โจ๊กผีหลอกพระ


                      โจ๊ก  :  ผีหลอกพระ

            ที่บ้านแห่งหนึ่ง  ในตำบลหนองกุงศรี   จังหวัดกาฬสินธุ์    ชาวบ้านกำลังมีงานศพ

โดยได้รับศพนายสาธิต  อายุ 61 ปี   ซึ่งเสียชีวิตจากโรคใหลตายที่ประเทศลิเบีย   เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม จากสนามบินสุวรรณภูมิ   มาตั้งสวดบำเพ็ญกุศลที่บ้านเป็นคืนแรก
            โดยนำศพใส่โลงเย็นของเทศบาลตำบลหนองกุงศรี    วางไว้บริเวณห้องโถงชั้นบนของบ้าน แล้วได้นิมนต์พระสงฆ์จากวัดสว่างกุงศรี   10 รูป   มาประกอบพิธีทางศาสนาสวดพระอภิธรรมศพ
             มีญาติพี่น้องรวมทั้งเพื่อนบ้านกว่า 40 คน    มาร่วมฟังพระสงฆ์สวดพระอภิธรรม
ปรากฏว่าขณะที่ญาติจุดธูปเทียนไหว้พระ   และพระสงฆ์กำลังสวดอยู่นั้นเอง
   เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น....
             เมื่อมีเสียงดังคล้ายฝนตก  และลูกเห็บถล่มลงบนหลังคาบ้าน
  ลมพัดเย็นยะเยือก  ทั้งที่ไม่มีฝนตกแต่อย่างใด   ทำเอาทุกคนถึงกับขนลุกซู่ได้แต่มองตากัน     แล้วจู่ๆ ตัวบ้านก็สั่นคลอน  โยกไปมา  ก่อนจะทรุดเอียงไปทางทิศตะวันออก  ประมาณ 45 องศา    ทำให้โลงศพขนาดใหญ่ตกจากแท่นรอง  ไหลไปทางที่พระสงฆ์นั่ง    โชคดีโลงศพไม่ไหลทับพระ  เพราะติดอยู่กับเสากลางบ้าน  ในลักษณะเอียงกระเท่เร่  เสียก่อน

            ชาวบ้านและพระที่นั่งสวดศพ  ตกใจกลัว   เห็นท่าไม่ดี  พากันวิ่งหนีกระเจิงไปคนละทิศละทาง   เพราะคิดว่า  วิญญาณคนตายมาจากเมืองนอก  เฮี้ยนหนัก   หลอกได้แม้กระทั่งพระไทย   ไม่เว้นแม้แต่ หลวงตาเจ้าอาวาส  รีบคว้าสบง จีวร  เผ่นหนีออกจากบ้านทันที   โดยไม่ต้องรอให้เจ้าภาพกราบนิมนต์ให้ออกไป...

             ชาวบ้าน  แย่งกันเบียดเสียดออกทางประตูที่คับแคบ  ชนิดตัวใครตัวมัน  ขอให้เอาตัวรอดไปก่อน     พระสงฆ์บางรูปอ้วนติดอยู่ที่ประตู  กว่าจะหลุดออกมาได้ก็เป็นไปอย่างทุลักทุเล...    
            
ระหว่างนั้น   มีเสียงชาวบ้านคนหนึ่งตะโกนบอกเจ้าภาพให้นิมนต์พระสงฆ์อยู่สวดพระอภิธรรมศพให้เสร็จเสียก่อน
  
             ปรากฏว่า  มีเสียงพระสงฆ์รูปหนึ่งตะโกนตอบกลับมาว่า    
พระก็คน  ไม่ใช่พระอิฐพระปูนเมื่อไหร่    ก็ต้องหนีเหมือนกันแหละโยม   อาตมาไม่เอาค่าสวดหรอกวันนี้....

 

             หลังจากที่ทุกคนเผ่นหนีออกมาจากบ้านแล้ว   ก็มายืนจับกลุ่มรวมกันที่บริเวณหน้าบ้าน   สังเกตดูบ้าน  ปรากฏว่า  เสาบ้านทรุดข้างหนึ่ง  ทำให้บ้านเอียง  เป็นเหตุให้โลงศพไหลลงมาอยู่ที่พื้น
              เมื่อเห็นว่าทุกคนปลอดภัย   เจ้าภาพจึงนิมนต์พระสงฆ์ให้สวดพระอภิธรรมต่อ โดยจัดเก้าอี้มาให้นั่งหน้าบ้าน   และโยงสายสิญจน์จากโลงศพบนบ้านลงมา
    ตอนแรกพระสงฆ์ไม่ยอมสวด แต่เมื่อทนเสียงรบเร้าจากเจ้าภาพไม่ไหว   จึงยอมสวดแค่มาติกาเพียงสั้นๆ   ก่อนจะรีบกลับวัดไป...

                                                          ..............................

                 นางประมวล    อายุ 60 ปี   เจ้าของบ้านเปิดเผยว่า   บ้านหลังนี้ปลูกสร้างมานานกว่า 30 ปี แล้ว    สามีอดีตเคยเป็นทหารสังกัดกองทัพภาคที่ 2  ยศ จ.ส.อ.เคยไปร่วมรบสงครามเวียดนาม หลังลาออกจากราชการ   ก็ไปทำงานที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย   เก่งภาษาอังกฤษและภาษาอาหรับ ก่อนหน้านี้เดินทางไปทำงานช่วยแปลภาษาให้กับคนงานไทยที่ลิเบีย     กระทั่งเสียชีวิตจึงนำศพกลับประเทศ    
                 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  หลายคนเชื่อว่าศพเฮี้ยนเพราะใหลตาย 
ทำเอาทั้งพระและญาติโยมเผ่นหนีกระเจิง   โดยไม่คิดชีวิต...........
                                                                ............................

          อ่านแล้ว  เป็นอย่างไร  ตลก   ขบขัน  ชอบไหม? ......  แสดงความคิดเห็นหน่อย....

 

หมายเลขบันทึก: 208010เขียนเมื่อ 12 กันยายน 2008 00:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:33 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

น่าเห็นใจเจ้าภาพงานเนาะ ..ไหนจะต้องมาจัดงานศพ..ไหนจะมาเตรียมยกบ้านใหม่..น่าเห็นใจที่สุดก็คงจะเป็นพระ..ท่านคงตกใจแย่ ..เวทย์มนต์เสื่อมคลังหมด..ขอบคุณสำหรับเรื่องโจ๊กเช้านี้...

เอ ที่โน่น เขานิมนต์ พระสวดอภิธรรม 10 รูปเหรอครับ

ที่บ้านผมเวลามีคนเสียชีวิต นิมนต์พระสวดอภิธรรม 4 รูป (ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฝื้นไม่มี หนีไม่พ้น)

และแสดงพระธรรมเทศนา 1 รูป ครับ รวม 5 รูปเองครับ

ขอบคุณครับ

เหตุการณ์ผ่านไปแล้ว ก็ตลกนะครับ แต่ระหว่างเหตุการณ์คงตลกไม่ออก

สำนวนว่า "คว้าสงบจีวร" หมายความว่า สบงจีวรหลุดใช่หรือเปล่าครับ

ถ้าเป็นดังนั้น จีวรหลุดไม่เป็นไร แต่สบงหลุดคงไม่งามแน่ ผีคงกลัว

ส่วนพระวัดอะไรนะ สว่างกุงศรี (อาจเป็นกรุงศรี) คงขำไม่ออก ฮ่าหน่อยเร็วววว

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท