อิฐ 2 ก้อน


เอกลักษณ์พิเศษ

 

อิฐ 2 ก้อน


โดยหนุ่มเมืองจันท์ (มติชนรายสัปดาห์)

วันหนึ่งรุ่นน้องที่ธรรมศาสตร์คนหนึ่งโทรศัพท์มาระบายเรื่องงานใหม่ที่รับผิดชอบ เขาบ่นทั้งเรื่องงานและเรื่องคน ไม่พอใจโครงการต่างๆ อยากเปลี่ยนแปลงใหม่ ไม่พอใจคนทำงานเก่า ทำโน่นก็ผิด ทำนั่นก็พลาด

ถ้าไม่เคยรู้จักองค์กรที่เขารับผิดชอบ ฟังน้องคนนี้พูดฝ่ายเดียว ผมคงคิดว่าองค์กรนี้ใกล้จะล้มละลายเต็มที หรือเป็นองค์กรที่ขาดทุนมาโดยตลอด แต่เท่าที่รู้องค์กรนี้เติบโตมาจากบริษัทโนเนมจนกลายเป็นบริษัทที่สุขภาพแข็งแรงพอควรทีเดียว ถ้าไม่ตกแต่งบัญชี องค์กรในรูปแบบเดิมก็ต้องมี “ข้อดี” อะไรอยู่ไม่น้อย ไม่เช่นนั้นคงไม่โตขึ้นมาได้

ผมปล่อยให้น้องระบายปัญหาพักใหญ่เพื่อให้อารมณ์ของน้องเริ่มตกตะกอนก่อนจะเล่าเรื่องพระอาจารย์พรหมให้ฟัง เป็นเรื่องเล่าจากหนังสือ “ชวนม่วนชื่น” ที่ “จิง” เพื่อนสมัยเรียนธรรมศาสตร์ส่งมาเป็นของขวัญปีใหม่ หน้าปกเป็นภาพการ์ตูนของคุณชัย ราชวัตร “จิง” บอกว่า “ตอนอ่านหนังสือเล่มนี้เพื่อมักคิดว่ากำลังอ่านขายหัวเราะ” ผมก็งงๆ เหมือนกันว่าหนังสือธรรมะจะตลกได้อย่างไร พออ่านแล้ว เห็นด้วยกับ “จิง” เลยครับ เป็นหนังสือธรรมะที่...ขอโทษนะครับ สนุก...โคตร สนุกที่สุดตั้งแต่เคยอ่านหนังสือแนวนี้มา

อาจารย์พรหมหรือพระวิสิทธิสังวรเถร เป็นชาวอังกฤษ เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ชา ก่อนจะไปก่อตั้งวัดป่าพิญาณใกล้เมืองเพิร์ธ ที่ออสเตรเลีย

ช่วงก่อตั้งวัดป่าโพธิญาณเมื่อปี 2526 พระอาจารย์พรหมเล่าว่าหลังจากซื้อที่ดินแล้ว เงินก็แทนไม่เหลือ ต้องสร้างวัดด้วยมือของตัวเอง ตั้งแต่ผสมปูน จนถึงการก่อกำแพงอิฐ ท่านเล่าว่าตอนที่ลงมือทำก็รู้สึกว่าได้ทำอย่างประณีตที่สุด จนกระทั่งกำแพงอิฐเสร็จสิ้นลง แต่พอถอยออกมายืนดู ก็พบว่าก่ออิฐพลาดไป 2 ก้อน อิฐกำแพงเรียงเรียบสวน แต่มีอยู่ 2 ก้อนที่เอียงๆ พระอาจารย์พรหมขอเจ้าอาวาสทุบกำแพงทิ้งเพื่อก่อใหม่ แต่เจ้าอาวาสไม่ยอม

