ลีลาการเรียนรู้กับทักษะการเรียนรู้ : อย่างไหนสำคัญกว่า?
หากเป็นเป็นครู สิ่งที่ท่านพึงต้องทราบเป็นเบื้องต้นก็คือ เด็กแต่ละคนมีรูปแบบการเรียนรู้หรือลีลาการเรียนรู้ (Learning style) ไม่เหมือนกัน เช่น เด็กบางคนเรียนรู้ได้ดีทางสายตา (Visual learner) บางคนเรียนรู้ได้ดีทางโสตประสาท (Auditory learner) แต่บางคนก็เรียนรู้ได้ดีทางการรับสัมผัสและการเคลื่อนไหว (Kinesthetic learner) ดังนั้น ถ้าเด็กคนไหนเรียนกับครูที่ใช้วิธีสอนซึ่งไม่สอดคล้องกับลีลาการเรียนรู้ที่ตนชอบ จึงมักจะเกิดความยุ่งยากในการเรียนรู้ (Learning difficulty) อย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้
s ไม่เอาใจใส่ในบทเรียน
s ขาดทักษะในการอ่าน การเขียน การสะกดคำศัพท์
s แก้ปัญหาคณิตศาสตร์ได้ช้า
s ทำงานที่ครูมอบหมายให้ได้ไม่สมบูรณ์
s จดจำสิ่งที่เรียนไปแล้วไม่ได้
s ไม่สามารถทำความเข้าใจกับบทเรียน
s ทำงานด้วยความเหนื่อยยากกว่าจะประสบความสำเร็จ
การค้นหารูปแบบการเรียนรู้ของเด็กให้พบ แล้วใช้วิธีสอนให้สอดคล้องกับลีลาการ
เรียนรู้ที่เด็กชอบมากที่สุด เช่น เด็กที่เรียนรู้ได้ดีทางสายตา ครูพยายามให้เด็กได้อ่านมาก ๆ หรือเด็กที่เรียนรู้ได้ดีจากการเคลื่อนไหว ครูก็พยายามให้เด็กได้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง เป็นวิธีการหนึ่งที่ครูสามารถช่วยเหลือเด็กที่มีปัญหาในการเรียนรู้ได้ แต่อาจเกิดผลเพียงระยะสั้น ๆ หากมองไปในระยะยาวแล้ว เป็นการสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อเด็ก ๆ เพราะการทำเช่นนั้นเท่ากับไปเสริมส่วนที่เป็นจุดแข็ง (Strength) ให้มากขึ้น แต่ละเลยส่วนที่เป็นจุดอ่อน (Weakness) ของผู้เรียน ซึ่งหากครูทิ้งจุดอ่อนต่าง ๆ เหล่านี้ไว้โดยไม่คิดหาทางแก้ไข อาจทำให้เด็กเหล่านี้เกิดปัญหาในการเรียนรู้อีกภายหลังที่ออกจากโรงเรียนไปแล้ว และยังอาจส่งผลกระทบถึงการตัดสินใจเลือกเรียนต่อ หรือเลือกประกอบอาชีพในอนาคตได้อีกด้วย
ที่มา: รองศาสตราจารย์มัณฑรา ธรรมบุศย์*
ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ
พยายามพัฒนาเครื่องมือทดสอบลีลาการเรียนรู้ของนักเรียน
ลีลาการเรียนรู้ก็น่าจะหมายถึงปัญหาของนักเรียนแต่ละคนใช่ไหมคะ
เขียนต่อนะคะ จะมาติดตามอ่านค่ะ เ
พราะต้องการทำความเข้าใจกับเรื่องนี้มากค่ะ