การทำเอกสารอ้างอิงท้ายบทความ..ไม่ยากดังที่คิด
ช่วงนี้นั่งทำทำโครงร่างงานวิจัยทั้งวัน เราพบปัญหาการเขียนว่า...
ทำอย่างไร? เราจะอ้างอิงงานวิจัยในบทความ ให้ตรงกับการอ้างอิงท้ายบทความ เพราะเราจะต้องค้นเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้องจำนวนมากและต้องนำมาใช้ในโครงร่างงานวิจัยของเรา
ทำไป ก็รู้สึกงงมากๆ
เราจึงนึกได้ว่าสิ่งที่อาจารย์สอนต้องนำมาใช้ เพื่อความง่ายในการอ้างอิง
เริ่มอ่านและศึกษาและทำไปพร้อมๆกับการเขียนโครงร่าง
ความจริงแล้วอาจารยได้สอน 2 เรื่อง คือ
- การสืบค้นข้อมูลทางการแพทย์และการพยาบาล เพื่อสนับสนุนการใช้เวชศาสตร์เชิงประจักษ์
- สอนการทำเอกสารอ้างอิงท้ายบทความ..(How to make bibilography)
พบว่าการทำเอกสารอ้างอิงท้ายบทความ..ไม่ยากดังที่คิด
ความเห็น (7)
สวัสดีค่ะพี่แก้ว...ไม่ยากเกินความสามารถของพี่แก้งคนเก่งอยูแล้วค่ะ สู้ๆๆๆ
น้องพอลล่า
ที่พี่เขียนบันทึกไว้ เพราะพี่อ่านและทำการบ้าน แล้วบันทึกช่วยจำไว้ใน G2K
ทำให้เราสามารถค้นหาง่ายและนำไปใช้ตอนหลังได้
ถ้าสิ่งที่บันทึกจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆบ้าง ก็จะทำให้สิ่งที่เราเรียนรู้เป็นประโยชน์มากขึ้นค่ะ
-ขอบคุณอาจารย์ประจักษ์ ที่มาเยี่ยมทุกวันค่ะ
ทำแบบ Cite while you write
วิธีที่ 1
- แทรกเอกสารอ้างอิงโดยไม่ต้องออกจากโปรแกรม
MS
word - เมื่อถึงตำแหน่งที่ต้องการแทรกเอกสารอ้างอิง
- เลือกเมนู
tool-
EndNote- Find citation - พิมพ์คำที่ต้องการค้นอ้างอิงในช่อง
Find
(ผู้แต่ง คำสำคัญ) - Search
- เมือ่พบเอกสาร
เลือก click
Insert - เอกสารที่ถูกเลือกจะถูกแทรกในตำแหน่งที่ต้องการพร้อมทั้งเอกสารอ้างอิงท้ายบท
วิธีที่ 2
- เปิด EndNote
library - click เลือกเอกสารที่ต้องการ
- ที่ MS
word ให้วาง cursor ไว้ในตำแหน่งที่ต้องการอ้างอิง - หลังจากนั้นเลือก
tool-
EndNote-Insert selected citation - จะเห็นเอกสารอ้างอิงที่เลือกไว้ได้ถูกใส่ให้แล้วในตำแหน่งที่
Cursor
อยู่ พร้อมทั้งมีการเรียงเอกสารไว้ที่ท้ายบทความอย่างถูกต้องตามรูปแบบที่เลือก
ไว้ใน EndNote - แบบ
New England Journal of Medicine (ตัวเลขกำกับจะยกขึ้น)
ตอนเช้า ทำเอกสารอ้างอิงอัตโนมัติ โดยใช้โปรแกรม EnNote
ถ้าอ้างอิงท้ายบทหายไป
ให้กด AtF9 อ้างอิงจะกลับมา
แต่อ้างอิงในเนื้อหายังกระจัดกระจาย
ในประเทศไทยมะเร็งยังเป็นปัญหาสาธารณสุขไทยสถิติในปีพ.ศ. 2551 เพิ่มเป็น 87.6 ต่อแสนคน{สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข, 2551 #636} ความปวดเป็นปัญหาที่พบบ่อยในผู้ป่วยมะเร็งที่มารับการรักษาในโรงพยาบาลศรีนครินทร์ พบความชุกของความปวด ร้อยละ 56.5 และพบความชุกของความปวดเมื่อแรกรับ ร้อยละ 41.5 ใน 24 ชั่วโมงแรก และ 1 ใน 3 ยังไม่รับการจัดการความปวดด้วยวิธีใดๆ{Patravoot Vatanasapt, 2004 #79} ค
ให้กด citations and bibliography
การแก้ไข ref โดยนำแต่ละบทมาต่อกัน โดยให้อ้างอิงอยู่ท้ายเล่ม
ให้คลิก Updated citations and bibliography