จากนั้นเป็นต้นมาทุกครั้งที่พระอาจารย์พรหมพาแขกเยี่ยมวัด ท่านจะพยายามหลีกเลี่ยงไม่พาแขกเดินผ่านกำแพงบริเวณนี้ เพราะอาจที่ก่ออิฐผิดพลาดไป 2 ก้อน

จนกระทั่งวันหนึ่ง พระอาจารย์พรหมกำลังเดินกับผู้มาเยี่ยมวัดคนหนึ่ง เขาเห็นกำแพงอิฐนี้แล้วก็เปรยขึ้นมาว่า “กำแพงนี้สวยดี” พระอาจารย์พรหมถามด้วยอารมณ์ขันว่า “คุณลืมแว่นสายตาไว้ในรถหรือเปล่า คุณไม่เห็นหรือว่ามีอิฐ 2 ก้อนที่ก่อผิดพลาดจนกำแพงดูไม่ดี”

แต่แล้วผู้มาเยี่ยมชมคนนี้ก็เอ่ยประโยคที่ทำให้พระอาจารย์พรหมเปลี่ยนแปลงทัศนคติทั้งหมดที่เคยมีต่อกำแพงนี้ พร้อมกับเปลี่ยนแง่มุมที่มีต่อชีวิต เล่าถึงตรงนี้ ผมก็ทิ้งช่องว่างให้กับ “ความเงียบ” ได้ทำหน้าที่ของมัน หน้าที่ของ “ความเงียบ” ในช่วงเวลานี้ คือ การกระตุ้นความอยากรู้ของคน “เขาพูดว่าอะไร” น้องคนนั้นทนไม่ไหวต้องหลุดปากถาม

ผู้เยี่ยมชมคนนี้นบอกว่า “ผมเห็นอิฐที่วางไม่ดีสองก้อนนั้น แต่ผมก็ได้เห็นด้วยว่ามีอิฐอีก 998 ก้อนที่ก่อไว้อย่างสวยงาม”

“นับเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือนที่อาตมาสามารถมองเห็นอิฐก้อนอื่น ๆ บนกำแพงนั้น นอกเหนือจากเจ้า 2 ก้อนที่เป็นปัญหา ไม่ว่าจะเป็นอิฐที่อยู่ด้านบน ด้านล่าง ด้านซ้าย และด้านขวาของเจ้าอิฐ 2 ก้อนนั้นล้วนแต่เป็นอิฐที่ก่อไว้อย่างดีไม่มีที่ติยิ่งไปกว่านั้น จำนวนอิฐที่ดีมีมากกว่าเจ้าอิฐไม่ดี 2 ก้อนนั้น”

ครับ ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา สายตาของพระอาจารย์พรหมเฝ้ามองแต่อิฐ 2 ก้อนนั้น ท่านยอมรับว่าสายตาของท่านมืดบอดต่อสิ่งอื่นๆ ท่านอยากทลายกำแพง เพราะมองเห็นแต่อิฐ 2 ก้อนที่ผิดพลาด แต่ทันทีที่ความรู้สึกเปิดกว้าง มองเห็นอิฐก้อนดีๆ จำนวนมากบนกำแพงนี้ กำแพงเดิมที่อยากทลายก็กลับงดงามขึ้นมาทันที “ใช่...กำแพงนี้สวยดี” พระอาจารย์พรหมหันไปบอกกับผู้มาเยี่ยมคนนั้น

จนถึงวันนี้ พระอาจารย์พรหมก็นึกไม่ออกแล้วว่าอิฐก้อนที่ผิดพลาด 2 ก้อนนั้นอยู่ตรงส่วนไหนของกำแพง ทักศนคติในการมองโลกที่เปลี่ยนแปลงทำให้ อิฐ 2 ก้อนนั้นเลือนหายจากความทรงจำ

พระอาจารย์พรหมเปรียบเปรยว่าคู่ชีวิตที่ตัดสัมพันธ์หรือหย่าร้างกันก็เพราะทั้งคู่เพ่งมองแต่ “อิฐที่ไม่ดี 2 ก้อน” ในตัวคู่ชีวิตของเขา

