รัฐบาลรักษาการณ์แห่งชาติ ผ่าทางตันวิกฤตประเทศไทย


รัฐบาลรักษาการณ์แห่งชาติ ผ่าทางตันวิกฤตประเทศไทย

จดหมายเปิดผนึกจากฝ่ายสีขาวที่เป็นมิตรกับทุกฝ่าย ถึงเจ้าของประเทศไทยทุกท่าน

 

เรียน   ท่านเจ้าของประเทศ

 

 ถึงเวลาตั้ง"รัฐบาลรักษาการณ์แห่งชาติ"แล้วหรือยังครับ

 

            บ้านเมืองกำลังวิกฤต คนไทยกำลังจะแบ่งแยกกันเป็น2ชาติ ในประเทศเดียวกัน  ทั้ง2ฝ่ายต่างพร้อมที่จะเข้าห้ำหั่นกันในทุกๆระดับเวที  แต่จะมีประโยชน์อะไรถ้าผู้ชนะจะได้ยืนชูมือประกาศชัยชนะบนกองซากปรักหักพังของประเทศ หรือแม้แต่บนซากศพของเพื่อนร่วมชาติ 

           ทำไมเราไม่หันมามองกันที่ข้อดีของแต่ละฝ่าย?   เพราะว่า"ความดี"ของอีกฝ่ายหนึ่งนั้น แม้ว่าจะมีอยู่น้อยสักเพียงใด  แต่เมื่อนำมารวมเข้ากับความดีของฝ่ายเราแล้วก็ไม่มีทางที่จะน้อยกว่าความดีของเราเพียงฝ่ายเดียวได้เลย

            ผมว่าเราน่าจะลองพิจารณาแก้ปัญหาที่ระบบและกติกา ให้เป็นระบบที่จะรักษาคนดีๆให้เป็นคนดีอยู่ได้นานที่สุด และป้องกันคนไม่ดีอย่าให้มีโอกาสทำความเลว  ทั้งนี้เพราะคนทุกคนย่อมมีทั้งดีและเลวปะปนกันอยู่(ไม่เว้นแม้ตัวผมเอง)  ไม่มีใครที่จะดี100%(แค่ดีเพียงเกินค่าเฉลี่ยก็มักจะขึ้นสวรรค์เร็วกว่าคนอื่นแล้ว)  และไม่มีใครที่เลวหมดทั้ง100%(พวกนั้นคงไม่มีโอกาสลืมตามองโลกครับ)

            ในสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้(12 ก.ย.51) ผมขอเสนอว่าเราต้องหาทางออกที่นอกเหนือจากความเคยชิน แต่ไม่นอกกติกาที่มีอยู่  ซึ่งเป็นทางสายกลาง ปฏิบัติได้ทันที และไม่เป็นการทำร้ายฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง  แต่จะเป็นการรวมเอาความหวังดี+ความสามารถของทุกฝ่าย เข้ามาช่วยกันสร้างชาติอย่างสมานฉันท์ครับ  นั่นก็คือให้มี"รัฐบาลรักษาการณ์แห่งชาติ" เป็นรัฐบาลที่จะไม่ทำโครงการใหม่ใดๆในทางนโยบาย  และไม่ก่อภาระใดๆที่จะผูกพันไปถึงการบริหารราชการของรัฐบาลถัดไป  [ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องมาทะเลาะกันเพื่อเลือกเฟ้นรัฐบาลที่"บริสุทธิผุดผ่อง"] 

      วิธีการ :-

1)      ขออนุมัติต่อรัฐสภา ให้รัฐมนตรีที่เหลืออยู่ขณะนี้ ทำหน้าที่เป็นรัฐมนตรีรักษาการต่อไปก่อน จนกว่ารัฐธรรมนูญใหม่จะแล้วเสร็จ โดยผ่านประชามติ  ทั้งนี้โดยมีกำหนดเวลาที่แน่นอน(เช่นภายใน1ปี)

2)       สภาฯเลือกนายกรัฐมนตรีแทนอดีตนายกสมัครฯ แล้วนายกฯคนใหม่ทูลเกล้าฯเพื่อทรงแต่งตั้งรัฐมนตรีใหม่เฉพาะรัฐมนตรีฯกลาโหมและต่างประเทศ (+กระทรวงอื่นๆถ้ามีลาออกเพิ่มขึ้น) โดยรัฐมนตรีที่ตั้งใหม่ในระหว่างนี้จะต้องไม่สังกัดพรรคการเมือง(เช่นอาจขอพระราชทานคุณเตชกลับมาใหม่) ส่วนการถวายสัตย์ปฏิญาณ+แถลงนโยบายก็ให้ปฏิบัติเฉพาะรัฐมนตรีใหม่+นโยบายของรัฐมนตรีใหม่เท่านั้น

