เมื่อได้รับการหยิบยื่นความหวังให้
ก็หวัง ไว้มาก ทุ่มเทกับมันมากมาย
แล้วเมื่อวันหนึ่งเกิดผิดหวังขึ้นมา ไม่สมหวัง
ดังที่ตังใจไว้ เหมือนทุกอย่างพังทลาย
มันทำอะไรไม่ถูก เหมือนโลกนี้หยุดหมุนชั่วขณะหนึ่ง
สิ่งรอบข้างมันเงียบงันไปหมด
ไม่ได้ยินแม้แต่หรีดหริ่งเรไรร้องระงมเหมือนก่อน
เหมือนกับเราอยู่ในโลกนี้เพียงลำพังเพียงผู้เดียว
ไม่มีใครคอยปลอบประโลมในยามนี้
เหมือนไม่มีใครฉุดดึงมือขึ้นมาในเมื่อเราล้ม
+++++++++++++++++++++++++
เรารักใครสักคนไม่จำเป็นต้องครอบครอง
ไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน
ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวก้อยร่วมเดินทางฝันไม่ใช่เหรอ
ขอเพียงแค่ส่งความปราถนาดี ความหวังดี
คอยดูแลยามทุกข์หรือสุขอยู่ห่างๆ เท่านั้นก็ได้
เมื่อเขาทุกข์คอยส่งใจคอยปลอบประโลมอยู่ห่างๆ
ถึงจะไม่ได้คอบปลอบอยู่ข้างกายก็ตาม
ยามเขามีความสุขนั่นก็หมายถึง
เราพลอยมีความสุขกับเขาด้วยแค่นั้นจริงๆ
ไม่ได้หวังอะไรมากมายอย่างเช่นที่ผ่านมา
ไม่ใช่พระเอกหรือเจ้าชายในละคร
ไม่ใช่วีรบุรุษผู้เสียสละ ในตำนาน
เป็นปุถุชนคนธรรมดา คนข้างถนนคนหนึ่ง
หวังเพียงหวังไว้แค่นั้น
...................................................................................................
*รักเขามาก มีทุกข์ ร่างกายทรุดโทรม
ถ้าเราตาย เขาจะตายตามเราไหม ?
ถ้าเขาตาย เราจะตายแทนเขาได้ไหม ?
*เดี๋ยวลูกโตขึ้นมา ถามว่าเวลาตั้งสิบกว่าปี แม่มัวทำอะไรอยู่ ?
*ให้ถามตัวเองว่า รักเขามากไหม ? ตายแทนเขาได้ไหม ?
*ร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือดก็ไม่ได้เขาคืนมา
*จากเป็นนี่บุญแค่ไหน คิดถึง-อยากเห็นหน้า ไปหาก็ได้เห็น
จากตายนี่ ให้คิดถึง-ร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือดก็ไม่สามารถเห็นหน้าได้
*ถ้ามันเป็นของของเรา อะไรก็มากีดกั้นไม่ได้ อะไรที่ไม่ใช่ของเรา
แม้จะไขว่คว้าตะเกียกตะกายด้วยวิธีใด ก็ไม่ได้มาเป็นของเรา
ของของเราก็เป็นของเราอยู่วันยังค่ำ
เรามีความแก่เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นไปได้
เรามีความเจ็บเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นไปได้
เรามีความตายเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นไปได้
เรามีความพลัดพรากจากของรักของชอบใจเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นไปได้
ตัดตอนมาจาก http://www.oknation.net/blog/Aug-saraporn/2007/07/22/entry-1
ปล. คอมมเม้นท์แสดงความคิดเห็นในบันทึกนี้ได้ ครูข้างถนน ขออนุญาต และขอโทษ ไม่ตอบคอมเม้นท์ครับ