หญิงงามเมือง นครโสเภณี พนักงานบริการ คือ คนที่ค้ำชูและบำรุงสังคม
“โรงหญิงนครโสเภณีสมัยรัชกาลที่ ๔ ถึงก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๒ มีทั่วไปแทบทุกตรอกซอกซอย แต่ที่มีนักเที่ยวไปใช้บริการกันคับคั่งคือที่ ตรอกเต๊า โรงยายแฟง โรงแม่กลีบ โรงแม่เต้า ยายแฟงเป็นแม่เล้าใจบุญ ได้นำเงินไปสร้างวัดใหม่ขึ้นวัดหนึ่งที่ตรอกวัดโคก ชาวบ้านเรียก วัดใหม่ยายแฟง หรือ วัดคณิกาผล ส่วนแม่กลีบได้สร้างวัดที่ปากตรอกเต๊า เรียก วัดกันมาตุยาราม”
จากข้อความข้างต้น จะเห็นว่า พนักงานบริการ หรือที่สังคมเรียกอย่างตีตราและพิพากษาว่า โสเภณี หนังขายตัว หรือ อีตัว กระหรี่ สุดแท้แต่ กมลสันดานใครจะละเอียดอ่อนหรือหยาบกระด้างในการเรียกเธอเหล่านั้นอย่างจิกหัวอย่างไรก็ตามแต่ ที่เห็นได้อย่างชัดเจน คือ จิตใจที่ใฝ่ดีของ พนักงานบริการเหล่านี้ ที่มีความตั้งใจจะทำนุบำรุงพระศาสนา หรือแม้กระทั่งความจริงที่พบเห็นได้อย่างน่าชื่นชม คือ พนักงานบริการในสถานบริการในจังหวัดแห่งหนึ่งที่ ตื่นแต่เช้าเพื่อใส่บาตรพระทุกวัน ??ทำไม ไม่มีใคร นำเสนอภาพแบบนี้ บ้าง ??
ในอดีตอีกอาชีพหนึ่งที่โดนตราหน้าตีตราพิพากษา ก็คือ พวกเต้นกินรำกิน ก็จะมี วัดอย่างน้อย สองวัด คือ วัดละครทำ และวัดนายโรง ที่ คนมีอาชีพที่คนในสังคม ในแต่ละช่วงเวลาให้ความรังเกียจ เขา และเธอเหล่านั้น ก็จะแสดงพลังกระแทกสังคมผ่านวิธีการที่สังคมในยุคนั้น ๆ ต้องถึงกับอึ้งในการกระทำที่เขาและเธอเหล่านั้นทำหรือแสดงออก
มาถึงยุคนี้ การตีตรา การตราหน้า และการพิพากษา ก็ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่องและรุนแรงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เพราะใช้เงื่อนไขของกฎหมายมากดหัวให้คนอยู่ภายใต้คำสั่งของบ้านเมืองมากยิ่งขึ้น ให้อำนาจแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความรุนแรงโดยอาศัยช่องทางที่เป็นรูโหว่ของกฎหมายมากยิ่งขึ้น แม้ว่าในเจตนากฎหมายหลาย ๆ ฉบับที่มีต่อสังคมจะเป็นเจตนาดีแต่ก็เป็นเจตนาดี อย่างลำเอียงที่เลือกปฎิบัติต่อคนในสังคมที่ไม่เท่าเทียมกัน ??
อาชีพที่ พระสงฆ์องค์เจ้า และประชาชนที่ปากว่าตาขยิบส่วนหนึ่งผลัดกันออกมาตำหนิติเตียนเมื่อเวลามีเหตุการณ์อะไรพิเศษโดยที่บางคนอาจจะลืมไปด้วยซ้ำว่า ตัวเอง ก็อาจจะเคยผ่านการใช้บริการจากพนักงานบริการเหล่านี้มาด้วยซ้ำไป เรียกได้ว่าสังคมไทย ก็ ยังคงวนเวียนอยู่ในภาวะที่เรียกว่า หน้าไหว้หลังหลอก ปากว่าตาขยิบ อย่างไม่จืดจาง ทั้งที่ คนกลุ่มนี้ ได้สร้างสรรค์สิ่งดีดี และค้ำชูสังคมไทยให้เกิดความสมดุล และมีสีสันอย่างงดงามตามแบบฉบับที่เขาและเอจะมีกำลังความสามารถที่จะทำได้
หลายครั้งที่เขาหรือเธอ โดนสังคมกระแทกผ่านสื่อต่าง ๆ ทางแบบตรง ๆ แบบอ้อม ๆ หรือ แบบแอบจิกแอบด่า หรือแม้กระทั่งการแอบเก็บเรื่องราวของเขาและเธอมาอย่างละเมิดสิทธิมนุษยชน อย่างไม่น่าให้อภัย เพราะไม่ให้ความเคารพกันและกัน พิจารณาและสรุปเอาเพียงปรากฏการณ์ที่พบเห็น ณ ช่วงเวลานั้น ณ ขณะนั้น โดยไม่สอบถามที่มาที่ไปอย่างแท้จริง...
พนักงานบริการ คือ คนที่มีส่วนสำคัญในการสร้างโลก จรรโลงสังคม ค้ำจุนสังคม ให้อยู่ได้อย่างปกติสุข และ เป็นกลไกสำคัญในการประคับประคองความตกต่ำของสังคมต่างหาก ไม่ใช่ตัวฉุดรั้งสังคมให้ถดถอยอย่างที่ใครหลายคน กำลังยัดเยียดให้เขาและเธออย่างไม่มีพื้นที่ให้เถียง ....
โอ้ ! อ่านแล้วก็ตอกย้ำถึงความคิดของตัวเองค่ะ ที่ขบคิดมานานแล้วเหมือนกัน เพราะมีญาติคนนึงเค้าทำกิจการร้านหมอนวด yaimod เคยถามเค้าว่า ถามจริงเหอะ พี่ว่าอาชีพที่พี่ทำอยู่น่ะ มันบาป เหมือนกับที่คนอื่นเค้าว่ารึเปล่า เพราะมันทำให้ผู้ชายหลายคนต้องนอกใจเมียและทำให้สังคมเสื่อมถอยอยู่ทุกวันนี้ เหมือนที่เค้าว่ารึเปล่า เค้าบอกว่า มันเป็นการให้ความสุขกับพวกเค้าต่างหาก เราฟังแล้วก็กลับมาคิด มันถูกหรือผิดกันน่ะ แต่อาชีพบริการมันจะมีได้ต่อไปก็เพราะมีคนใช้บริการใช่มั้ยล่ะ และมันก็มีอยู่จนถึงปัจจุบัน แสดงว่านี่คือการตอกย้ำให้เรารู้ว่า พวกเค้าไม่ผิดหรอกเพราะพวกเค้าให้บริการจริง ๆ แต่คนที่ผิดน่ะ คือ คนที่ไปใช้บริการ(บางคน)ต่างหากล่ะ
มันก็จริงค่ะ