ผลสัมมนาวางกรอบ “การเมืองใหม่” ครั้งที่ 2


การเมือง การเมืองใหม่

ผลสัมมนาวางกรอบ “การเมืองใหม่” ครั้งที่ 2


ผลสัมมนาวางกรอบ “การเมืองใหม่” ครั้งที่ 2 กำหนดให้ ส.ส.ต้องไม่มีตำแหน่งบริหาร และไม่บังคับสังกัดพรรค ส่วนตัวแทนสาขาอาชีพห้ามมีคอกเด็ดขาด ปฏิรูปใหญ่ระบบยุติธรรม ทั้งตำรวจ อัยการ องค์กรอิสระ พร้อมกำหนดเวลาพิจารณาคดีให้รวดเร็ว เปิดให้ ปชช.ฟ้องคดีทุจริตเองได้ โดยไม่กำหนดอายุความ นัดหารืออีกรอบ บ่าย 2 โมง 1 ต.ค.นี้

ภายหลังจาก พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และนักวิชาการประมาณ 40 คน ได้ร่วมกันสัมมนาเรื่อง “การเมืองใหม่” ที่โรงอาหารหลังตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล เป็นเวลานานกว่า 4 ชั่วโมง เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 27 ก.ย. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ แถลงว่า รูปแบบการเมืองใหม่ต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมทุกภาคสาขาอาชีพและมีอำนาจ ตรวจสอบระบบการเมือง โดยที่ประชุมมีข้อสรุป ดังนี้
1.ผู้ที่เป็น ส.ส.มีหน้าที่เป็น ส.ส.อย่างเดียว และไม่ให้ดำรงตำแหน่งในฝ่ายบริหาร หรือตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายบริหาร เพื่อให้อำนาจฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติแยกออกจากกันโดยเด็ดขาด

2.ให้นักการเมืองที่เป็น ส.ส.ในพื้นที่ สังกัดพรรคการเมืองหรือไม่ก็ได้

3.ตัวแทนประชาชนจากสาขาอาชีพต้องไม่สังกัดพรรคการเมืองอย่างเด็ดขาด

4.ประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชัน โดยสามารถถอดถอนนักการเมืองและฟ้องศาลได้โดยตรง ขณะที่คดีต้องไม่มีอายุความ

5. ต้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) องค์กรอิสระ องค์กรสิทธิมนุษยชนไม่ให้มีการแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง และให้กระบวนการยุติธรรมต้องมีการกำหนดกรอบเวลาของคดีความนักการเมืองให้ ชัดเจนและรวดเร็วขึ้น นอกจากนี้ อัยการต้องไม่เข้าไปเป็นกรรมการในหน่วยงานรัฐวิสาหกิจด้วย

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวว่า พันธมิตรฯ เห็นด้วยกับข้อเสนอของอธิการบดี 24 แห่ง แต่ในรายละเอียดมีข้อแตกต่างกัน แต่สังคมจะต้องร่วมเป็นเจ้าภาพในการปฏิรูปการเมืองใหม่ อย่างไรก็ตาม พันธมิตรฯ พร้อมเดินหน้าสร้างการมีส่วนร่วม เพื่อให้สังคมตระหนักในระบอบการเมืองใหม่

ด้าน ศ.ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ นักวิชาการ กล่าวว่า แนวคิดของอธิการบดี 24 แห่งแสดงให้เห็นว่าประเทศชาติต้องมีการเมืองใหม่ แต่ข้อเสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาระดมความคิดนั้นจะเป็นการซื้อเวลา จะทำให้วิกฤตยาวออกไปมากกว่า นอกจากนี้ พันธมิตรฯ ขอร้องให้อธิการบดี 24 แห่ง เปิดพื้นที่ให้ข้อมูลความรู้ทางการเมืองให้นักวิชาการ นักศึกษา รับรู้และเข้ามามีส่วนร่วมกับพันธมิตรฯ

