คิดบวก (Positive Thinking)


คิดบวก (Positive Thinking)

 

ทองพันชั่ง พงษ์วารินทร์

ปัญหา (Problem) ปัญหา ปัญหา ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้ยินคำนี้ ต้องส่ายหน้าไปตามๆกัน ปัญหา โดยทั่วไป หมายถึง สิ่งผิดปกติ หรือสิ่งที่เราไม่ต้องการให้เกิด สิ่งที่ผิดวัตถุประสงค์ หรือสิ่งที่ต้องการให้เกิด เพื่อวัตถุประสงค์บางอย่าง (สำหรับใครบางคน)  ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยากในการทำงาน หรือดำเนินกิจกรรมใด ๆ โดยมีสาเหตุมากมายเช่น จากคน(Men) เครื่องจักร (Machine)  วัสดุอุปกรณ์ (Material)  วิธีการทำงาน (Methods) สภาพแวดล้อม (Environment) หรืออื่นๆ แล้วแต่ลักษณะของธุรกิจ หรือลักษณะการดำเนินงาน
               ในที่ประชุมมักมีผู้มองปัญหาไปได้หลายมุมมอง ขึ้นอยู่กับ ความรู้ ประสบการณ์ ความรู้สึก หรือแนวคิดส่วนตัว แต่พอสรุปมุมมองของปัญหาได้ 2 มุมใหญ่ๆ คือ มุมลบ (Negative Thinking) และมุมบวก (Positive Thinking) ซึ่งสามารถเปรียบเทียบได้ ดังตารางข้างล่าง

มองมุมลบ (Negative Thinking)

มองในมุมบวก (Positive Thinking)

ความคิด

  • น่าเบื่อมากๆ
  • เกิดขึ้นอีกแล้วหรือเนี้ย !!!!
  • ทำไมถึงต้องเป็นเราในการแก้ไขปัญหานี้?
  • ทำไม่มีใครมาช่วยเราแก้ไขปัญหานี้บ้าง?
  • ปัญหาเก่ายังไม่หาย ปัญหาใหม่เข้ามาอีกแล้ว?
  • จะแก้ไขปัญหาได้ไหมเนี้ย?
  • ไม่อยากอยู่แล้วปัญหามากจริงๆ ลาออกดีกว่า

  

ความคิด

  • เป็นสิ่งที่ท้าทายความสามารถ
  • ทุกปัญหามีทางออกเสมอ เราทำได้
  • สนุกดี มีอะไรให้ทำอีกแล้ว
  • ได้ค้นหา ศึกษา ทดลอง อะไรใหม่ๆ
  • ได้มีโอกาสพบเพื่อร่วมงานใหม่ๆ (กรณีปัญหาที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากต่างแผนก)
  • ได้รู้จักวิธีการระดมสมอง (Brain Storming) และเรียนรู้การทำงานเป็นทีม

มองมุมลบ (Negative Thinking)

มองในมุมบวก (Positive Thinking)

การแสดงออก

  • โวยวายน่าเบื่อมากๆ
  • โมโหง่าย (จุดเดือดต่ำ)
  • ควบคุมอารมณ์ได้ไม่ดี
  • ตื่น ตระหนก ทำให้ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล
  • ลน (ไม่นิ่ง) ขาดความน่าเชื่อถือ
  • อาจส่งผลทำให้ ขาดความรอบคอบ และขาดประสิทธิภาพในการทำงาน

 

การแสดงออก

  • วิเคราะห์ข้อมูล ด้วยความรอบคอบ
  • ใจเย็น
  • ควบคุมอารมณ์ได้ดี
  • นิ่ง  วิเคราะห์ด้วยเหตุและผล
  • แก้ไขปัญหาได้อย่างเป็นระบบ
  • มีความน่าเชื่อถือ และสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การแก้ไขปัญหา เหมือนกับการวางแผนการดำเนินงาน โดยจะต้องเริ่มต้นให้ดีก่อน ดังคำพูดที่ว่า “วางแผนดีมีชัยไปกว่าครึ่ง”  ดังนั้น เมื่อเราเริ่มต้นปัญหาด้วยการมองในมุมบวก การแก้ไขปัญหาก็จะดูง่ายขึ้น ปัญหาก็ดูจะมีทางออก ผู้ร่วมดำเนินงาน ก็จะรู้สึกดี ไม่รู้สึกไม่กดดัน (จนเก็บกด) ส่งผลทำให้บรรยากาศการทำงาน ไม่ตึงเครียด ผู้ที่ทำงานด้วยก็จะรู้สึกดี ในทางตรงกันข้าม ถ้าเราเริ่มต้นด้วยการมองมุมลบ โลกทั้งโลกดูมืดไปหมด (ปวดหัวตึบ) ปัญหาดูยากขึ้นไปทันที แนวทางแก้ไขก็เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร  ผู้ร่วมงานก็รู้สึกกดดัน บรรยากาศการทำงานอึมครึม จะทำอะไรก็ดูยากไปหมด

               สรุป ได้ว่า เมื่อพบปัญหาเกิดขึ้น สิ่งแรกที่ต้องมี สติ ไม่วิตกกังวล เพื่อทำให้มีสมาธิ  มองปัญหาให้ออก ว่ามีที่ไป ที่มา อย่างไร หาข้อมูลให้ได้มากที่สุดเพื่อใช้ในการ วิเคราะห์ หาสาเหตุและแนวทางแก้ไข โดยสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ มุมมองของท่านต่อปัญหาที่เกิดขึ้น จะเป็นกุญแจดอกสำคัญในการแก้ไขปัญหา และ การที่จะเลือกมองมุมใดนั้นต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยหลัก อยู่สองประการ คือ หนึ่ง สภาพแวดล้อม หรือสถานการณ์ ณ.ขณะนั้น และสอง ควรฝึกฝนจนสามารถมองอะไรก็เป็นแง่บวก โดยถ้าท่านหมั่นฝึกฝนจนมีความชำนาญ แล้วล่ะก็  นอกจากปัญหาที่สามารถแก้ไขได้อย่างง่ายดายแล้ว ชีวิตของท่านก็จะมีความสุขแน่นอน ครับ

ที่มา:  http://www.hrcenter.co.th

หมายเลขบันทึก: 210972เขียนเมื่อ 23 กันยายน 2008 14:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:36 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท