ในรอบปีที่ผ่านมา ( ปี ๒๕๕๐/๒๕๕๑ ) ผม ( ทวีวัตร เครือสาย ) และทีมงานบ้านสระขาว ,ละแม ชุมพร ได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการขยายผลองค์ความรู้ปราชญ์เกษตรเศรษฐกิจพอเพียง สปก. ระดับประเทศ ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับการสนับสนุนและเอื้ออำนวยจาก สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ( สปก.) ให้ปราชญ์ชาวบ้านจากทั่วประเทศ จำนวน ๖๔ ราย ในห้าสิบจังหวัด และสมาชิกในเครือข่ายปราชญ์ ได้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ พัฒนาต่อยอดองค์ความรู้ท้องถิ่นให้เกิดเป็นรูปธรรมพร้อม ๆ กับการขยายผลในชชุมชนท้องถิ่น ตำบล อำเภอ จังหวัด ภาค ประเทศ ตามลำดับและศักยภาพและบริบทของเครือข่ายปราชญ์แต่ละพื้นที่ และเกิดการถักทอเป็น เครือข่ายปราชญ์เกษตร ฯ ในระดับประเทศ
ผมประมวลสรุปผลการดำเนินงานของโครงการที่ผ่านมาดังนี้
1. คัดเลือกปราชญ์เกษตรฯ 54 ราย ประกอบด้วยปราชญ์เกษตรฯ ภาคเหนือ 14 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 15 ราย ภาคกลาง 9 ราย ภาคใต้ 13 ราย มีองค์ความรู้/ ศูนย์เรียนรู้ด้านต่าง ๆ ดังนี้
1.1 ด้านสังคม - ด้านการบริหารจัดการองค์กร / ชุมชน สวัสดิการ จำนวน 6 ราย
- ด้านการวิถีวัฒนธรม /ศาสนธรรม จำนวน 3 ราย
- ด้านจัดการสุขภาพ จำนวน 4 ราย
1.2 ด้านเศรษฐกิจ - เศรษฐกิจ /วิสาหกิจชุมชน จำนวน 5 ราย
- การเกษตร จำนวน 21 ราย
- การแปรรูป /โภชนาการ จำนวน 1 ราย
1.3 ด้านทรัพยากร - การจัดการทรัพยากรสิ่งแวดล้อม จำนวน 5 ราย
. - เทคโนโลยีชาวบ้าน (พลังงาน / เครื่องกลการเกษตร จำนวน 5 ราย
2. ขยายผลองค์ความรู้ปราชญ์เกษตรฯ 54 ชุมชนๆละ 40 ราย
3. จัดเสวนาระดับชุมชน 54 ชุมชน จำนวนผู้เข้าร่วม 1,607 ราย เพื่อพัฒนาแผนงานชุมชนปราชญ์ และขยายผลองค์ความรู้
4. จัดเวทีเสวนาระดับภาค 4 ภาค จำนวนผู้เข้าร่วมทั้งสิ้น 2,979 ราย เพื่อการเชื่อมโยงเครือข่ายปราชญ์เกษตรฯ ระดับภาค
5. จัดเวทีเครือข่ายปราชญ์เกษตรระดับประเทศ จำนวนผู้เข้าร่วม 286 ราย เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สรุปผลการดำเนินงาน ทิศทางและแนวทางการขับเคลื่อนเครือข่ายปราชญ์เกษตรฯ ปี 2551
6. สมาชิกชุมชนปราชญ์เกษตรฯ ที่พัฒนาโครงสร้างการผลิต สามารถเป็นศูนย์เรียนรู้ฯ จำนวน 527 ศูนย์
7. เกิดแผนงานเครือข่ายชุมชนปราชญ์เกษตร และแนวทางการขับเคลื่อนเครือข่ายปราชญ์เกษตรฯ ทั้งระดับเครือข่ายระดับภาค และระดับประเทศ
ในส่วนแผนงานและองค์ความรู้ต่างจะทยอยสื่อสารตอนหลัง.....
แต่สิ่งที่สังเกตเห็นได้จากเข้าร่วมโครงการฯ คือ ความเป็นปราชญ์เกษตร แต่ละคนที่ได้มาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ หรือ เวทีสรุปงานในแต่ละปีนั้น ต่างก็แสดงออกถึงภูมิรู้ที่เกิดจากการปฏิบัติ ความรู้แฝงฝัง แต่ละคนนั้นรอบรู้หลายด้านด้วยเพราะได้ประสบพบผ่านชีวิตมาพอสมควร อีกประการหนึ่งที่แสดงออกได้คือ ความเป็นผู้เอื้อเฟื้อ ทั้งจากภูมิหลังและการแสดงออกที่เห็นได้ชัดคือ ต่างคนต่างก็เอาสิ่งของ พันธ์ไม้พันธุ์พืชมาแลกเปลี่ยนกัน ทักทายปราศัยเสมือนพวกพ้องเดียว หยิบยื่นมิตรไมตรีเอ้ื้ออาทรต่อกันอย่างเป็นธรรมชาติ ( หน้ากากไม่มี ) ซึ่งแตกต่างกับ สภาผู้ทรงเกียรติ
ในมุมมองที่เห็นหากได้สืบสานพลังความรู้ พลังเครือข่าย พลังความดีความงาม เหล่านี้ให้กระจายถ้วนทั่วชุมชนท้องถิ่นไทย .... นี่แหละการเมืองใหม่ในมุมมองของผม การเมืองที่กินได้ เสพได้ถึงอรรรส มิใช่การเมืองตัวแทน การเมืองเลือกตั้ง .......ครับๆๆๆๆๆๆ
ไม่มีความเห็น