พระเจ้าชื่อ"เงินตรา"


พระเจ้าชื่อ"เงินตรา"

<!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; mso-bidi-font-size:14.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Angsana New";} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} -->

เงินตรา พระเจ้า องค์ใหม่ของมนุษย์

พระเจ้า  ความหมายที่แท้จริงของคำๆนี้ก็คือ อำนาจ ที่สามารถดลบันดาล ให้ ในสิ่งที่เราปรารถนา

พระเจ้า คือ อำนาจ ที่ทำให้เราอบอุ่นใจ

     อำนาจ ที่สามารถปกป้องความกลัวของเราได้

 เราอยากได้ความสะดวกสบาย เงิน สามารถซื้อหาได้

เรากลัวว่า ในยามที่เราแก่เฒ่า ไม่สามารถทำงานได้อีก  เรากลัวอดอยากหิวโหย เงิน  สามารถซื้อหามาได้

เรากลัวความเจ็บไข้ได้ป่วย เงิน สามารถจัดการให้หาหมอ หาหยูกยา หาการรักษา ได้

ในอดีตเมื่อเรากลัว พระเจ้า ความศักดิ์สิทธิ์

สามารถปกป้องความกลัวและดลบันดาลในสิ่งที่ปรารถนา แก่เราได้

ในปัจจุบัน ความกลัวของเราได้เปลี่ยนแปลงไป สิ่งที่ทำให้เราอบอุ่นใจและดลบันดาลให้แก่เราได้ นั่นก็ คือ

เงินตรา

เงิน คือ ตราสารชนิดหนึ่ง ที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อใช้ในการแลกเปลี่ยนสินค้า

ในอดีตมันเป็นความยากลำบากในการที่จะแลกเปลี่ยนสินค้าต่างประเภทกัน ให้ได้ถูกใจระหว่างกันและกัน ดังนั้นมนษย์จึงได้ตีค่าของสินค้าขึ้นและสมมุติเงินขึ้น เพื่อให้สะดวกในการแลกเปลี่ยนสินค้ากันได้ เช่นเรามีข้าวสารอยู่แต่เราอยากได้เนื้อสัตว์ เราก็เอาข้าวสารของเราไปแลกกับเนื้อ ในอดีตเราอาจจะตีค่ากันว่าข้าวสารสิบกิโลแลกเนื้อสัตว์ได้หนึ่งกิโลแต่ข้าวสารที่เหลือของเราล่ะจะทำอย่างไร หรือเราจะต้องแลกเป็นสินค้าต่างๆทั้งหมด คนกลุ่มอื่นๆก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน จึงได้มีการตีค่าของสินค้าต่างๆขึ้น และสมมุติเงินตราขึ้นมาใช้เพื่อเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยน ในสมัยโบราณ ก็มักใช้วัสดุที่มีอยู่ในธรรมชาติที่หาได้ยากมาเป็นตัวกลาง เช่น หอยเบี้ย เงิน ทอง และสุดท้ายก็กลายมาเป็นกระดาษและเหรียญ

ด้วยความที่เราเก็บเงิน เก็บทอง แทนการเก็บสินค้า ที่ต้องใช้พื้นที่และอาจเสียหายได้ง่าย เพราะส่วนใหญ่ก็เป็นสินค้าทางการเกษตร และใช้เงินทองไปเพื่อแลกเปลี่ยนสินค้าที่เราต้องการจนคุ้นชิน เราลืมไปแล้วว่า เงินตรา เป็นเพียงสิ่งสมมุติขึ้นมาเพื่อใช้เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้า

เราๆในปัจจุบันรู้กันแต่ว่า เงินสามารถซื้อหาในสิ่งที่เราต้องการได้  เงินสามารถดลบันดาลให้ในสิ่งที่เราปรารถนา ดังนั้น เราจึงดิ้นรนขวนขวายหากันแต่เงิน จนแทบจะลืมเรื่องอื่นใดไปทั้งหมด

หากวันนี้เกิดสงครามขึ้น ข้าวสารอาหารต่างๆ หาไม่ได้ในที่ทั่วๆไป คุณและครอบครัวของคุณมีข้าวสารอยู่กระสอบหนึ่งและในที่นั้นๆไม่มีใครที่จะมีข้าวสารหรืออาหารอื่นอยู่เลย

หากผมเอาเงินสักแสน ไปแลกข้าวสารที่คุณมีทั้งหมด   คุณจะยอมแลกไหม ?

คุณคงจะไม่ยอมแลก

เพราะสิ่งที่ทำให้คุณอิ่มได้ คือ ข้าว ไม่ใช่ เงิน 

เงิน เป็นเสมือน ยันต์กันผี

หากคุณเข้าใจแล้วว่า ผี ก็คือ อสุรกาย หรือก็คือ ความกลัวทั้งหลายของคุณ  คุณก็คงเข้าใจ เงินสามารถปกป้องความกลัวแทบทุกอย่างของคุณได้ จริงๆ  (อ-ไม่,สุระ-กล้าหาญ,อสุระ-ไม่กล้า,กลัว)

แต่มันก็เป็นเพียง ยันต์กันผี เท่านั้น แต่มัน มักไม่ค่อยได้ใช้งานจริง 

ตัวอย่างจากเรื่องจริงหลายๆเรื่องซึ่งก็คล้ายๆกันก็คือ มีคนชรามากมายที่พอจะมีเงินมีทองสะสมอยู่บ้าง บางคนก็มีมากเสียด้วย แต่ในยามที่เกิดเจ็บป่วยไข้ กลับไม่ยอมที่จะไปให้หมอรักษา ไม่กล้ากินไม่กล้าใช้ กระเหม็ดกระแหม่ จนเรียกได้ว่าขี้เหนียว จนน่าสมเพช  ก็เพียงเพราะว่า กลัวมันจะหมดไป

ขนาดคนอายุ ๘๐ เศษๆแล้ว ยังบอกว่า จะเอาไว้ใช้ในยามแก่

ซึ่งก็น่าเวทนาอย่างยิ่ง เพราะแม้เขาจะรู้ว่าเขาแก่มากแล้วก็ตาม แต่เขาก็ไม่รู้ว่า เขาจะมีอายุไปอีกนานสักเท่าใด

ดังนั้น เขาก็ได้แต่มองดูตัวเลขในธนาคารหรือ เงินทองที่เขาได้สะสมเอาไว้และนอนกอดมันด้วย ความอุ่นใจ ว่า

มัน สามารถปกป้อง ความกลัวต่างๆ ของเขาได้

เขาอาจจะกลัวอาการเจ็บป่วย แต่ยังกลัวน้อยเสียกว่า

การไม่มีเงินหรือ การสูญเสียที่ยึดเหนี่ยวทางด้านจิตใจของเขาไป

ความเชื่อในเรื่องของ เงิน   ก็คือ ความเชื่อ ในเรื่องของพระเจ้า

ต่างกันแต่เพียงว่า เงิน เป็นเรื่องของโลกนี้

พระเจ้า เป็นเรื่องของโลกหน้า เท่านั้น

แต่ยิ่งคน ไม่เชื่อในเรื่องของโลกหน้ามากขึ้นเท่าไร

เทพเจ้าหรือพระเจ้าที่มีพระนามว่า เงินตรา ก็จะยิ่งเฟื้องฟูมากขึ้นเท่านั้น

 

หมายเลขบันทึก: 205882เขียนเมื่อ 5 กันยายน 2008 10:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 01:55 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท