วันนี้ค้นพบคำสอนที่ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเคยให้ไว้นานแล้ว
เกรงว่าจะทำหายอีกจึงนำมาบันทึกเอาไว้เตือนตนเอง ดังต่อไปนี้ครับ...
สร้างสรรค์แต่ไม่ครอบครอง
ทำงานแต่ไม่หวังชื่อเสียงเกียรติยศ
เสร็จกิจแล้วลืมมันเสีย ผลงานจะดำรงอยู่ตลอดกาล
การกระทำที่ไม่นึกถึงตน จึงบรรลุผลเต็มเปี่ยม
หลีกเลี่ยงการต่อสู้ ไม่ตำหนิติเตียน
ขาดแคลนดีกว่าได้มาอย่างเหลือล้น
แสวงหาความมั่งคั่งและยศฐาบันดาศักดิ์หายนะจะตามมา
เสร็จงานแล้ววางมือ รับเข้าไว้แต่ไม่เป็นเจ้าของ
ในการปกครองชั้นเยี่ยมผู้คนจะไม่รู้สึกตัวว่าถูกปกครอง
ในการปกครองชั้นดี ผู้คนจะชื่นชอบ
ในการปกครองชั้นต่ำ ผู้คนจะเกรงกลัว
ในการปกครองขั้นต่ำสุด ผู้คนจะชิงชัง
เมื่อการปกครองเป็นไปด้วยดี ผู้คนจะพูดกันเซ็งแซ่ว่า ...เราทำสำเร็จ...
สวัสดีครับ
คล้ายๆ "เต๋า" นะครับ
เป็นหลักที่ใช้ในการทำงานได้ดีมากครับ
ขอบคุณครับ
โห เยี่ยม เลย ท่านอาจารย์
ชอบมาก โดนใจมากค่ะ ขอบคุณค่ะ
อรุณสวัสดิ์ทุกท่านครับ
มีแบบนี้สื่อบ่อยๆก็ดี อาจจะไปปลุกจิตสำนึกกันได้บ้าง ขอชมครับดีมากๆ
สวัสดีครับ
จากที่ว่า อ่านรอบนี้แล้วเห็นต่างออกไปกว่าที่ผ่านมา หมายความว่าเช่นไร ขอถอดความเห็นออกมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ดังนี้ครับ
จากท่อนที่ว่า...
สร้างสรรค์แต่ไม่ครอบครอง
ทำงานแต่ไม่หวังชื่อเสียงเกียรติยศ
เสร็จกิจแล้วลืมมันเสีย ผลงานจะดำรงอยู่ตลอดกาล
การกระทำที่ไม่นึกถึงตน จึงบรรลุผลเต็มเปี่ยม
ผมเห็นว่า : เป็นธรรมะขั้นสูง ต้องลดอัตตา หรือตัวตนออกให้ได้ จึงจะทำได้ นั่นหมายความว่า ต้องมีภูมิธรรมพอสมควรจึงจะเชื่อและปฏิบัติได้
ขาดแคลนดีกว่าได้มาอย่างเหลือล้น
ผมเห็นใน 2 มุมมอง คือ
1. การมีอย่างเหลือล้น ก็ทำให้เราหลงไปในทางเสื่อม
2. การขาดแคลนนั้นเป็นทุกข์ ทุกข์สามารถนำมาใช้ประกอบการพิจารณาทุกขกิริยาได้เป็นอย่างดี
แสวงหาความมั่งคั่งและยศฐาบันดาศักดิ์หายนะจะตามมา
มีตายมันเริ่มมาตั้งแต่เกิด ไม่เกิดก็ไม่ตาย
ดวงตะวันขึ้นก็ต้องลง มียศก็ต้องมีเสื่อมยศตามมาแน่นอน
เสร็จงานแล้ววางมือ รับเข้าไว้แต่ไม่เป็นเจ้าของ
คนที่จะทำอย่างนี้ได้ต้องถอดตัวตนได้ก่อน ต้องมีสติ และปัญญายิ่ง