3)      รัฐสภาประชุมร่วมกันเพื่อกำหนดกรอบระยะเวลาในการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และกฎหมายลูกเท่าที่จำเป็น

4)      รัฐสภาแต่งตั้งกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ โดยมีตัวแทนจากทุกภาคส่วน(รวมทั้งตัวแทนของพันธมิตรฯ)   และควรจะมีคณะอนุกรรมาธิการที่เปิดกว้างมากที่สุด เช่นไม่จำกัดจำนวนองค์คณะตามสัดส่วนอย่างใดอย่างหนึ่ง ,ให้ประชาชนทุกคนสามารถเสนอความเห็นต่ออนุกรรมาธิการได้โดยไม่ต้องอ้างความเป็นตัวแทนของกลุ่มใดๆ , ฯลฯ

5)      ให้มีการลงประชามติต่อร่างรัฐธรรมนูญแยกเป็นรายหมวด และในการลงประชามติต้องให้ประชาชนเลือกจากตัวเลือกทุกแนวทางที่รัฐสภาแปรญัติมา ไม่ใช่เลือกแค่ว่ารับหรือไม่รับ

6)      หลังการลงประชามติให้รัฐสภาโหวตว่าจะรับหรือไม่รับร่างที่ประชาชนลงคะแนนมากที่สุด โดยไม่มีการแปรญัติอีก  ถ้าสภาไม่รับร่างฯในหมวดใด ต้องลงประชามติซ้ำ เฉพาะหมวดนั้นๆ

7)      ถ้ารัฐธรรมนูญไม่แล้วเสร็จในระยะเวลาที่กำหนด ให้ยุบสภาฯเพื่อเลือกตั้งใหม่แต่กรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญให้ทำหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะแล้วเสร็จ  (หรือจนกว่าจะมีวิกฤตเกิดขึ้นมาใหม่  --> ถึงตอนนั้นก็ตัวใครตัวมันนะครับ)

     

      ถ้าใครเห็นว่าน่าจะ/หรืออาจจะมีประโยชน์ต่อประเทศชาติบ้าง ผมก็ขอความกรุณาช่วยกันเผยแพร่คนละไม้คนละมือ เพื่อให้ได้รับการพิจารณาในวงกว้างต่อไปนะครับ

                                        ด้วยความปราถณาดี จากศัลย์แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวคนหนึ่ง

 

บันทึกเพิ่มเติม (17 ก.ย. 51)

ความเป็นมา :-  10 ก.ย.51 ประมวลได้แนวความคิดเคร่าๆ แต่ประเมินแล้วว่าคงไม่ทันสถานการณ์

               12 ก.ย.51(สภาล่ม เลือกนายกฯไม่ได้)  จึงเข้าไปpantip  แต่ต้องรอการตรวจสอบคุณสมบัติสมาชิกใหม่อีก3วันจึงจะแสดงความเห็นได้

               13-15ก.ย.51 ประกาศตัวเป็นฝ่ายสีขาวที่พร้อมจะเป็นเพื่อนกับทุกฝ่าย +ทำเป็นจดหมายเปิดผนึก แล้วถ่ายเอกสารเผยแพร่แก่คนที่รู้จ้ก+ทุกคนที่แสดงความสนใจ (แจกไป400กว่าฉบับ จากการถ่ายเอกสาร4รอบ รวม450ฉบับ)  ,ส่งe-mailไปถึงญาติ+ เพื่อน +หนังสือพิมพ์ (ไทยรัฐ+ เดลินิวส์ ส่วนมติชน+ผู้จัดการส่งเข้าไม่ได้) + web site ของพรรคพลังประชาชน (ของสันติอโศกปิดรับสมาชิกใหม่ชั่วคราว)

แนวคิดหลัก :-

1. ในสภาวะที่รัฐบาลใดๆก็ไม่สามารถบริหารประเทศได้ เราน่าจะหันมาคิดนอกกรอบ(แต่ไม่นอกกติกา) โดยการให้มีเฉพาะรัฐบาลรักษาการณ์ไปก่อน ซึ่งจะปลดล็อคได้ในหลายๆด้าน