คนที่คิดท้อแท้ อยากฆ่าตัวตายก็เพราะเรามองเห็นแต่ “อิฐ 2 ก้อน” ในตัวเราเอง ทั้งที่ในความเป็นจริง นอกจาก “อิฐ 2 ก้อน” ที่ผิดพลาดแล้ว ยังมี “อิฐก้อนที่ดี” และ “อิฐก้อนที่ดีจนไม่มีที่ติ” มากมายอยู่ในตัวเรา เพียงแต่เรามองไม่เห็นเท่านั้น

ท่านอาจารย์พรหมเตือนสติว่าอย่าให้ความผิดพลาดของ “อิฐที่ไม่ดี” เพียง “2 ก้อน” ทำให้เราต้องทำลายกำแพงดีๆ จนพัง

ยังไม่จบครับ ยังมีมุขต่อท้ายอีกนิด พระอาจารย์พรหมเล่าเรื่องนี้หลายครั้งในการบรรยายธรรม วันหนึ่งก็มีช่างก่อสร้างมาพบท่านเพื่อบอกความลับเกี่ยวกับงานก่อสร้าง ช่างก่อสร้างแทนทุกคนมักจะทำความผิดพลาดได้เสมอๆ เพียงแต่เขาไม่เรียกมันว่า “ความผิดพลาด” แต่ช่างก่อสร้างจะบอกลูกค้าว่ามันเป็น “เอกลักษณ์พิเศษ” ที่ไม่เหมือนบ้านไหนในละแวกนี้ จาก “ความผิดพลาด” กลายเป็น “เอกลักษณ์พิเศษ” มูลค่าเกิดขึ้นทันที ช่างก่อสร้างก็จะขอค่าใช้จ่ายเพิ่มอีก 2,000-3,000 เหรียญ

มุขตบท้ายนี้เด็ดจริงๆ พระอาจารย์พรหมต้องการเตือนให้คนเรานอกจากรู้จักมองข้อดีของตัวเราและคนอื่นแล้ว ยังให้มองหา “ข้อดี” จาก “ข้อบกพร่อง” อีกด้วย ผมบอกน้องคนนี้ว่าเอกลักษณ์พิเศษในโลกนี้ส่วนใหญ่มีจุดเริ่มต้นมาจาก “ความผิดพลาด” “หอเอียงเมืองปิซ่า” ที่เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกก็ไม่ได้เกิดจาก “ความตั้งใจ” ความผิดพลาดทำให้ “หอ” ที่ควรจะ “ตรง” กลับ “เอียง” เอกลักษณ์พิเศษที่ไม่เหมือนใครนี้เองทำให้หอเอียงเมืองปิซ่ากลายเป็น 1 ในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก



หมายเลขบันทึก: 213429เขียนเมื่อ 2 ตุลาคม 2008 09:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:39 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

อื่ม อยากเป็นสิ่งมหัสจรรย์ของโลกบ้างจัง

แต่ คงเดินเอียงๆ ไม่ไหวแน่นอนคร๊าบ 555+

ยังไงอ่านแล้วก็ได้คิดครับ ขอบคุณมากนะครับ

ข้อคิดดีดี ในท่ามกลางโลกที่สับสน ขอบคุณจริงๆครับ

  • สว้สดีค่ะ
  • โชคธำรงค์ จงจอหอ อื่มคุณต้องมีสิ่งมหัศจรรย์หลายอย่างแน่เลยเพียงแต่ไม่สังเกตเท่านั้น.....ว่ามะ
  • ธีรนร นพรส โลกที่สับสนเพราะต้องการทดสอบความมั่นคงของเรา.....เนาะ
  • คนพลัดถิ่น ฟัน(ฝ่า) มาแล้ว 90 (%) เหลืออีก 10  ข้อยบ่ยั่น  สู้ว๊อยยยยย (จำเขามา)

        

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท