดูดแล้วชื่นใจ )
* ฝากกราบยายหลอดนำเด้อค่ะ
* ว่างๆ ลองเขียนวีรกรรมยายหลอดมาให้เรียนรู้กันบ้างนะคะ
ขอบคุณคะ เดี๋ยวจะเขียนวีรกรรมยายหลอดให้อ่านคะอาจารย์ ท่านรู้ท่านคงปลื้มมากเชียวล่ะ * *