นายปานเทพ กล่าวต่อว่า ข้อเสนอของพันธมิตรฯ ในวันนี้ยังไม่ใช่ข้อยุติ แต่เป็นการจุดประกายให้สังคมประชาชน นักวิชาการได้วิพากษ์วิจารณ์เพื่อปรับปรุงให้การเมืองใหม่มีคุณภาพ ทั้งนี้ พันธมิตรฯ จะมีการสัมมนาอีกครั้งในวันพุธที่ 1 ต.ค. เวลา 14.00 น.นี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในที่ประชุมได้หารือที่อธิการบดีเสนอให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาปฏิรูปการเมือง หรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า ที่ประชุมได้หารือในรายละเอียด แต่ต่างกันเรื่องกรอบเวลาและเห็นว่าการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตั้งภายใน 120 วัน พันธมิตรฯ เห็นว่าล่าช้ามาก

“เราต้องการให้การเมืองใหม่เสร็จเร็วที่สุด แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่เห็นด้วยกับแนวคิดของอธิการบดี 24 แห่ง เราเห็นด้วยกับทุกฝ่ายที่เสนอมา ไม่จำเป็นที่จะต้องเอาความคิดของพันธมิตรฯ เป็นที่ตั้ง เชื่อว่าสุดท้ายแล้วความถูกต้องและความจริงจะมาเชื่อมต่อกันได้” นายปานเทพ กล่าว

นายปานเทพกล่าวเพิ่มเติมบนเวทีปราศรัยหน้าทำเนียบรัฐบาลว่า คดีทุจริตคอร์รัปชันและคดีถอดถอนนักการเมือง ให้ถือว่าประชาชนคือผู้เสียหายโดยตรง สามารถฟ้องศาลเองได้ และคดีประเภทนี้จะต้องไม่มีอายุความ ส่วนกระบวนการยุติธรรมนั้น จำเป็นจะต้องปฏิรูปหน่วยงานต่อไปนี้คือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อัยการสูงสุด องค์กรตรวจสอบอิสระ และองค์กรสิทธิมนุษยชน

นอกจากนี้ หนึ่งในผู้ร่วมการสัมมนาเสนอว่า อัยการต้องห้ามเป็นคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ (บอร์ด) เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการขัดกันแห่งผลประโยชน์ เนื่องจากอัยการเป็นทนายของแผ่นดินจะไปทำหน้าที่บอร์ดได้อย่างไร

ที่สำคัญ กระบวนการยุติธรรมต้องกำหนดระยะเวลาในการพิจารณาคดี โดยหน่วยงานที่ต้องมีกำหนดระยะเวลาการทำงานได้แก่ ตำรวจ อัยการ คณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และองค์กรอิสระทุกแห่งต้องมีการกำหนดระยะเวลา และมีระยะเวลาไม่พอต้องรวดเร็วด้วย

อ้างอิง http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000114729


ความเห็น เราทุกคนในสังคมต้องร่วมกันในการสร้างการเมืองใหม่ เพราะการเืมืองเป็นเรื่องของทุกคนทุกสาขาอาชีพ เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม

หมายเลขบันทึก: 212819เขียนเมื่อ 30 กันยายน 2008 07:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 02:25 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

การสัมนา ควรเปิดกว้างกว่านี้ กลุ่มอาชีพที่พูดถึง ผู้นำชาวนา กรรมกร แรงงาน ผู้ประกอบการ นักวิชาการ แพทย์พยาบาล วิศกร สถาปนิก นักการธนาคาร โชห่วย etc ควรเชิญมาร่วมกันสร้างการเมืองใหม่ ไม่ต้องรอองค์กรอิสระ ที่แต่งตั้ง จากรัฐ เอาให้หัวกระไดทำเนียบไม่แห้ง ให้ทุกคนสนใจการเมืองใหม่ เพื่อสร้างจุดเปลี่ยนประเทศไทย ไปสู่จุด ประชาธิปไตย อันมีพระมาหกษัตริย์ ทรงเป็นพระประมุข และนักการเมือง มีคุณธรรม ทำเพื่อ ประเทศชาติและประชาชน จริงๆ กลุ่มก๊วนการเมือง ที่เป็นเหลือบกัดกินประเทศ ไม่ต้องไปสนใจมัน ถึงเวลา เมื่อการเมืองใหม่ชัดเจ ปชช เห็นดี นักการเมืองเหล่านี้ต้องสูญพันธุ์

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท