“You Are What You Read”
ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพและโภชนาการมักจะพูดว่า “You are what you eat” ความหมายก็คือ สุขภาพของคุณจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณกิน นั่นเป็นการแสดงให้เห็นว่า อาหารเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งยวดต่อสุขภาพ แต่ในด้านของความคิดหรือสมองของเรานั้น ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งยวดก็คือ การอ่าน เพราะการอ่านเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่สำคัญที่สุดเนื่องจากมันทำได้รวดเร็วเท่ากับความเร็วของแสง ความรู้และความคิดมหาศาลบางทีสามารถบรรจุลงในหนังสือเพียงเล่มเดียว การค้นคว้าหรือประสบการณ์ของคนทั้งชีวิตสามารถเรียนรู้ได้โดยการอ่านหนังสือที่เขาเขียนเพียงเล่มเดียวหรือไม่กี่เล่ม
ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า...???
แต่ผมคิดว่าเด็กสมัยนี้อ่านหนังสือน้อยลง ดังเช่นนิสิตที่ผมสอน บางครั้งสงสัยอะไร อยากรู้อะไร แทนที่จะไปค้นคว้าอ่านหนังสือในห้องสมุดหรือ ใน Internet แต่กลับใช้วิธีถามจากรุ่นพี่ ถามจากเพื่อนๆ
ซึ่งคำแนะนำจากพี่ หรือ เพื่อนๆหลายคำแนะนำก็เป็นคำแนะนำที่ดี แต่ก้มีอีกหลายคำแนะนำที่แย่ และทำให้ปัญหามันแก้ไขได้ยากขึ้น
การเป็นหมอ....ผมว่านิสัยรักการอ่าน คงจะต้องมีอยู่ในตัวของหมอทุกคน ก่อนที่เราจะตัดสินใจทำการรักษาอะไรลงไป เราควรจะต้องศึกษาให้ถ้วนถี่ "อ่าน" จนแน่ใจว่าทำตามถูกต้องตามหลักวิชาการ เพื่อให้ผลการรักษาดีที่สุดแก่คนไข้
การจะกล่าวอ้าง วิพากษ์ วิจารณ์ ใครได้ ก็ต้อง "อ่าน" มากพอ ที่จะ Reference หรืออ้างถึงถ้อยความต่างๆ มาถกเถียงกันได้
คุณไม่อ่าน คุณก็ไม่มีวันเข้าใจอย่างถ่องแท้
ถ้าคุณฟังเขา...แล้วทำตาม...คุณก็จะเป็นผู้ตามที่ดี
แต่ถ้าคุณ "อ่าน" แล้วคุณ "คิด"ตาม เมื่อสงสัย กลับไปอ่าน ค้นคว้าในระดับที่ลึกมากขึ้นๆ คุณก๋จะเข้าใจมากขึ้นๆ
การเรียนในวิชาชีพแพทย์ ทันตแพทย์ และวิทยาศาสตร์สุขภาพ คงจะรอให้อาจารย์มาป้อนเนื้อหาให้เราเรียนไม่ได้อีกแล้ว
วิชาการมันหมุนไวเหลือเกิน....ถ้าเราอยากรู้ทันความเปลี่ยนแปลง
เราก็ควรเริ่มที่จะฝึกนิสัยรักการอ่านได้แล้ว
อย่าลืมว่า “You Are What You Read” คุณอ่านอะไร คุณก็เป็นอย่างนั้น
ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่านครับ...(^_^)
ความเห็น (3)
เดาว่าเป็นน้อง :)
ยังไงก็ฝากนิสิตรุ่นใหม่ๆ ด้วยนะครับ อิอิ..
สวัสดีค่ะ แวะมาอ่านเรื่องดีๆ แรกนึกว่าคุณหมอจะเขียนเรื่องฟัน krutoi ก็เลยพุ่งตรงเข้ามา ไม่ผิดหวังหรอกนะ เพราะเชื่อว่าอีกไม่นาน คงได้อ่านบทความดีๆ
อำนวย สุดสวาสดิ์
ขอบคุณมากครับ