2. ถ้าไม่เริ่มต้นจากกติกาเดิมก็ไม่สามารถใช้กติกาใดๆได้ เพราะทุกฝ่ายจะอ้างเอาแต่กติกาที่ตนเป็นฝ่ายได้เปรียบ

3. รัฐสภาและรัฐธรรมนูญปัจจุบันยังคงอยู่ เพื่อเป็นกรรมการ+เป็นกติกาสำหรับการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่ทุกฝ่ายยอมรับได้

4. รัฐบาลรักษาการณ์ทำหน้าที่เฉพาะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากับงานประจำทั่วไปเท่านั้น  เพื่อรอจนกว่ารัฐธรรมนูญใหม่แล้วเสร็จ(ผ่านประชามติอย่างโปร่งใสและประกาศใช้โดยทุกฝ่ายยอมรับ) จากนั้นจึงยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่

5. ในเมื่อเป็นรัฐบาลรักษาการณ์ก็ไม่มีปัญหาในด้านความเป็นกลางหรือผลประโยชน์ทับซ้อน แต่เพื่อความมั่นใจมากยิ่งขึ้นควรตั้งรัฐมนตรีใหม่จากคนนอก(ไม่สังกัดพรรคการเมือง+ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง) ส่วนรัฐมนตรีรักษาการณ์ที่มีอยู่เดิมจะทำหน้าที่รักษาการณ์ต่อไปก็ได้

6. การร่างรัฐธรรมนูญใหม่ควรเปิดกว้างให้ทุกฝ่ายได้เสนอโดยไม่มีการปิดกั้นใดๆ  และให้ประชาชนเลือกผ่านการลงประชามติเลือกจากทุกแนวทางที่มีผู้เสนอ ไม่ใช่การลงประชามติเพียงว่าจะรับร่างหรือไม่รับเท่านั้น ( มีทั้งฉบับ2540 , 2550 , ฉบับของพันธมิตร , ฉบับของพรรคพลังประชาชน , ของพรรคประชาธิปัตย์ ฯลฯ )

7. รัฐสภายังทรงสิทธิในการกลั่นกรองขั้นสุดท้าย คือการพิจารณารับหรือไม่รับร่างฯที่ผ่านประชามติด้วยคะแนนสูงสุดก่อนทูลเกล้าฯเพื่อประกาศใช้  (แต่ถ้าสภาไม่รับแล้วประชาชนยังลงประชามติเลือกร่างฯฉบับเดิม ก็ควรประกาศใช้ร่างฯฉบับนั้น)

ผลการดำเนินงาน  น่าเสียดายอยู่บ้างที่ยังไม่มีการตอบสนองจากฝ่ายการเมือง แต่ไม่เสียใจเพราะของดีจริงย่อมไม่ต้องยัดเยียดให้ใคร  ตอนนี้อาจมีวิธีอื่นที่เขาคิดเหมาะสมมากกว่า แต่ถ้าวิธีอื่นๆถูกใช้ไปหมดแล้วก็อาจจะมีใครหยิบยกวิธีนี้ขึ้นมาใช้ในภายหลังก็ได้   



ความเห็น (2)

ฝ่ายการเมือง ...อ้าปากก็เห็นลิ้น ไก่ ทำไห้ประเทศมองไม่เห็นทางออก เพราะทางออกของมัน คือ ต้องเกาะเก้าอี้ ต้องมีอำนาจ รองบประมาณประเทศ

แล้วคอยเช็ดน้ำลาย เมื่อได้เงินงบประมาณ

เห็นด้วยกับคุณsaraครับ แต่ถ้าประชาชนช่วยกันพูดพร้อมๆกัน ก็จะเป็นเสียงที่ดังพอที่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายต้องรับฟังเองครับ และถ้าพูดด้วยเหตุผลที่ดี+ด้วยฉันทาคติแล้วก็จะยิ่งน่ารับฟังยิ่งขึ้นครับ ประเทศไทยตอนนี้ไม่มีทางออกเพราะสถานการณ์ถูกlock จนขยับไปทางไหนก็ไม่ได้ทั้งสิ้น ไม่ว่ารัฐบาลจะเป็นใครก็ไม่สามารถบริหารได้ ดังนั้นผมจึงเสนอให้หยุดการบริหารไว้ก่อน คือให้มีรัฐบาลรักษาการณ์ไปจนกว่าจะมีรัฐธรรมนูญใหม่ที่เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายก่อน แล้วค่อยเลือกรัฐบาลที่บริหารตามนโยบายครับ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท